---มีสัญญาณที่ดีขึ้นในเดือนพ.ค.---
ยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ในเดือนพ.ค.มีสัญญาณดีขึ้น หลังจาก SSSG ของ Big C ติดลบเล็กน้อยในเดือนเม.ย.25 เนื่องจากสภาพอากาศที่เย็นกว่าปกติเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ทำให้ยอดขายอุปกรณ์ทาความเย็นและเครื่องดื่มลดลง แต่เริ่มมีสัญญาณดีขึ้นในเดือนพ.ค. โดยสาขาที่อยู่ในแหล่งท่องเที่ยว บริษัทได้รีบปรับผลิตภัณฑ์และโปรโมชั่นให้สอดคล้องกับลูกค้าท้องถิ่น
มาร์จิ้นกลุ่มบรรจุภัณฑ์และสินค้าอุปโภคและบริโภคปรับตัวเพิ่มขึ้นใน 1Q25 และดีต่อใน 2Q25F โดยต้นทุนวัตถุดิบหลักของธุรกิจบรรจุภัณฑ์ เช่น โซดาแอช, แก้ว cullet, และอลูมิเนียม ยังอยู่ในระดับที่ทากาไรได้ดี ขณะเดียวกันบริษัทควบคุมต้นทุนการผลิตในสินค้าอุปโภคบริโภคได้ดี และมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น
ผู้บริหารระบุว่าลูกค้ารายสาคัญในธุรกิจกระป๋องอลูมิเนียมของบริษัทได้กลับมาสั่งซื้อสินค้าอีกครั้งตั้งแต่พ.ค.25 เมื่อรวมกับความพยายามในการหาลูกค้าใหม่ ทำให้ยอดขายบรรจุภัณฑ์ใน 2Q25F มีแนวโน้มทรงตัวถึงลดเล็กน้อย
สินค้าอาหารสดและอาหารพร้อมรับประทานยังแข็งแกร่ง ยอดขายโตเป็นเลขสองหลัก นับว่าประสบความสาเร็จในการปรับแผนกลยุทธ์ด้วยการเพิ่มสินค้า เช่น เบเกอรี่ อาหารพร้อมรับประทาน และสินค้านำเข้า
กลุ่มดูแลสุขภาพมีมาร์จิ้นดีขึ้น ทั้งนี้แม้ว่ายอดขายของกลุ่มดูแลสุขภาพจะลดลงหลังขาย TSS ออกไปใน 1Q25 แต่อัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจจะเพิ่มขึ้นใน 2Q25F เพราะไม่มีผลขาดทุนจาก TSS เข้ามาฉุด
บริษัทยังคง Guidance ปี 68 รวมถึงประมาณการของเรา ตามตารางด้านล่างนี้
คงคำแนะนำซื้อ ให้ราคาเป้าหมาย 26 บาท (DCF) ทั้งนี้คาดการณ์กำไรหลักปีนี้โต +14% หนุนโดยยอดขายที่เติบโต, การปรับ Product mix เพิ่มสัดส่วนยอดขายสินค้าแบรนด์ของตนเองที่มาร์จิ้นสูงมากขึ้น, บริหารต้นทุนการผลิตได้มีประสิทธิภาพ และราคาวัตถุดิบอยู่ในระดับที่ทำกำไรได้ดี ณ ราคาหุ้นปัจจุบันมี P/BV ต่ำเพียง 0.7 เท่า และให้ DY ประมาณ 5% ต่อปี
นักวิเคราะห์&กลยุทธ์ : นันทิกา เวียงเพิ่ม : nantikawiang@dbs.com