ภาวะตลาด : SET Index วานนี้แกว่งบวก-ลบในวัน โดยเป็นการเลือกซื้อ-ขายหุ้นรายตัวกระจายไปในกลุ่มต่างๆ มูลค่าซื้อขายของตลาดซบเซาเหลือเพียง 2.4 หมื่นลบ. เนื่องจากขาดปัจจัยกระตุ้น รอผลเจรจาการค้าไทย-สหรัฐ และรอดูทิศทางการเมืองไทย รวมถึงการแก้ปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชาด้วย ปิดตลาดดัชนี -1.19 จุดที่ 1135.24 นักลงทุนสถาบันในปท.และต่างชาติขายสุทธิ -556 และ -203 ล้านบาท ตามลำดับ

ปัจจัยต่างประเทศ
• ความคืบหน้าเจรจาการค้า: มีความหวังว่าการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐ-จีนต่อในวันที่สองจะมีความคืบหน้า โดยทั้งสองฝ่ายมุ่งหวังผ่อนคลายความตึงเครียดเกี่ยวกับการส่งออกเทคโนโลยีและแร่หายาก ล่าสุดมีข่าวว่าจีนจะอนุมัติการส่งออกแร่หายากเป็นการชั่วคราว ขณะที่โบอิ้งเริ่มจัดส่งเครื่องบินพาณิชย์ให้จีนอีกครั้งหนึ่ง, นายกฯญี่ปุ่นจะพบปะกับปธน.ทรัมป์ ในการประชุม G7 วันที่ 15-17 มิ.ย.
• จีนเกินดุลการค้ากับสหรัฐลดลงถึง -41.55%YoY ในเดือนพ.ค.25 เป็น 1.8 หมื่นล้านUS$ เป็นผลจากส่งออกไปสหรัฐลดลงอย่างมาก (-34.5%YoY) ส่วนยอดส่งออกรวมโตเพียง 4.8%YoY
• สหรัฐ: ตลาดคาด Headline CPI จะเพิ่มขึ้น 2.5%YoY ในเดือนพ.ค. (จาก 2.3% ในเดือนเม.ย.) และเพิ่ม 0.2%MoM (เท่ากับเดือนเม.ย.) ส่วน Core CPI คาดว่าจะเพิ่ม 2.9%YoY (จาก 2.8% ในเดือนเม.ย.) และเพิ่ม 0.3%MoM (จาก 0.2% เดือนเม.ย.) ซึ่งก.พาณิชย์สหรัฐจะรายงานในวันที่ 11 มิ.ย.นี้...นักลงทุนประเมินว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งๆ ละ 0.25% ในปีนี้ คือ เดือนก.ย.และธ.ค.25
• ดัชนีตลาดสหรัฐเปลี่ยนแปลงไม่มาก รอดูผลเจรจาการค้าสหรัฐ-จีน สัญญาทองคำ ส่งมอบส.ค.ขยับขึ้น +8.30 US$ เป็น 3354.90 US$/ออนซ์ ด้านราคาน้ำมันดิบ WTI & BRENT ขยับขึ้นเป็น 65-67 US$/bbl ดัชนีค่าเงิน US$ อ่อนเล็กน้อย 98.96 ด้านเงินบาทแข็งเป็น 32.65 บาท/ดอลลาร์ ด้าน US bond yield 10 ปีลดเป็น 4.47% ดัชนีราคาถ่านหิน (NC) เพิ่มเป็น 105.25 (สูงสุด 149) ดัชนี Baltic Dry Index พุ่งเป็น 1691 เป็นบวกกับ PSL, TTA

ปัจจัยในประเทศ & ข่าวหุ้นเด่น
• ไทย: หนี้ครัวเรือน 4Q24 ลดเป็น 88.4% (จาก 88.9% ในสิ้น 3Q24) จากสินเชื่อหดตัว ด้าน NPL ครัวเรือนเพิ่มเป็น 8.94% ของสินเชื่อรวมในสิ้น 4Q24 จาก 8.78% ในสิ้น 3Q24 อัตราว่างงาน 1Q25 อยู่ที่ 0.88% โดยจ้างงานภาคเกษตร & SME ลดลง แต่จ้างงานภาคโรงแรม ร้านอาหาร ขนส่ง จัดเก็บสินค้าเพิ่มขึ้น
• จับตาผลการเจาจาการค้าไทย-สหรัฐ & สถานการณ์การเมืองไทย โดยเฉพาะการปรับครม. และการนัดไต่สวนทักษิณ-ผู้ที่เกี่ยวข้องปมรักษาตัวชั้น 14 ร.พ.ตำรวจของศาลฎีกาวันที่ 13 มิ.ย.นี้, การเจรจาแก้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชาในวันที่ 14 มิ.ย.นี้

กลุยทธ์ : สัญญาณทางเทคนิคยังเป็นลบ ดัชนียังอยู่ใต้เส้น SMA10 ระยะสั้นมีแนวรับ 1135-1130, 1120+/- หรือต่ำกว่า กรณีเด้งขึ้นมีแนวต้าน 1140-1145, 1150-1160 (ถ้าไม่ถึงหรือถึงแล้วยืนเหนือ 1160 ไม่ได้ให้ขายก่อน ถ้ายืนเหนือ 1160 ได้ ถือต่อ) ส่วนการลงทุนระยะยะกลาง-ยาว แนะเลือกสะสมหุ้นพื้นฐานดีที่ Valuation ไม่แพง จ่ายปันผลดี สม่ำเสมอ โดยหุ้นเด่นของเดือนมิ.ย.25 ประกอบด้วย ADVANC, CPALL, KTB, PR9 และ STECON

หุ้นพื้นฐานแนะนำวันนี้ : PR9 – รายได้และกำไรใน 2Q25F คาดว่าจะเติบโต YoY และ QoQ โดยรายได้จากคนไข้ตะวันออกกลางทำสถิติสูงสุดใหม่ (โดยหลักเป็นคนไข้การ์ตา) และมีแผนเพิ่มคนไข้ UAE, บังคลาเทศ แนวโน้มครึ่งหลังปี 25F ยังไปได้ดี สำหรับทงั้ ปีนี้คาดกำไรหลักโต +13%YoY โดดเด่นในกลุ่มโรงพยาบาลพรีเมียม โรงพยาบาลมีงบดุลแข็งแกร่ง เป็นเงินสดสุทธิ และมาร์จิ้น มีแนวโน้มดีขึ้นจากสัดส่วนรายได้คนไข้ต่างชาติสูงขึ้น การบริหารต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ การประหยัดจากการขยายขนาด แนะนำ ซื้อ ให้ราคาพื้นฐาน 30 บาท (DCF)

นักวิเคราะห์&กลยุทธ์: อาภาภรณ์ แสวงพรรค : arparporns@dbs.com : Tel 02 587 7829