Today’s NEWS FEED

News Feed

ฟิทช์คงอันดับเครดิตของ บมจ. โกลบอล กรีน เคมิคอล ที่ ‘A-(tha)’ แนวโน้มอันดับเครดิตเป็นลบ; และเพิกถอนอันดับเครดิต

132

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (4 มิถุนายน 2568 )-----บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว ( National Long-term Rating) ของ บริษัท โกลบอล กรีน เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ  GGC ที่ ‘A-(tha)’ และแนวโน้มเครดิตเป็นลบ ในขณะเดียวกัน ฟิทช์ได้ประกาศยกเลิกอันดับเครดิตของ GGC

 

แนวโน้มเครดิตเป็นลบ สะท้อนถึงการรวมบัญชีตามสัดส่วนของกิจการร่วมทุน (JV) ร้อยละ 50 ของ GGC คือ บริษัท จีจีซี เคทิส ไบโออินดัสเทรียล จำกัด (GKBI) ซึ่งมีหนี้สินสูงในปี 2567 อย่างไรก็ตาม การปรับกลยุทธ์ของ GGC เพื่อมุ่งเน้นที่ธุรกิจเคมีชีวภาพ (Biochemical) ที่มีความมั่นคงและการเพิ่มประสิทธิภาพของธุรกิจเชื้อเพลิงชีวภาพ (Biofuel)  น่าจะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งของ GGC จากรายได้ที่เพิ่มขึ้นและหนี้ที่ลดลง นอกจากนี้ ค่าใช้จ่ายด้านการลงทุน (capex) และการใช้เงินทุนหมุนเวียน ที่ลดลง จะส่งผลให้อัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA net leverage) ปรับตัวดีขึ้น และสอดคล้องกับอันดับเครดิตปัจจุบันภายในปี 2571

 

อันดับเครดิตของ GGC ได้มีการพิจารณารวมถึงการปรับเพิ่มอันดับเครดิตขึ้นสองอันดับ จากอันดับเครดิตโดยลำพังของบริษัท (Standalone Credit Profile) ซึ่งสะท้อนถึงแรงจูงใจในการให้การสนับสนุนของบริษัทแม่ซึ่งได้แก่ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC (อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวที่ ‘AA-(tha)’, แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ, อันดับเครดิตโดยลำพังที่ ‘a(tha)’) ซึ่งมีสถานะทางเครดิตที่แข็งแกร่งกว่า และมีสัดส่วนการถือหุ้นร้อยละ 72 ใน GGC   อันดับเครดิตโดยลำพังของ GGC สะท้อนถึง ขนาดของธุรกิจที่เล็ก ความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ที่จำกัด และความผันผวนของความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์   อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตได้รับการชดเชยจากสถานะของบริษัทฯ ซึ่งเป็นผู้ผลิตเชื้อเพลิงชีวภาพ และผลิตภัณฑ์โอลีโอเคมี (Oleochemicals) รายใหญ่ในประเทศไทย และความสามารถในการแข่งขันจากต้นทุนการผลิตที่ต่ำ โดยมีบริษัทในกลุ่ม ปตท. เป็นลูกค้ารายหลัก ทำให้ความต้องการผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ มีความแน่นอน  

 

ฟิทช์ได้ประกาศยกเลิกอันดับเครดิตของ GGC ตามแผนพัฒนาธุรกิจของฟิทช์

 

ปัจจัยที่มีผลต่ออันดับเครดิต

 

หนี้สินสูงจากกิจการร่วมทุน: อัตราส่วนหนี้สินของ GGC ที่ 5.4 เท่าในปี 2567 (ปี 2566: 4.8 เท่า) เป็นผลจากกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ที่เป็นลบ และหนี้สินที่สูง ของธุรกิจเอทานอลภายใต้กิจการร่วมทุน ร้อยละ 50 โดย GKBI ที่มีหนี้สิน 3.9 พันล้านบาทในปี 2567 และมี EBITDA ติดลบจำนวน 326 ล้านบาท ขณะที่ GGC ไม่มีหนี้สิน

 

การปรับโครงสร้างธุรกิจ: GGC ได้กำหนดทิศทางเชิงกลยุทธ์เพื่อมุ่งเน้นที่ผลิตภัณฑ์เคมีชีวภาพและผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูง บริษัทจะให้ความสำคัญกับการใช้ประโยชน์สินทรัพย์และการเพิ่มประสิทธิภาพวัตถุดิบเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน นอกจากนี้ บริษัทได้เพิ่มกำลังการผลิตที่กิจการร่วมทุนอีกแห่งคือ บริษัท ไทยทอกซีเลท จำกัด (TEX) นอกเหนือจากการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูง ขณะเดียวกันก็ปรับโครงสร้างพอร์ตโฟลิโอธุรกิจเพื่อลดความเสี่ยงจากธุรกิจเชื้อเพลิงชีวภาพที่มีความผันผวน GGC ตั้งเป้าให้ผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูงมีส่วนร่วมใน EBITDA ถึงร้อยละ 15 ภายในปี 2573 จากร้อยละ 1 ในปัจจุบัน

 

การเติบโตจากกำลังผลิตที่เพิ่มขึ้น: ฟิทช์คาดว่า EBITDA ของ GGC จะเพิ่มขึ้นเป็น 751 ล้านบาทในปี 2568 จาก 559 ล้านบาทในปี 2567 ซึ่งได้รับการสนับสนุนหลักจากการการขาดทุนของ GKBI ที่ลดลง และปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้น จากการเพิ่มกำลังการผลิตใหม่ในธุรกิจแฟตตี้แอลกอฮอล์ อีทอกซีเลท (Fatty alcohol ethoxylate) ฟิทช์คาดว่าการขยายกำลังการผลิตจะให้ EBITDA เพิ่มเติมประมาณ 30-40 ล้านบาทในปี 2568-2569    TEX ได้เริ่มดำเนินการกำลังการผลิตใหม่ที่โรงงานแฟตตี้แอลกอฮอล์ อีทอกซีเลท ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2567

 

ธุรกิจเมทิลเอสเทอร์ที่ผันผวนต่ำ: ฟิทช์เชื่อว่ากำไรของ GGC จะได้รับการสนับสนุนจากธุรกิจเมทิลเอสเทอร์ ที่มีความผันผวนต่ำ ซึ่งมีสัดส่วนรายได้อยู่ที่ประมาณร้อยละ 50 ในปี 2565-2567 สัดส่วนการผสมไบโอดีเซลในน้ำมันดีเซลที่คงที่ และราคาขายที่มีการกำหนดโดยภาครัฐ ที่แปรผันตามต้นทุน และความต้องการผลิตภัณฑ์จาก บริษัทลูกของ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (อันดับเครดิตสากลสากลอยู่ที่ BBB+, อันดับเครดิตภายในประเทศอยู่ที่ AAA(tha), แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ) ที่ดำเนินธุรกิจค้าปลีกน้ำมัน และโรงกลั่นทำให้อัตราส่วนกำไร และความต้องการผลิตภัณฑ์ของ GGC ค่อนข้างแน่นอน

 

ค่าใช้จ่ายด้านการลงทุนอยู่ในระดับกลาง: ฟิทช์คาดว่าค่าใช้จ่ายในการลงทุน (capex) ของ GGC จะอยู่ในช่วง 400 - 600 ล้านบาทต่อปีระหว่างปี 2568 ถึง 2570 เทียบกับ 611 ล้านบาทในปี 2567 เนื่องจากคาดว่า GGC จะใช้การลงทุนใหม่ด้วยความระมัดระวัง โดยเฉพาะในปี 2568 - 2569 เนื่องจากความผันผวนของตลาดจากสภาพทางเศรษฐกิจมหภาคและความไม่แน่นอนของสภาพอากาศ ฟิทช์คาดการณ์การลงทุนรวมประมาณ 1.4 พันล้านบาทในช่วงสามปีข้างหน้า เป็นหลักสำหรับกิจกรรมซ่อมบำรุง

 

การกระจายตัวของผลิตภัณฑ์ที่จำกัด; ความผันผวนของอุปสงค์: สถานะทางเครดิตของ GGC ได้ถูกลดทอนจากการที่บริษัทฯ มีการกระจายตัวของผลิตภัณฑ์ที่จำกัด และอยู่ในอุตสาหกรรมที่มีความผันผวน    ผลิตภัณฑ์ของ GGC ประกอบด้วยเชื้อเพลิงชีวภาพ และ แฟตตี้แอลกอฮอล์ และผลิตภัณฑ์เกี่ยวเนื่อง ทำให้บริษัทฯ มีการกระจายตัวผลิตภัณฑ์ที่จำกัด และมีขนาดธุรกิจเล็กกว่าบริษัทอื่นๆ ที่อยู่ในธุรกิจเคมี และภาคอุตสาหกรรม      นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีต้นทุนวัตถุดิบซึ่งส่วนใหญ่ได้แก่ น้ำมันปาล์มดิบ และน้ำมันเมล็ดในปาล์ม ที่มีความผันผวน ถึงแม้ว่าจะได้รับการการชดเชยจากราคาขายที่คำนวณจากต้นทุนบวกกำไร

 

ความสัมพันธ์กับบริษัทแม่: ฟิทช์พิจารณาว่าแรงจูงใจในการให้การสนับสนุน ด้านกลยุทธ์ และด้านการดำเนินงานของ PTTGC ต่อ GGC อยู่ในระดับปานกลาง ตามหลักเกณฑ์การจัดอันดับเครดิตของฟิทช์ในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างบริษัทแม่กับบริษัทลูก (Parent and Subsidiary Rating Linkage Criteria)   GGC เป็นบริษัทหลักสำหรับธุรกิจ Green Chemical และเป็นหนึ่งในตัวจักรสำคัญในการสนับสนุนเป้าหมายของ PTTGC และกลุ่มปตท. ในการลดการปล่อยคาร์บอน และการดำเนินธุรกิจที่หยั่งยืน ถึงแม้ว่าสัดส่วนกำไรของ GGC ต่อ PTTGC จะอยู่ในระดับต่ำ       PTTGC มีการให้การสนับสนุนทางการเงินแก่ GGC ในช่วงที่บริษัทฯ มีปัญหาทางด้านการเงินในปี 2554 โดยมีการแปลงหนี้เป็นทุน รวมถึงในปัจจุบันที่มีการให้วงเงินกู้หมุนเวียนจำนวน 1 พันล้านบาท เพื่อใช้ในการบริหารจัดการสภาพคล่อง

 

ฟิทช์เชื่อว่า PTTGC จะยังคงให้การสนับสนุน หากมีความจำเป็น  นอกจากนี้ แรงจูงใจในการให้การสนับสนุน ยังได้พิจารณารวมถึงการที่ PTTGC มีอำนาจควบคุม ในฐานะผู้ถือหุ้นรายใหญ่ โดยผู้บริหารของ GGC ได้รับการแต่งตั้งจาก PTTGC   ปัจจัยดังกล่าวทำให้ฟิทช์พิจารณาว่าแรงจูงใจในการให้การสนับสนุน ในด้านความสำคัญทางกลยุทธ์ และความสำคัญทางด้านการดำเนินงาน อยู่ในระดับปานกลาง   ส่วนแรงจูงใจในการให้การสนับสนุนในด้านกฏหมายอยู่ในระดับต่ำเนื่องจากไม่มีการค้ำประกันหนี้จาก PTTGC หรือเงื่อนไขการผิดนัดไขว้ (Cross-default clause) ในสัญญาเงินกู้ของ PTTGC

 

การกำหนดอันดับเครดิตโดยสรุป

สถานะทางเครดิตของ GGC อยู่ในระดับต่ำกว่าบริษัท อีสเทิร์น โพลีเมอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ EPG (อันดับเครดิตภายในประเทศที่ ‘A-(tha)’ แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ) ซึ่งเป็นผู้นำในธุรกิจผลิตฉนวนยางกันความร้อน/เย็น ที่ผลิตจากยางสังเคราะห์ประเภท EPDM, ธุรกิจผลิตชิ้นส่วนและอุปกรณ์ตกแต่งรถยนต์ และธุรกิจผลิตบรรจุภัณฑ์พลาสติกใช้ครั้งเดียวสำหรับเครื่องดื่มและอาหาร GGC มีประเภทของผลิตภัณฑ์ และการกระจายตัวของธุรกิจปลายทางที่น้อยกว่า EPG ถึงแม้ว่าขนาดธุรกิจที่ขนาดของทั้งสองบริษัท อยู่ในระดับใกล้เคียงกัน ดังนั้นอันดับเครดิตโดยลำพังของ GGC จึงอยู่ในระดับต่ำกว่าอันดับเครดิตของ นอกจากนี้ EPG ยังมีอัตราส่วนหนี้สินในระดับต่ำกว่า GGC

 

สถานะทางธุรกิจของ GGC อ่อนแอกว่าของบริษัท เอ็ชเอ็มซี โปลีเมอส์ จำกัด หรือ HMC (อันดับเครดิตภายในประเทศที่ 'BBB(tha)' แนวโน้มอันดับเครดิตเป็นลบ, สถานะทางเครดิตโดยลำพังที่ bbb-(tha)) ซึ่งเป็นผู้ผลิตโพลีโพรพิลีนรายใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แม้ว่าจะสถานะทางการเงินที่ใกล้เคียงกัน HMC มีตำแหน่งทางการตลาดชั้นนำในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มุ่งเน้นผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีที่ทันสมัย และสร้างกำไรที่สูงกว่า GGC อย่างไรก็ตาม HMC มีอัตราส่วนหนี้สินที่สูงท่ามกลางตลาดที่อ่อนแอ ส่งผลให้ SCP ของ GGC สูงกว่า HMC แนวโน้มเครดิตเป็นลบของ HMC สะท้อนถึงความเสี่ยงในการลดภาระหนี้สินที่คล้ายคลึงกับ GGC

 

สมมุติฐานที่สำคัญ

สมมุติฐานที่สำคัญของฟิทช์ที่ใช้ในการประมาณการ

-               รายได้เติบโตประมาณร้อยละ 1 ในปี 2568 เนื่องจากการเติบโตของปริมาณการขายเมทิลเอสเทอร์ (B100) จะถูกชดเชยบางส่วนจากราคาที่ลดลง

-               อัตรากำไร EBITDA ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ประมาณร้อยละ 3 - 4 ในปี 2568 - 2569 จากระดับต่ำสุดที่ร้อยละ 2.3 ในปี 2567 โดยได้รับการสนับสนุนจากส่วนต่างของเคมีชีวภาพที่มั่นคงและราคาอ้อยที่ลดลง

-               ค่าใช้จ่ายด้านการลงทุนรวมประมาณ 1.4 พันล้านบาท ในช่วงปี 2568 - 2570 เพื่อใช้ในการขยายกำลังการผลิตของโรงงาน และแฟตตี้แอลกอฮอล์ อีทอกซีเลท

-               การจ่ายเงินปันผลร้อยละ 30 ของกำไรสุทธิ

ปัจจัยที่อาจมีผลกับอันดับเครดิตในอนาคต

ไม่มี เนื่องจากฟิทช์ประกาศยกเลิกอันดับเครดิต

 

สภาพคล่องและโครงสร้างหนี้สิ้น

ณ สิ้นปี 2567 หนี้สินทั้งหมดของ GGC ตามการรวมบัญชีตามสัดส่วนของ GKBI และ TEX อยู่ที่ 4.3 พันล้านบาท หนี้สินนี้รวมถึงเงินกู้ธนาคารที่มีหลักประกัน 3.9 พันล้านบาทที่ GKBI สำหรับการก่อสร้างโรงงานเอทานอล และเงินกู้ธนาคารที่ไม่มีหลักประกัน 0.4 พันล้านบาทที่ TEX   GGC ไม่มีเงินกู้ ณ สิ้นปี 2567 บริษัท มีหนี้สินที่มีกำหนดครบชำระภายใน 12 เดือนข้างหน้า จำนวน 1.2 พันล้านบาท ซึ่งประกอบด้วยเงินกู้ระยะสั้น 980 ล้านบาทและส่วนของเงินกู้ระยะยาวที่ครบกำหนด 207 ล้านบาท สภาพคล่องได้รับการสนับสนุนจากยอดเงินสด 1.3 พันล้านบาท ณ สิ้นปี 2567

 

เกี่ยวกับบริษัท

GGC เป็นผู้ผลิตไบโอดีเซล และ โอลีโอเคมี ในประเทศไทย โดยมีกำลังการผลิตเมทิลเอสเทอร์ 5 แสนตันต่อปี แฟตตี้แอลกอฮอล์ 1 แสนตันต่อปี และกรีเซอรีน 5.1 หมื่นตันต่อปี บริษัทฯ ยังเป็นผู้ผลิตแฟตตี้แอลกอฮอล์ อีทอกซีเลท รายแรกและรายเดียวในประเทศไทย ภายใต้บริษัทร่วมทุนกับ บริษัท บีเอเอสเอฟ (ไทย) ซึ่งมีกำลังการผลิต 2.0 แสนตันต่อปี

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

"พาณิชย์"จับมือ 4 ปั๊มน้ำมัน ซื้อมะม่วงแฟนซีภาคเหนือ นำแจกเป็นของสมนาคุณผู้เติมน้ำมัน

"พาณิชย์"จับมือ 4 ปั๊มน้ำมัน ซื้อมะม่วงแฟนซีภาคเหนือ นำแจกเป็นของสมนาคุณผู้เติมน้ำมัน

PCE ลุย! ส่งออกกะลาปาล์มคุณภาพสูง

PCE ลุย! ส่งออกกะลาปาล์มคุณภาพสูง

ผันผวน By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ ภาคเช้าที่ผ่านมาหุ้นไทยขยับลงต่อ ความผันผวนในสินทรัพย์เสี่ยงน้อยลงหรือไม่ ต้องจับตาดูต่อไป..

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้