Krung Thai Bank (KTB TB)
พอร์ตสินเชื่อมีความเสี่ยงต่ำ ขณะที่ผลตอบแทนเงินปันผลดี
ไม่กังวลเรื่องคุณภาพสินทรัพย์มากนัก แนะนำ "ซื้อ"
เราคงคำแนะนำ "ซื้อ" และปรับลดราคาเป้าหมายเป็น 24.50 บาท (P/BV ปี 68 ที่ 0.74 เท่า และ ROE ที่ 9.1%) จากเดิมที่ 25 บาท หลังจากปรับลดประมาณการกำไรปี 68-69 จากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) ที่ลดลง เราไม่ค่อยกังวลเกี่ยวกับคุณภาพสินทรัพย์นัก เนื่องจากธนาคารมีอัตราส่วน NPL coverage ในระดับสูง และมีพอร์ตสินเชื่อที่มีความเสี่ยงต่ำ หุ้น KTB ให้ผลตอบแทนเงินปันผลประมาณ 7% โดยอิงจากอัตราการจ่ายเงินปันผลที่มั่นคงที่ 50% เรามองว่า KTB มีโอกาสที่จะซื้อหุ้นคืนและจ่ายเงินปันผลในระดับสูง เนื่องจากเป้าหมายการเติบโตของสินเชื่อปีนี้อยู่ที่ 0% นอกจากนี้ ธนาคารยังมีอัตราส่วน CET1 สูงถึง 18.9% ณ ไตรมาส 1/68 ขณะที่ความเสี่ยงหลักได้แก่คุณภาพสินทรัพย์และ NIM ที่อ่อนแอกว่าคาด
รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยเติบโตชดเชย NII ที่อ่อนตัวบางส่วน
KTB คาดว่าเศรษฐกิจจะเติบโต 2.0% ภายใต้สมมติฐานอัตราภาษี 10% ในปีนี้ อย่างไรก็ดี หากอัตราภาษีอยู่ที่ 36% ธนาคารคาดว่า GDP จะเติบโตเพียง 0.7% โดยสมมติว่าการส่งออกหดตัว -1.5% ทั้งนี้ CFO คงเป้าหมายทางการเงินทั้งหมดไว้ โดยตั้งเป้าอัตราการเติบโตของสินเชื่อทรงตัว และรายได้ค่าธรรมเนียมเติบโต 2-5% สำหรับปี 68 ส่วน NIM คาดว่าจะอยู่ในช่วง 2.9-3.0% ปีนี้ เทียบกับ 3.3% ปีที่แล้ว ภายใต้นโยบายอัตราดอกเบี้ย 1.5% รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย (Non-NII) จากกำไรจากการลงทุนมีแนวโน้มลดลง QoQ จากฐานที่สูงในไตรมาส 1/68 โดยธนาคารตั้งเป้าเพิ่มรายได้จากการติดตามหนี้เสียเพื่อหนุน Non-NII เราคาดว่าการรับรู้กำไรจากการถือหุ้นในกรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต (ซึ่งไม่ได้จดทะเบียนในตลาด) จะเพิ่มขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงทางบัญชีในปีนี้ ในด้านค่าใช้จ่าย ธนาคารตั้งเป้าควบคุมอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ไว้ที่ 42-44% ในปี 68 เทียบกับ 43.2% ในปี 67
คาดคุณภาพสินทรัพย์ทรงตัว credit cost ลดลงในไตรมาสถัดๆ ไป
แม้เศรษฐกิจมีแนวโน้มชะลอตัวจากการส่งออกที่อ่อนแอ CFO ระบุว่าต้นทุนความเสี่ยงจากการให้สินเชื่อ (credit cost) จะลดลง QoQ ในไตรมาสที่เหลือของปี และให้กรอบ credit cost ปี 68 ที่ 105-125bps เทียบกับ 123bps ในไตรมาส 1/68 ธนาคารตั้งเป้าอัตราส่วน NPL ต่ำกว่า 3.25% ในปีนี้ เทียบกับ 2.97% ในไตรมาส 1/68 และ NPL coverage คาดว่าจะอยู่เหนือ 180% ในปี 68 เทียบกับ 189% ในปี 67 ซึ่งสอดคล้องกับมุมมองของเราที่ว่า credit cost ของ KTB จะลดลง QoQ จาก (1) NPL coverage ที่สูง และ (2) สัดส่วนสินเชื่อภาครัฐและสินเชื่อบุคคลให้พนักงานภาครัฐในระดับสูง ซึ่งสามารถหักเงินเดือนเพื่อชำระหนี้ได้ (คิดเป็น 40% ของสินเชื่อรวม)
ปรับลดประมาณการกำไรปี 68-69 จาก NIM ที่ต่ำลง
เราปรับลดประมาณการกำไรปี 68-69 ลง 4-5% หลังจากปรับลด NIM และการเติบโตของสินเชื่อลง เพื่อสะท้อนผลประกอบการไตรมาส 1/68 เราคาดว่ากำไรปีนี้จะลดลง 3% YoY อยู่ที่ 4.23 หมื่นล้านบาท กำไรไตรมาส 2/68 มีแนวโน้มลดลง QoQ จาก NIM ที่ต่ำลงตามการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในช่วงไตรมาส 4/67 ถึงไตรมาส 2/68 ในด้านนโยบายบริหารทุน KTB ยังคงอัตราการจ่ายเงินปันผลไว้ที่ 50% สำหรับปี 68 และมองว่าการซื้อหุ้นคืนเป็นเครื่องมือทางการเงินที่ช่วยรักษา ROE ให้อยู่ในระดับเลขสองหลัก ทั้งนี้ KTB สามารถซื้อหุ้นคืนได้สูงสุด 10% ของทุนทั้งหมด
Jesada Techahusdin, CFA
jesada.t@maybank.com
(66) 2658 5000 ext 1395