สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(6 มิถุนายน 2568 )-----ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ไอแบงก์) โดย ดร.ทวีลาภ ฤทธาภิรมย์ กรรมการและผู้จัดการธนาคาร ในนามผู้แทนรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงการคลังจากประเทศไทย ได้รับเกียรติเข้าร่วมการประชุมวิชาการระดับนานาชาติ "International Islamic Economics and Finance Conference for Sustainable Development (IFESDC) 2025" ณ สำนักงานใหญ่ธนาคารโลก กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อเร็วๆ นี้
การประชุมครั้งนี้จัดขึ้นโดยความร่วมมือระหว่างสมาคมชาวมุสลิมอินโดนีเซียในอเมริกา (IMAAM) มหาวิทยาลัยตัซกียะฮ์ (Tazkia University) และ Sakinah Finance โดยได้รับการสนับสนุนจากผู้อำนวยการบริหาร ประจำกลุ่มผู้มีสิทธิออกเสียงเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (EDS16) ธนาคารโลก ซึ่งการประชุม IFESDC 2025 ครั้งนี้ จัดขึ้นภายใต้แนวคิดหลัก "การขจัดความยากจนและส่งเสริมความมั่งคั่งเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน" โดยเน้นบทบาทของเศรษฐศาสตร์และการเงินอิสลามในการตอบโจทย์ปัญหาระดับโลก อาทิ ความยากจน ความเหลื่อมล้ำ และวิกฤตสิ่งแวดล้อม โดยมีผู้เข้าร่วมการประชุมกว่า 200 คน จาก 11 ประเทศ ประกอบด้วยนักวิชาการ ผู้นำศาสนา ผู้กำหนดนโยบาย และผู้บริหารจากประเทศสหรัฐอเมริกา อินโดนีเซีย มาเลเซีย บรูไน ไทย ปากีสถาน ซาอุดีอาระเบีย และประเทศอื่นๆ ภายในงานมีการนำเสนอบทความวิจัย การอภิปรายเชิงนโยบาย และการปาฐกถาพิเศษจากบุคคลสำคัญ ได้แก่ คุณศรี มุลยานี อินทราวาตี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง สาธารณรัฐอินโดนีเซีย คุณนาซารุดดิน อูมาร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกิจการศาสนา สาธารณรัฐอินโดนีเซีย ดร.อาหมัด ไฮกัล ฮาซัน ประธานสำนักงานจัดระบบการรับรองผลิตภัณฑ์ฮาลาล (BPJPH) สาธารณรัฐอินโดนีเซีย คุณเว็มปี สาปุตรา ผู้อำนวยการบริหาร ประจำกลุ่มผู้มีสิทธิออกเสียงเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ธนาคารโลก และ คุณเอลิซาเบธ ฮุยเบินส์ ผู้อำนวยการ ฝ่ายกลยุทธ์และปฏิบัติการ ภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก ธนาคารโลก
ในงานวันที่ 21 พฤษภาคม 2568 ดร.ทวีลาภ ได้ร่วมแสดงวิสัยทัศน์บนเวที CEOs' Talk ในช่วง CEOs' Talk I: Innovations in Islamic Economics and Finance for Economic Development พร้อมอภิปรายในหัวข้อ "Shariah Compliance in Global Markets" โดยเน้นบทบาทของไอแบงก์ในการนำจุดแข็งของระบบการเงินอิสลาม คือ หลัก Maqasid Al-Shariah และ ESG (Environment, Social, Governance) มาใช้ร่วมกันในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่ตอบโจทย์ทั้งจริยธรรมทางศาสนาและความยั่งยืน โดยมีสาระสำคัญที่น่าสนใจ ได้แก่ การเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุน โมเดลการกำกับชะรีอะฮ์ภายในผ่านคณะที่ปรึกษาศาสนา (Shariah Advisory Council) ของธนาคาร ซึ่งยืดหยุ่นและเหมาะสมกับบริบทไทยในรูปแบบผสมผสาน (Hybrid Model) การสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ เช่น บริการ e-Zakat ที่ตอบโจทย์สังคมไทยซึ่งมีวัฒนธรรมในการบริจาค การขยายการบริการแบบ Omni-Channel ทั้งช่องทางสาขาและดิจิทัล เพื่อรองรับลูกค้าในทุกพื้นที่ การสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับภาคีที่เกี่ยวข้อง อาทิ เครือข่ายสหกรณ์อิสลาม บริษัทตะกาฟุล บริษัทหลักทรัพย์ รวมทั้งหน่วยงานกำกับดูแล ได้แก่ ธนาคารแห่งประเทศไทย กระทรวงการคลัง สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย เพื่อส่งเสริมระบบชะรีอะฮ์ภิบาลอย่างเป็นรูปธรรม การใช้มาตรฐานการเงินอิสลามในระดับสากล ทั้งนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทยยังได้มีการเปิดช่องทางให้ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย นำมาตรฐาน Islamic Financial Services Board (IFSB) มาใช้กับเกณฑ์ในการกำกับดูแลด้านความเสี่ยงเพื่อยกระดับการเงินอิสลามในประเทศไทยให้ทัดเทียมมาตรฐานสากลด้วยในขณะนี้อีกด้วย
นอกจากนี้ ดร.ทวีลาภ ยังได้นำเสนอข้อคิดเห็นเชิงนโยบายที่สำคัญต่อระบบการเงินอิสลามในอนาคต อาทิ การผลักดันมาตรฐานชะรีอะฮ์ภิบาลในรูปแบบสากลที่คล้ายกับระบบการรับรองมาตรฐานด้านฮาลาล เพื่อให้นำไปปรับใช้ในระดับภูมิภาคและระหว่างประเทศ การสร้างบุคลากรที่มีความรู้ทั้งทางด้านศาสนาและการเงินควบคู่กัน โดยเฉพาะในระดับปฏิบัติการ เพื่อการสื่อสารภาพลักษณ์ของธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทยในฐานะธนาคารที่ยึดหลักจริยธรรม (Ethical Banking) ที่เปิดกว้างสำหรับลูกค้าทุกศาสนา โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ และการขอความร่วมมือจากองค์กรระดับโลก เช่น World Bank หรือ Islamic Development Bank (IsDB) เพื่อสนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของภาคการเงินอิสลามในประเทศไทย
ทั้งนี้ ภายในการประชุมได้จัดให้มีการลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่างมหาวิทยาลัยในประเทศไทยและอินโดนีเซีย กับ IMAAM และ Guidance College ประเทศสหรัฐอเมริกา และมีการจัดเวที CEO, Rector, & Regulators' Talk ที่อภิปรายถึงความเชื่อมโยงหลักสูตรเศรษฐศาสตร์และการเงินอิสลามกับกรอบกำกับดูแลและการปฏิบัติ เพื่อรับมือกับความท้าทายด้านการพัฒนา พร้อมนำเสนอผลงานวิจัยด้านซะกาต วากัฟ และการเงินอิสลาม ซึ่งจะได้รับการตีพิมพ์ภายในปีนี้อีกด้วย
การประชุม IFESDC 2025 ในครั้งนี้ ถือเป็นหนึ่งในเวทีแรกของโลกที่ริเริ่มจัดขึ้นโดยมุ่งเน้นเฉพาะเรื่องเศรษฐศาสตร์และการเงินอิสลาม ซึ่งสะท้อนถึงความร่วมมืออย่างเข้มแข็งระหว่างนักวิชาการ ผู้นำศาสนา และองค์กรการเงินอิสลาม ในการร่วมกันขับเคลื่อนแนวทางใหม่เพื่อการพัฒนาสังคมอย่างครอบคลุมและยั่งยืน และจะจัดอย่างต่อเนื่องต่อไป โดยธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทยพร้อมให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ และมุ่งมั่นที่จะเป็นส่วนหนึ่งของการผลักดันระบบการเงินอิสลามในเวทีโลก ซึ่งจะก่อให้เกิดประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรมต่อพี่น้องมุสลิมในประเทศไทยในระยะยาว