ฟื้นช้า ยังดีกว่าไม่ฟื้น
TOP PICK GULF/ PTT / SCGP

EXTERNAL FACTOR

• วานนี้ ตลาดหุ้นสรัฐฯ ไม่ค่อยสดใส เฉพาะอย่างยิ่งหุ้นกลุ่มเทคฯ นำโดยหุ้น TESLAร่วง -14% ด้วยแรงกดดันจากการปะทะเดือดกลางสื่อระหว่าง ปธน.ทรัมป์ และอีลอน มัสก์
• ประเด็นดังกล่าวอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อหุ้นกลุ่มเทคฯ ในบ้านเราผันผวนตามไปด้วยหลังพบว่าหุ้น DELTA มีความสัมพันธ์กับหุ้น TESLA และ NVDIA ด้วยค่าCORRELATION ราว 0.40
• อย่างไรก็ตาม ยังคาดหวังความผันผวนในสินทรัพย์เสี่ยงจะเบาลง หลังเห็นความคืบหน้าเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และประเทศต่างๆเช่น จีน ญี่ปุ่น เวียดนาม

INTERNAL FACTOR
• วันนี้ติดตามตัวเลขเงินเฟ้อไทยเดือน พ.ค.68 ที่ตลาดคาดจะหดตัวลงอยู่ที่ระดับ -0.83%YOY จึงทำให้โดยรวมยังอยู่ในระดับที่ต่ำกว่ากรอบเป้าหมายเงินเฟ้อ BOT ที่1-3% และหากพิจารณาอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงจะเพิ่มขึ้นจาก 1.97% สู่ระดับ 2.58%ซึ่งอาจเป็นปัจจัยหนุนให้ กนง.มีโอกาสลดดอกเบี้ยได้ง่ายขึ้นในอนาคต
• ส่วนหุ้นกลุ่มที่ได้SENTIMENT บวก แบ่งเป็น 5 กลุ่ม คือ กลุ่มเช่าซื้อ, กลุ่มธนาคารพาณิชย์ขนาดเล็ก, กลุ่มอสังหาริมทรัพย์, กลุ่มที่ให้ปันผลสูง (HIGH YIELD) และ กลุ่มได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยจ่ายลด (NET DEBT)

INVESTMENT STRATEGY
• ภาพรวมตลาดหุ้นไทยดูดีขึ้น เห็นความกล้าของนักลงทุนกลับมามากขึ้น หลังจากกราฟ SET ปิดเป็นแท่งสีเขียววันแรก หลังจากปิดเป็นแท่งสีแดงมาตลอด 13 วันติด หรือ ลงมาแล้วเกินกว่า 100 จุด และหากวิเคราะห์ลงเป็นราย SECTOR พบว่า นักลงทุนมีการขายกลุ่มหุ้น DEFENSIVE และ สลับมาเข้ากลุ่มหุ้น HIGH BETA มากขึ้น
• ส่วนภาพใหญ่ หุ้น CHINA PLAY ยังเป็นกลุ่มหลักที่ขับเคลื่อนตลาดในช่วงนี้ ดังนั้นกลยุทธ์ แนะนำหุ้น CHINAPLAY อย่าง PTTGC, SCGP, SCC และเก็งกำไรหุ้น HIGH BETA ที่ลงมาลึก อย่าง AAV, AMATA, SAWAD,JMT, CCET, BGRIM, JMART, AWC, CRC, ERW, WHA, KCE, DELTA, CENTEL, STA เป็นต้น

หุ้นเทคฯ เสี่ยงผันผวน...แต่หวังเจรจาการค้าคืบหน้าจะเข้ามาช่วยบรรเทา
วานนี้ ตลาดหุ้นสรัฐฯ ไม่ค่อยสดใส เฉพาะอย่างยิ่งหุ้นกลุ่มเทคฯ โดยดัชนี NASDAQ ร่วงลงราว -0.83% ขณะที่หุ้นTESLA ร่วง -14% ด้วยแรงกดดันจากการปะทะเดือดกลางสื่อ ระหว่าง ปธน.ทรัมป์ และอีลอน มัสก์
• อีลอน มัสก์ เรียกร้องให้ถอดถอน ปธน. ทรัมป์ และประกาศยุติการใช้ยาน DRAGON ของ SPACEX ในโครงการรัฐบาล
• ปธน. ทรัมป์ตอบโต้ด้วยการเสนอให้ยุติสัญญาและเงินอุดหนุนของรัฐบาลกลางที่มอบให้กับบริษัทของมัสก์ประเด็นดังกล่าวอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อหุ้นกลุ่มเทคฯ ในบ้านเราผันผวนตามไปด้วย หลังพบว่าหุ้น DELTA มีความสัมพันธ์กับหุ้น TESLA และ NVDIA ด้วยค่า CORRELATION ราว 0.40

อย่างไรก็ตาม ยังคาดหวังความผันผวนในสินทรัพย์เสี่ยงจะเบาลง หลังเห็นความคืบหน้าเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และประเทศต่างๆ
• จีน ปธน. สี จิ้นผิง ต่อสายโทรศัพท์คุยกับ ปธน.ทรัมป์วานนี้เห็นพ้องเดินหน้าการเจรจาการค้า หลังข้อพิพาทแร่หายากเริ่มคลี่คลาย โดยการพูดคุยเน้นไปที่แม่เหล็กแร่หายาก ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีและกลาโหมของสหรัฐฯ ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยฯ มองว่าแรงกดดันทางการค้าที่ผ่อนคลายขึ้น คาดเป็น SENTIMMENT เชิงบวกต่อหุ้นกลุ่ม CHINA PLAY อาทิ SCC, SCGP, TOP, PTTEP,PTTGC, IVL เป็นต้น
• ญี่ปุ่น เตรียมเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ รอบ 5 เล็งเสนอแผนเสริมแกร่งห่วงโซ่อุปทานแร่หายาก
• เวียดนาม เตรียมเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ รอบที่ 3 ภายในสัปดาห์หน้า

ในอีกแง่มุมหนึ่ง ยังความคาดหวังที่สูงขึ้นในการปรับลดดอกเบี้ยของ FED โดยล่าสุด FEDWATCH TOOL ให้น้ำหนักมากขึ้นเป็น 31.6% (เดิมคาด 28.9%) ที่มองว่า FED จะคงดอกเบี้ยในการประชุมรอบเดือน ก.ค. หลังเห็นตลาดแรงงานสหรัฐฯ ส่งสัญญาณอ่อนแอลง โดยสหรัฐเผยตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานล่าสุดเพิ่มขึ้นเป็น 247,000ราย ซึ่งสูงกว่าคาดและสูงสุดในรอบ 8 เดือน ขณะที่ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐฯ (NONFARMPAYROLLS) ที่จะประกาศในนี้ (6 ม.ย. 68) คาดชะลอตัวลงมาเหลือ 127,000 ตำแหน่ง

ลุ้นเงินเฟ้อไทยชะลอลง กดดัน กนง.ลดดอกเบี้ยระยะถัดไป
แม้คืนที่ผ่านมา ECB จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ตามตลาดคาด แต่ความเห็นของประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) ส่งสัญญาณว่าอาจมีการหยุดพักวัฏจักรการลดดอกเบี้ยที่ดำเนินมาอย่างยาวนาน ซึ่งอัตราเงินเฟ้อปัจจุบันลดลงแตะเป้าหมาย 2% แล้วโดยแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่ตลาดประเมินไว้คือ จะไม่มีการปรับลดในเดือนก.ค.68 และอาจลดอีกเพียงครั้งเดียวในช่วงปลายปี ซึ่งอาจเป็นเดือนธ.ค.68 ทำให้ตลาดปรับลดความคาดหวังเกี่ยวกับการปรับลดดอกเบี้ยครั้งต่อไป และกดดันให้ตลาดหุ้นโซนยุโรปไม่ได้ปรับตัวขึ้นมากนักส่วนระยะถัดไป ในเดือนนี้เตรียมรอการประชุม BOJ 17 มิ.ย.68 FED 18 มิ.ย.68 BOE 19 มิ.ย.68และ BOT 25 มิ.ย.68

ซึ่งวันนี้ติดตามตัวเลขเงินเฟ้อไทยเดือน พ.ค.68 ที่ตลาดคาดจะหดตัวลงอยู่ที่ระดับ -0.83%YOY ลดลงจากเดือนก่อนหน้า -0.22%YOY จึงทำให้โดยรวมยังอยู่ในระดับที่ต่ำกว่ากรอบเป้าหมายเงินเฟ้อ BOT ที่ 1-3% และหากพิจารณาอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงจะเพิ่มขึ้นจาก 1.97% สู่ระดับ 2.58% ซึ่งอาจเป็นปัจจัยหนุนให้ กนง.มีโอกาสลดดอกเบี้ยได้ง่ายขึ้นในอนาคต โดยฝ่ายวิจัยฯคาดว่าในปีนี้มีโอกาสลดดอกเบี้ยอีก 1ครั้งในช่วงที่เหลือของปีส่วนหุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์แบ่งเป็น 5 กลุ่ม คือ

• กลุ่มเช่าซื้อ THANI, MTC, TIDLOR, SAWAD, ASK, AEONTS, BAM, JMT
• กลุ่มธนาคารพาณิชย์ขนาดเล็ก KKP, TISCO
• กลุ่มอสังหาริมทรัพย์SPALI, LH , AP, ORI, QH, SIRI
• กลุ่มที่ให้ปันผลสูง (HIGH YIELD) INTUCH, ADVANC, SCC
• กลุ่มได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยจ่ายลด(NET DEBT) BGRIM, GULF, MINT, CPALL, CRC, TRUE

MOMENTUM ตลาดดีขึ้น สั้นๆ แนะเก็งกำไรหุ้น HIGH BETA
ภาพรวมตลาดหุ้นไทยดูดีขึ้น เห็นความกล้าของนักลงทุนกลับมามากขึ้น หลังจากกราฟ SET ปิดเป็นแท่งสีเขียววันแรก หลังจากปิดเป็นแท่งสีแดงมาตลอด 13 วันติด หรือ ลงมาแล้วเกินกว่า 100 จุด และหากวิเคราะห์ลงเป็นรายSECTOR พบว่า นักลงทุนมีการขายกลุ่มหุ้น DEFENSIVE และ สลับมาเข้ากลุ่มหุ้น HIGH BETA มากขึ้น

ส่วนภาพใหญ่ กลุ่มหุ้น CHINA PLAY ยังเป็นกลุ่มหลักที่ขับเคลื่อนตลาดอยู่ในช่วงนี้ ดังนั้นกลยุทธ์ แนะนำหุ้นCHINA PLAY อย่าง PTTGC, SCGP, SCC และเก็งกำไรหุ้น HIGH BETA ที่ลงมาลึกเกิน -30%YTD อย่าง AAV,AMATA, SAWAD, JMT, CCET, BGRIM, JMART, AWC, CRC, ERW, WHA, KCE, DELTA, CENTEL, STAเป็นต้น

Research Division
จัดทำโดย
ภราดร เตียรณปราโมทย์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
ภวัต ภัทราพงศ์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 117985
สิริลักษณ์ พันธ์วงค์
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์