สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(12 มิถุนายน 2568)-----------ฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศคงอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศ ระยะยาว (Long-Term Foreign Currency Issuer Default Rating) และอันดับเครดิตสากลสกุลเงินในประเทศระยะยาว (Long-Term Local Currency Issuer Default Rating) ของธนาคารแสตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ SCBT ที่ ‘A-’ พร้อมกันนี้ ฟิทช์ได้ประกาศคงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว (National Long-Term Rating) ที่ ‘AAA(tha)’ โดยมีแนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ รายละเอียดของอันดับเครดิตทั้งหมดแสดงไว้ในส่วนท้าย
ปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิต
อันดับเครดิตพิจารณาจากปัจจัยสนับสนุนจากผู้ถือหุ้น: อันดับเครดิตสากลระยะยาว (Long-Term Issuer Default Rating) และอันดับเครดิตภายในประเทศของ SCBT พิจารณาจากอันดับเครดิตสนับสนุนจากผู้ถือหุ้น (Shareholder Support Rating; SSR) ที่ ‘A-’ ซึ่งรวมถึงความคาดหวังว่าจะมีการสนับสนุนเป็นพิเศษ (extraordinary support) จากธนาคารแม่ในประเทศสิงคโปร์ซึ่งคือ Standard Chartered Bank (Singapore) Limited (SCBS; อันดับเครดิตสากล ‘A+’/ แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ / อันดับความแข็งแกร่งทางการเงิน ‘a’) เมื่อเกิดสถานการณ์ที่มีความจำเป็น ทั้งนี้ อันดับเครดิตสากลระยะสั้น (Short-Term Issuer Default Ratings) ที่ ‘F1’ เป็นตัวเลือกที่สูงกว่า เพื่อสะท้อนถึงโอกาสที่ธนาคารแม่จะให้การสนับสนุนนั้นมีความแน่นอนกว่าในระยะสั้น
อันดับเครดิตพิจารณาเปรียบเทียบกับธนาคารอื่นในประเทศ: อันดับเครดิตภายในประเทศของธนาคารนั้นยังพิจารณาถึงโครงสร้างเครดิตของ SCBT เปรียบเทียบกับธนาคารหรือบริษัทอื่นที่ได้รับการจัดอันดับเครดิตภายในประเทศโดยฟิทช์ และยังสะท้อนถึงโอกาสการผิดนัดชำระหนี้ที่ต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับธนาคารหรือบริษัทอื่นในประเทศไทย
มีความสำคัญในเชิงกลยุทธ์: ฟิทช์เชื่อว่า SCBT จะยังคงมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนธุรกิจเครือข่ายธุรกิจระหว่างประเทศ (Cross border) ของ SCBS ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งนี้ SCBT ให้บริการทางการเงินแก่ลูกค้าองค์กรและสถาบันของกลุ่ม โดยใช้ประโยชน์จากเครือข่ายในภูมิภาคและความเชี่ยวชาญด้านผลิตภัณฑ์ของ SCBS อย่างไรก็ตาม ฟิทช์ไม่ได้มองว่า SCBT เป็นธนาคารลูกหลักของ SCBS เนื่องจากยังมีขนาดสินทรัพย์ที่ค่อนข้างเล็กและประเทศไทยเป็นตลาดที่ไม่ใช่เป้าหมายหลักสำหรับกลุ่ม
ความสัมพันธ์ด้านชื่อเสียงที่แข็งแกร่ง: ฟิทช์มองว่าการผิดนัดชำระของธนาคารลูกในไทยจะนำไปสู่ความเสียหายด้านชื่อเสียงอย่างมากต่อเครือข่ายธุรกิจของกลุ่ม ทั้งนี้เนื่องจาก การใช้ชื่อและตราสัญลักษณ์ทางการค้าร่วมกันอย่างชัดเจนระหว่าง SCBT และกลุ่ม รวมไปถึงความเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดทางด้านการตลาดและการมีฐานลูกค้าร่วมกัน
การบูรณาการกับกลุ่ม: มีการบูรณาการระหว่าง SCBT และ SCBS อย่างมีนัยสำคัญและต่อเนื่อง โดยธนาคารลูกในไทยมีการใช้ระบบงานและกระบวนการทำงานของกลุ่ม ทั้งนี้ SCBS ถือหุ้น 99.9% ในธนาคารลูก และมีการควบคุมและกำกับดูแลการจัดการของ SCBT นอกจากนี้ นโยบายการบริหารและการควบคุมความเสี่ยงของธนาคารก็ยังสอดคล้องกับกลุ่มเป็นอย่างดี
มีผลประกอบการที่มีกำไร: ฟิทช์คาดว่าผลการดำเนินงานในระยะปานกลางของ SCBT จะยังคงอยู่ในระดับที่ยอมรับได้เนื่องจากประโยชน์จากเครือข่ายของกลุ่มและรูปแบบธุรกิจของธนาคารลูกที่ค่อนข้างคงที่ ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานล่าสุดของ SCBT นั้นแข็งแกร่ง โดยมีอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานต่อสินทรัพย์เสี่ยง (OP/RWA) ที่ 1.4% ในปี 2567 แม้ว่าธุรกิจจะมีขนาดจำกัดในตลาดไทย โดยมีส่วนแบ่งการตลาดของเงินฝากประมาณ 0.6% ณ สิ้นปี 2567
ความสามารถในการสนับสนุนธนาคารลูกอยู่ในระดับดี: ความสามารถของ SCBS ในการสนับสนุน SCBT นั้นสะท้อนจากอันดับความแข็งแกร่งทางการเงิน (Viability Rating: VR) ของ SCBS ที่ ‘a’ ฟิทช์ใช้ VR ของธนาคารแม่แทนที่จะใช้อันดับเครดิตสากลระยะยาว (Long-Term IDR) เป็นอันดับเครดิตอ้างอิง (anchor rating) เนื่องจากยังมีความไม่แน่นอนว่า SCBT จะได้รับประโยชน์จาก qualifying junior debt ของกลุ่ม ซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้อันดับเครดิตสากลระยะยาวของ SCBS อยู่ในระดับที่สูงกว่าอันดับความแข็งแกร่งทางการเงิน อย่างไรก็ตาม ฟิทช์คาดว่าการสนับสนุนในกรณีที่มีความจำเป็นจะไม่มีนัยสำคัญสำหรับธนาคารแม่ในการให้การสนับสนุนธนาคารลูก เนื่องจาก SCBT คิดเป็นสัดส่วนที่น้อยกว่า 5% ของสินทรัพย์ของธนาคารแม่
ไม่มีการจัดอันดับเครดิตความแข็งแกร่งทางการเงิน: ฟิทช์ไม่ได้ให้อันดับเครดิตความแข็งแกร่งทางการเงิน (Viability Rating) แก่ SCBT เนื่องจากฟิทช์เชื่อว่าโครงสร้างอันดับเครดิตจากฐานะการเงินเฉพาะของธนาคารไม่มีนัยสำคัญ รูปแบบธุรกิจของธนาคารมีการพึ่งพาเครือข่ายและความเชี่ยวชาญของกลุ่มเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ การดำเนินงานของธนาคารก็ต้องพึ่งพากลุ่มเช่นกัน
ปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต
ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงลบหรือส่งผลให้เกิดการปรับลดอันดับเครดิต (ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน)
อันดับเครดิตสนับสนุนจากผู้ถือหุ้น และอันดับเครดิตสากลของ SCBT จะเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางเดียวกันกับการปรับตัวด้อยลงในสมมุติฐานด้านปัจจัยการสนับสนุนจากผู้ถือหุ้น
การปรับลดอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินของธนาคารแม่ อาจบ่งชี้ว่า SCBS มีความสามารถในการสนับสนุนธนาคารลูกลดลง และอาจส่งผลให้อันดับเครดิตสนับสนุนจากผู้ถือหุ้น และอันดับเครดิตสากลระยะยาวของ SCBT ได้รับการปรับลดอันดับ
การปรับลดเพดานอันดับเครดิต (country ceiling) ของประเทศไทย อาจส่งผลให้อันดับเครดิตสนับสนุนจากผู้ถือหุ้นและอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของ SCBT ถูกปรับลดอันดับ ซึ่งอาจบ่งชี้ว่า SCBT มีความสามารถในการเข้าถึงแหล่งสนับสนุนจากธนาคารแม่ลดลง อย่างไรก็ตาม ปัจจัยนี้อาจไม่ส่งผลกระทบต่ออันดับเครดิตสากลสกุลเงินในประเทศระยะยาว
การปรับตัวด้อยลงอย่างมีนัยสำคัญของโอกาสที่ SCBS จะให้การสนับสนุนแก่ธนาคารลูก ก็อาจส่งผลให้อันดับเครดิตของ SCBT ได้รับการปรับลดอันดับ ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้ หากธนาคารแม่มีการลดสัดส่วนการถือหุ้นลงต่ำกว่า 75% ควบคู่ไปกับการลดระดับอำนาจควบคุมการบริหารงาน การลดระดับการร่วมมือระหว่างกันและการสนับสนุนการดำเนินงาน อย่างไรก็ตาม ฟิทช์คาดว่าโอกาสในการสนับสนุนธนาคารในกรณีดังที่กล่าวมาไม่น่าจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีสาระสำคัญในระยะสั้นถึงระยะปานกลาง
อันดับเครดิตสากลระยะสั้นของ SCBT อาจถูกปรับลดอันดับ หากอันดับเครดิตสากลระยะยาวถูกปรับลดอันดับลงไปที่ ‘BBB’ หรือต่ำกว่า
อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของ SCBT อาจได้รับการปรับลดอันดับหากอันดับเครดิตสากลสกุลเงินในประเทศ ระยะยาวของธนาคารถูกปรับลดอันดับลงไปต่ำกว่าอันดับเครดิตสากลระยะยาวของประเทศไทยที่ 'BBB+' อย่างไรก็ตาม ฟิทช์ จะพิจารณาเปรียบเทียบกับโครงสร้างเครดิตของบริษัทอื่นที่ได้รับการจัดอันดับเครดิตภายในประเทศจากฟิทช์ด้วยเช่นกัน
ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงบวกหรือส่งผลให้เกิดการปรับเพิ่มอันดับเครดิต (ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน)
อันดับเครดิตสนับสนุนจากผู้ถือหุ้นและอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาว อาจได้รับการปรับเพิ่มอันดับหากเพดานอันดับเครดิตของประเทศไทยได้รับการปรับเพิ่มอันดับ พร้อมทั้งมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นของความสามารถหรือโอกาสที่ SCBS จะให้การสนับสนุนให้แก่ SCBT
อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของ SCBT ไม่ถูกจำกัดโดยเพดานอันดับเครดิตของประเทศไทย ดังนั้นจึงอาจได้รับการปรับเพิ่มอันดับหากปัจจัยสนับสนุนจากผู้ถือหุ้นมีการปรับตัวแข็งแกร่งขึ้น ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้หากความแข็งแกร่งทางการเงินของ SCBS ได้รับการปรับเพิ่มอันดับ หรือหากฟิทช์เห็นว่าโอกาสที่ธนาคารแม่จะให้การสนับสนุนแก่ SCBT นั้นมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น และฟิทช์มองว่า SCBT ได้กลายเป็นธนาคารลูกหลักของ SCBS อันดับเครดิตสากลสกุลเงินในประเทศระยะสั้นอาจได้รับการปรับเพิ่มอันดับ หากอันดับเครดิตสากลสกุลเงินในประเทศระยะยาวของ SCBT ได้รับการปรับเพิ่มอันดับ
อันดับเครดิตที่มีความเชื่อมโยงกับอันดับเครดิตอื่น
อันดับเครดิตของ SCBT มีความเชื่อมโยงกับอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินของ SCBS
การพิจารณาปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG)
ระดับคะแนนที่สูงที่สุดสำหรับความสัมพันธ์ของ ESG ต่ออันดับเครดิต (หากมีการเปิดเผย) แสดงว่าระดับคะแนนจะอยู่ที่ ระดับ 3 ซึ่งหมายความว่าปัจจัยด้าน ESG จะไม่ส่งผลกระทบหรืออาจมีผลกระทบในระดับที่น้อยมากต่ออันดับเครดิต ของธนาคาร ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยจากลักษณะของธุรกิจหรือจากการบริหารจัดการของธนาคารก็ตาม ระดับคะแนน ESG ของฟิทช์ไม่ได้เป็นปัจจัยหนึ่งของกระบวนการพิจารณาอันดับเครดิต ระดับคะแนน ESG เป็นการคาดการณ์ถึงความเกี่ยวข้องและความสำคัญของระดับคะแนน ESG ที่อาจจะมีผลต่อการพิจารณาอันดับเครดิต สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมหาได้จาก https://www.fitchratings.com/topics/esg/products#esg-relevance-scores.
รายละเอียดของอันดับเครดิตทั้งหมดของ SCBT มีดังนี้
- อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวคงอันดับที่ ‘A-’ แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ
- อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะสั้นคงอันดับที่ ‘F1’
- อันดับเครดิตสากลสกุลเงินในประเทศระยะยาวคงอันดับที่ ‘A-’ แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ
- อันดับเครดิตสากลสกุลเงินในประเทศระยะสั้นคงอันดับที่ ‘F1’
- อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวคงอันดับที่ ‘AAA(tha)’ แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ
- อันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นคงอันดับที่ ‘F1+(tha)’
- อันดับเครดิตสนับสนุนจากผู้ถือหุ้นคงอันดับที่ ‘a-’