.jpg)
สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(11 มิถุนายน 2568)-------บริษัท นูทริชั่น โปรเฟส จำกัด (มหาชน) หรือ NUT ผู้นำด้านการพัฒนาและผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหารครบวงจร เข้าเทรด mai วันแรก เดินหน้าสร้างการเติบโตต่อเนื่องทั้งรายได้และกำไร มุ่งเน้นพัฒนาสินค้าใหม่ตอบโจทย์ลูกค้ามากขึ้น พร้อมขยายตลาด-ประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและเครื่องสำอาง ผ่านช่องทางออนไลน์-ออฟไลน์ครบวงจร ด้าน PST ที่ปรึกษาการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน มั่นใจหุ้นมีศักยภาพ ฐานะทางการเงินแกร่ง บริหารต้นทุนดี ธุรกิจอยู่ในกระแสความต้องการดูแลสุขภาพ สร้างโอกาสที่ดีแก่นักลงทุน
นายภาคิณ กิตติภานุวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นูทริชั่น โปรเฟส จำกัด (มหาชน) หรือ NUT ผู้นำด้านการพัฒนาและผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหารครบวงจร เปิดเผยว่า การเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ของบริษัทในครั้งนี้ ถือเป็นความสำเร็จอีกขั้น และ เป็นส่วนสำคัญที่สร้างการเติบโตอย่างก้าวกระโดดให้กับบริษัท ซึ่งจะส่งเสริมศักยภาพการดำเนินงานของบริษัทในด้านการตลาด ผ่านการโฆษณา ประชาสัมพันธ์ การผลิตคอนเทนต์ (Content) และ ใช้พรีเซ็นเตอร์และอินฟลูเอนเซอร์ เพื่อสร้างการรับรู้และกระตุ้นยอดขายสำหรับสินค้าใหม่ในกลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและเครื่องสำอาง ซึ่งถือเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในยุคปัจจุบัน อีกทั้งเป็นการเพิ่มความสามารถการพัฒนาผลิตภัณฑ์และเครื่องสำอาง โดยมุ่งเน้นไปที่การจัดซื้อวัตถุดิบที่มีคุณภาพ รวมถึงบรรจุภัณฑ์ที่ได้มาตรฐาน
โดย NUT มีจุดแข็งในการดำเนินธุรกิจแบบครบวงจร ทั้งการควบคุมกระบวนการผลิตได้อย่างเต็มรูปแบบภายในโรงงานที่ผ่านการรับรองมาตรฐานสากล พร้อมด้วยทีมพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ที่สามารถตอบสนองความต้องการของตลาดอย่างรวดเร็วและยืดหยุ่น ประกอบกับจุดเด่นด้านการตลาดและการบริการหลังการขายที่สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างตรงจุด
ทั้งนี้ บริษัทมีแผนการขยายธุรกิจ โดยการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ครอบคลุมทั้ง 3 กลุ่มผลิตภัณฑ์หลัก ได้แก่ กลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร (Dietary Supplement), กลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลผิว (Skin Care) และ กลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลส่วนบุคคล (Personal Care) ประกอบกับการเพิ่มประสิทธิภาพในการประชาสัมพันธ์ผ่านคอนเท้นต์ รวมถึงการใช้ช่องทางที่มีคุณภาพและเข้าถึงลูกค้าทั้งออฟไลน์และออนไลน์ครบวงจร ขณะเดียวกันบริษัทมุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุมต้นทุนและบริหการอัตรากำไรขั้นต้นให้อยู่ในระดับที่ดี
"สำหรับสัดส่วนรายได้จากการขายโดยแบ่งตามช่องทางการจัดจำหน่ายของบริษัทในปี 2567 แบ่งเป็น ช่องทางออฟไลน์ อาทิ โทรทัศน์, โทรศัพท์, ร้านขายยา, ร้านค้าปลีก ฯลฯ อยู่ในระดับ 23.31%, การรับจ้างผลิต (OEM) 7.14% และ ช่องทางออนไลน์ อาทิ ดิจิทัล มาร์เก็ตติ้ง (Digital marketing) และ ตลาดออนไลน์ (Marketplace) ที่ถือว่าเป็นช่องทางการจำหน่ายที่มีสัดส่วนสัดส่วนมากที่สุดถึง 69.15%
ซึ่งในปี 2568 บริษัทยังคงมุ่งเน้นการพัฒนาช่องทางดังกล่าวให้มีประสิทธิภาพ และ สร้างการเติบโตของรายได้และเพิ่มความสามารถในการทำกำไรอย่างยั่งยืน ส่งผลให้ในช่วงไตรมาส 1/2568 สัดส่วนช่องทางออนไลน์ของบริษัทเติบโตขึ้นที่ระดับ 75.54%" นายภาคิณ กล่าว
นายวิชา โตมานะ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัท นูทริชั่น โปรเฟส จำกัด (มหาชน) หรือ NUT เปิดเผยว่า บริษัทความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในความสำเร็จของ NUT ในการเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ในครั้งนี้ ซึ่งความสำเร็จดังกล่าวจะส่งเสริมให้บริษัทสามารถสร้างการเติบโตอย่างมั่นคง อีกทั้งเชื่อว่า NUT จะได้รับความสนใจจากนักลงทุนทั้งในช่วงการซื้อขายวันแรกและต่อจากนี้ เนื่องจาก NUT เป็นบริษัทที่เป็นผู้นำในการผลิต ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและเครื่องสำอางครบวงจร ด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการ และ มีจุดเด่นเรื่องการพัฒนาผลิตภัณฑ์และการตลาดทั้งในช่องทางออฟไลน์และออนไลน์ที่สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างตรงจุด
"หุ้น NUT ได้รับความสนใจและมีกระแสการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน ตั้งแต่ช่วงการนำเสนอข้อมูล จนมาถึงวันจองซื้อ จากการกำหนดราคา การเสนอขายที่เหมาะสม สอดคล้องกับความสามารถในการดำเนินงาน และ ภาวะการลงทุนในปัจจุบัน บริษัทจึงมั่นใจว่า NUT จะเป็นหุ้นน้องใหม่ที่สามารถสร้างการตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุน ทั้งในแง่ของการเติบโตและนโยบายการปันผลให้กับผู้ถือหุ้นในอัตราไม่ต่ำกว่า 30% ของกำไรสุทธิหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล เงินทุนสำรองตามกฎหมาย รวมถึงเงินสำรองอื่นตามที่บริษัทกำหนด
อีกทั้งรูปแบบการดำเนินงานของบริษัทที่มุ่งเน้นสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน บนพื้นฐานความตั้งใจในการดูแลสุขภาพที่เหมาะสม ประกอบกับภาพรวมอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและเครื่องสำอางที่มีแนวโน้มความต้องการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จะเป็นโอกาสที่ดีให้ NUT สามารถสร้างความแข็งแกร่งของธุรกิจได้ในอนาคต" นายวิชา กล่าว