Today’s NEWS FEED

News Feed

InnovestX คาดวันนี้ SET "ไซด์เวย์..รอเบรก"

119

 

 

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์( 11 มิถุนายน 2568 )----- InnovestX บริษัทหลักทรัพย์ในกลุ่ม SCBX ออกบทวิเคราะห์ประจำวันที่ 11 มิถุนายน 2568 คาดตลาดแกว่งตัวไซด์เวย์ มีกรอบบนที่ 1145 และกรอบล่างที่ 1130-1127 รอการเบรก วานนี้การขึ้นยังทำจุดสูงสุดไม่ผ่าน 1145 ทำจุดสูงสุดที่ 1144.40 ก่อนอ่อนตัวลง ติดบริเวณดังกล่าวเป็นวันที่สอง การขึ้นยังมีแนวต้านที่ 1145/1150 และการอ่อนตัวลงมีแนวรับที่ 1130-1127/1120 หากหลุดต่ำกว่าจะแกว่งตัวลงรอบใหม่ เชิงปัจจัย จีน-สหรัฐฯ บรรลุกรอบความร่วมมือทางการค้าแล้ว เตรียมรายงานต่อผู้นำทั้งสองฝ่าย

 

 

ประเด็นสำคัญ
• จีน-สหรัฐฯ บรรลุกรอบความร่วมมือทางการค้าแล้ว เตรียมรายงานต่อผู้นำทั้งสองฝ่าย คาดช่วยคลี่คลายวิกฤตแร่หายาก มองเป็นบวกต่อหุ้นยานยนต์ หุ้นอิเล็กทรอนิคส์ และหุ้นเชื่อมโยงกับจีน
• WorldBank ลดประมาณการ ศก. โลกปีนี้ขยายตัว 2.3% ลดลงจาก 2.7% จากนโยบายภาษีของ ปธน. ทรัมป์ โดยได้ปรับลดคาดการณ์ของศก. สหรัฐฯ ลงสู่ 1.4% จาก 2.3% และยุโรปจาก 0.7% จาก 1.0% อย่างไรก็ตาม คงคาดการณ์เดิมของ ศก. ของจีนที่ 4.5% หลังจีนมีนโยบายการเงินการคลังสนับสนุน ศก.
• รมว. คลังเผยที่ประชุมอนุฯ โครงการกระตุ้น ศก. วงเงิน 1.57 แสนลบ. ยังไม่ได้ข้อสรุปโครงการที่ยื่นของบ เนื่องจากต้องดำเนินการและพิจารณาโครงการต่างๆ อย่างรัดกุม ทำให้การประชุม คกก. นโยบายกระตุ้น ศก. ชุดใหญ่วันนี้ถูกเลื่อนออกไป
• FETCO เผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนสำหรับอีก 3 เดือนข้างหน้า ใน พ.ค. 68 ปรับขึ้นสู่เกณฑ์ “ทรงตัว” จาก “ซบเซา” โดยนักลงทุนมองมาตรการกระตุ้น ศก. ของภาครัฐเป็นปัจจัยหนุนความเชื่อมั่นมากที่สุด รองมา คือ การฟื้นตัวของ ศก. ในประเทศ
• กระทรวงท่องเที่ยวฯ เผยจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติวันที่ 2-6 มิ.ย. 68 อยู่ที่ 565,778 คน ลดลง 4% YoY และ 2% WoW โดยการลดลง YoY น้อยลงจากสัปดาห์ก่อน (-8% YoY) หลักๆ จากแนวโน้มทีดีขึ้นของตลาดนักท่องเที่ยวประเทศอื่นๆ (ที่ไม่ใช่ตลาดจีน)
• ครม. มีมติเห็นชอบร่าง พ.ร.บ. หลักทรัพย์อิเล็กทรอนิกส์ เพื่อรองรับกระบวนการออกหลักทรัพย์อิเล็กทรอนิกส์ การทำธุรกรรมต่างๆ การกำกับดูแล รวมถึงบทลงโทษเพื่อการบังคับใช้กฎหมาย เพื่อความทันสมัยและเพิ่มขีดความสามารถด้านตลาดทุน

 

กลยุทธ์การลงทุน
ช่วงสั้นมอง SET แกว่งตัว Sideways เนื่องจากยังมีปัจจัยที่ต้องติดตามจากข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯ และประเทศคู่ค้า โดยเฉพาะจีน อินเดีย และญี่ปุ่น ความไม่แน่นอนการเมืองไทย (การปรับ ครม.) และผลกระทบของ DELTA จากเกณฑ์คำนวณใหม่ของ ตลท. ที่จำกัดน้ำหนักหุ้นรายตัวใน SET50/SET100 ซึ่งจะเริ่มวันที่ 1 ก.ค. นี้ อย่างไรก็ดี วันที่ 10 มิ.ย. อาจมีความคืบหน้าพิจารณาโครงการ “เที่ยวไทยคนละครึ่ง 2568” ซึ่งแม้มองส่งผลบวกต่อ SET ไม่มากนัก แต่เชื่อว่าช่วงต้น เม.ย. SET ได้ปรับลงใกล้ระดับวิกฤติ (Downside ที่ 1,032 จุด) สะท้อนผลกระทบจากนโยบายภาษีสหรัฐฯ ซึ่งผ่านจุดแย่ที่สุดไปแล้ว เรายังคงมุมมองหากดัชนีปรับตัวลงมาบริเวณ 1120-1100 จุด ยังเป็นโอกาสทยอยซื้อสะสมสำหรับนักลงทุนระยะกลาง-ยาว กลยุทธ์ลงทุนคงแนะนำให้ “Selective Buy”


แนวรับ-ต้าน
1127/1120– 1145/1150


ล็อคเป้าลงทุนประจำสัปดาห์
มอง SET มีโอกาสแกว่งตัว Sideways จากความไม่แน่นอนในหลายปัจจัย ข้อตกลงการค้าสหรัฐฯ, การเมืองไทย และการปรับเกณฑ์คำนวณดัชนี SET50/SET100 กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy” ใน 4 ธีม หลักและ 2 ธีมเทรดดิ้ง ที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้
1. หุ้น Earnings Play โมเมนตัมกำไรยังเติบโตแข็งแกร่ง 2Q68 คาดกำไรปกติจะเติบโตได้ทั้ง YoY และ QoQ แนะนำ ADVANC TRUE CPALL BTG CPF
2. หุ้น SET50 ที่มี SET ESG Ratings A ขึ้นไป คาดให้ Div. Yield ตั้งแต่ 5% ขึ้นไป อีกทั้งเราแนะนำ Outperform แนะนำ PTT KTB BBL HMPRO
3. หุ้นที่คาดเป็นเป้าหมาย ThaiESGX โดย 1) ปี 2568 คาดกำไรเติบโต YoY 2) ฐานะการเงินแกร่ง และ 3) จ่ายปันผลสม่ำเสมอ แนะนำ ADVANC BDMS CPALL PTT BCH BTG AP
4. หุ้นตั้งรับที่มีรายได้ในประเทศเป็นหลัก สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำและต้องการรอดูความชัดเจนการดำเนินมาตรการภาษี ปธน. ทรัมป์ แนะนำ BCH CPALL GULF MTC OR TRUE
5. Trading Idea: สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูงและต้องการเก็งกำไร แนะนำ 1) หุ้นที่มีโอกาสได้รับน้ำหนักเพิ่มจากกองทุน Passive Funds ที่ต้องลดน้ำหนัก DELTA ลงเหลือ 10% และเพิ่มน้ำหนักหุ้นอื่นใน SET50 แทน แนะนำ PTT ADVANC AOT GULF CPF และ 2) หุ้นที่ฟื้นตัวเร็วหากมีความคืบหน้าการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และประเทศคู่ค้า แนะนำ AMATA AOT MINT PTT TU WHA

 

Daily top picks


SCC: มองราคาหุ้นมีปัจจัยกระตุ้นจากการเจรจาการค้าจีน-สหรัฐฯ ที่บรรลุกรอบข้อตกลงเบื้องต้น ขณะที่โมเมนตัมของกำไรคาดยังคงเป็นบวกต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปีนี้ โดย 2Q68TD ส่วนต่างราคาของ HDPE เพิ่มขึ้น +15.6% QoQ และ +1.6% YoY ขณะที่ PP เพิ่มขึ้น +18.8% QoQ และ +19.0% YoY จากต้นทุนแนฟทาที่ลดลงแรง และราคาขายซีเมนต์ที่ดีหนุนกำไรใน 2Q68 และในช่วงที่เหลือของปีนี้

GPSC: มองราคาหุ้นมีปัจจัยกระตุ้นระยะสั้นจากการปรับตัวลงของราคาก๊าซฯ และ Bond Yield ขณะที่ปี 2568 คาดกำไรปกติจะเติบโต 3.9%YoY โดยมีปัจจัยหนุน ได้แก่ การเพิ่มกำลังการผลิต, การได้รับการคัดเลือกโครงการพลังงานทดแทนระยะที่ 2 รอบแรก, ไม่ได้รับผลกระทบจากการบังคับใช้ภาษีขั้นต่ำสากล (GMT)

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

NTFG ให้การต้อนรับ LEO พร้อมหารือโอกาสทางธุรกิจ

NTFG ให้การต้อนรับ LEO พร้อมหารือโอกาสทางธุรกิจ

ลงดีกว่า By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ เห็นหุ้นไทย เช้าวันนี้ เมื่อไปต่อไม่ได้ ก็ลงดีกว่า ลงแบบ เบาๆ บนไร้เงินใหม่ มากระตุ้น .....

มัลติมีเดีย

รู้จักพร้อมเปิดพื้นฐาน NUT ก่อนเทรด 11 มิ.ย.- สายตรงอินไซด์ - 9 มิ.ย.68

รู้จักพร้อมเปิดพื้นฐาน NUT ก่อนเทรด 11 มิ.ย.- สายตรงอินไซด์ - 9 มิ.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้