Today’s NEWS FEED

News Feed

เอชเอสบีซี เผยบทวิจัยธุรกิจครอบครัวในเอเชีย ชี้เจ้าของธุรกิจมีแนวทางวางมือจากธุรกิจและส่งต่อกิจการจากรุ่นสู่รุ่นที่แตกต่างกัน

100

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(10 มิถุนายน 2568)----------เอชเอสบีซี โกลบอล ไพรเวท แบงค์กิ้ง (HSBC Global Private Banking) เปิดเผยรายงานฉบับใหม่ในหัวข้อ “ธุรกิจครอบครัวในเอเชีย: ความสอดคล้องในการวางแผนสืบทอดธุรกิจ” (Family-owned businesses in Asia: Harmony through succession planning) ซึ่งวิเคราะห์ความพร้อมของเจ้าของธุรกิจครอบครัวในเอเชียในการสืบทอดธุรกิจและการบริหารจัดการความมั่งคั่งในอนาคต

เจ้าของธุรกิจครอบครัวในเอเชียให้ความสำคัญกับการส่งต่อมรดกและรักษาความมั่งคั่งไว้ให้กับทายาทรุ่นหลัง แต่อย่างไรก็ตาม มีเพียงจำนวนน้อยเท่านั้นที่ได้เตรียมแผนการสืบทอดธุรกิจในครอบครัวอย่างจริงจัง โดยเฉพาะกลุ่มที่เป็นเจ้าของธุรกิจรุ่นที่สองหรือสาม ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความแตกต่างที่เห็นได้ชัดระหว่างความตั้งใจและการลงมือวางแผนส่งต่อธุรกิจไปยังทายาทจากรุ่นสู่รุ่นอย่างเป็นรูปธรรมเมื่อเทียบกับเจ้าของธุรกิจครอบครัวในตลาดฝั่งตะวันตก

ทั้งนี้ เจ้าของธุรกิจครอบครัวถึง 78% ทั่วโลกยังต้องการรักษาธุรกิจไว้ในครอบครัว แต่ก็มีกว่า 52% ที่ยังไม่มีแผนสำหรับอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ประกอบการในเอเชีย ซึ่งประมาณสองในสามของผู้ตอบแบบสอบถามจากจีนแผ่นดินใหญ่ ฮ่องกง และไต้หวัน ยังไม่มีแผนการในอนาคตว่าจะบริหารธุรกิจต่อจากรุ่นของตนอย่างไร

ความแตกต่างที่สำคัญของแรงจูงใจและแนวทางทางเลือกในการสืบทอดธุรกิจที่เจ้าของธุรกิจครอบครัวในแต่ละประเทศ ได้แก่
• อินเดีย มีสัดส่วนผู้ประกอบการที่ตั้งใจส่งต่อธุรกิจให้สมาชิกในครอบครัวมากที่สุดถึง 79% ซึ่งใกล้เคียงกับสหราชอาณาจักร (77%) และสวิตเซอร์แลนด์ (76%) ในขณะที่ผู้ประกอบการในฮ่องกงมีความตั้งใจในลักษณะเดียวกันน้อยกว่าเกือบครึ่งหนึ่ง (44%) ขณะที่จีนแผ่นดินใหญ่มี 56% และไต้หวันมี 61%
• เจ้าของธุรกิจครอบครัวในจีนแผ่นดินใหญ่ (25%) ฮ่องกง (29%) ไต้หวัน (27%) และสิงคโปร์ (22%) มีความสนใจในทางเลือกที่จะขายธุรกิจออกไปเพื่อยุติบทบาทการบริหารธุรกิจมากที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับเจ้าของธุรกิจครอบครัวใน 10 ตลาดที่ได้มีการสำรวจ ทั้งนั้น สำหรับเจ้าของธุรกิจครอบครัวในทั่วโลกนั้น กลุ่มธุรกิจที่นิยมขายธุรกิจเพื่อส่งต่อความมั่งคั่งไปยังทายาทสูงสุด คือ ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์ (21%) ซึ่งเอเชียครองสัดส่วนเกือบสองในสามของการส่งออกธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์ทั่วโลก
• ความต้องการในการขายธุรกิจของครอบครัวที่แตกต่างกัน อาจเกี่ยวเนื่องกับประสบการณ์ตรงและแรงจูงใจของผู้ตอบแบบสอบถามที่สืบทอดธุรกิจของครอบครัว โดยจากผลสำรวจในกลุ่มเจ้าของธุรกิจรุ่นที่สองหรือสาม พบว่าเกือบ 60% ของผู้ตอบแบบสอบถามในจีนแผ่นดินใหญ่ รู้สึกว่าตนมีหน้าที่รับผิดชอบในการสืบทอดธุรกิจครอบครัว ในขณะที่ในอินเดียมีเพียง 7% เท่านั้น
• อย่างไรก็ตาม เจ้าของธุรกิจครอบครัวที่มีการสืบทอดกันมาหลายเจอเนอเรชั่นทั่วเอเชียก็ยังคงได้รับการช่วยเหลือสนับสนุนจากผู้ใหญ่ในครอบครัวรุ่นก่อน ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสิงคโปร์ที่มีการสนับสนุนจากรุ่นก่อนสูงถึง 83% และในไต้หวัน ซึ่งอยู่ในอันดับต่ำสุดของเอเชีย ก็ยังมีสัดส่วนถึง 70%
ถึงแม้ว่าครอบครัวในเอเชียจะมีการวางแผนการสืบทอดธุรกิจน้อยกว่าภูมิภาคอื่นในโลก แต่กลับตระหนักถึงความจำเป็นในการวางแผนจัดการความมั่งคั่งอย่างเป็นระบบมากขึ้น โดยธุรกิจครอบครัวมีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจในเอเชีย โดยเฉพาะในอินเดียซึ่งมีสัดส่วนสูงถึง 79% ของ GDP ซึ่งนับว่าสูงเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก และจีนแผ่นดินใหญ่ที่ประมาณ 50% ของ GDP ทำให้ธุรกิจครอบครัวมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนภาคเอกชน

นายล็อค ยิม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานโกลบอล ไพรเวท แบงค์กิ้ง ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ธนาคารเอชเอสบีซี กล่าวว่า “การเล็งเห็นคุณค่าและความสำคัญของธุรกิจที่ดำเนินการบริหารโดยครอบครัวในฐานะส่วนหนึ่งของเศรษฐกิจโลกเป็นสิ่งที่สำคัญ ซึ่งต้องยอมรับว่าขณะนี้เราอยู่ในช่วงเวลาสำคัญของการเปลี่ยนผ่านกิจการจากรุ่นหนึ่งไปยังอีกรุ่นหนึ่ง หรือสู่การบริหารจัดการรูปแบบใหม่ โดยเราได้เห็นแล้วว่ามุมมองและพลวัตภายในครอบครัวผู้ก่อตั้งมีอิทธิพลต่อทิศทางของธุรกิจอย่างมาก”
รายงานของธนาคารเอชเอสบีซียังระบุว่า แม้เจ้าของกิจการครอบครัวจำนวนมากให้ความสำคัญกับมรดกและความต่อเนื่องของธุรกิจ แต่ไม่ได้หมายความว่าทุกคนต้องการให้กิจการยังคงอยู่ในครอบครัวเสมอไป แม้หลายคนจะเชื่อมั่นและไว้วางใจในคนรุ่นถัดไป แต่ก็เปิดกว้างให้ลูกหลานได้เลือกเส้นทางของตนเอง เพราะอาจมีแรงบันดาลใจหรือความฝันที่แตกต่างกันออกไป

นางอีดิธ อัง หัวหน้าฝ่ายที่ปรึกษาด้านธุรกิจครอบครัว สายงานโกลบอล ไพรเวท แบงค์กิ้ง ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ธนาคารเอชเอสบีซี กล่าวว่า “เจ้าของธุรกิจครอบครัวในเอเชียสามารถเตรียมตัวรับมืออนาคตได้ดีขึ้น ด้วยการนำแนวคิดการวางแผนส่งต่อธุรกิจและความมั่งคั่งที่ยืดหยุ่นและมองไปข้างหน้ามาปรับใช้ ซึ่งจะช่วยยืดอายุของธุรกิจและปกป้องความมั่งคั่งของครอบครัวได้อย่างยั่งยืน”

“การเริ่มต้นพูดคุยเรื่องการสืบทอดธุรกิจตั้งแต่เนิ่น ๆ จะช่วยให้ครอบครัวสามารถสร้างความเข้าใจร่วมกันได้ชัดเจนยิ่งขึ้น และเปิดโอกาสให้ที่ปรึกษาทางธุรกิจทำงานร่วมกับครอบครัวได้อย่างใกล้ชิด ทำให้ทุกคนจะมีเวลาที่จะเรียนรู้ และเตรียมพร้อมสำหรับการเปลี่ยนผ่านอย่างราบรื่น โดยทางเลือกก็ไม่ได้จำกัดอยู่ที่การเก็บธุรกิจไว้ในครอบครัวหรือขายกิจการ และการตั้งสำนักงานครอบครัว (Single Family Office) เพื่อบริหารจัดการความมั่งคั่งอย่างเป็นระบบเท่านั้น แต่บางครั้งทางเลือกที่เหมาะสมที่สุดอาจเป็นการผสมผสานระหว่างทั้งสองแนวทางอย่างเหมาะสมเช่นกัน” นางอีดิธ กล่าว

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

บทความล่าสุด

การเมือง ร้อน By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ รัฐบาล ไม่พ้นปรับ ครม. เมื่อพรรคการเมือง บางพรรค ส่งสัญญาณปรับเปลี่ยนตัว ผลัดกันเป็น...

NAM ร่วมงาน Opp-Day โชว์ศักยภาพงานวิจัย-พัฒนาเต็มสูบ

NAM ร่วมงาน Opp-Day โชว์ศักยภาพงานวิจัย-พัฒนาเต็มสูบ

มัลติมีเดีย

รู้จักพร้อมเปิดพื้นฐาน NUT ก่อนเทรด 11 มิ.ย.- สายตรงอินไซด์ - 9 มิ.ย.68

รู้จักพร้อมเปิดพื้นฐาน NUT ก่อนเทรด 11 มิ.ย.- สายตรงอินไซด์ - 9 มิ.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้