สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(30 พฤษภาคม 2568)---------บทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด เปิดเผยว่า มองสถานการณ์ต่างๆ ยังมีความไม่แน่นอนสูงและยังยึดหลักระมัดระวัง โดยให้น้ำหนักเกิดกรณี Base Case (สหรัฐเก็บภาษีไทย 15%) เป็นหลักเช่นเดิม ทั้งนี้กลยุทธ์ลงทุนที่น่าสนใจจะแบ่งเป็น
1) นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำและต้องการรอดูความชัดเจนของการดำเนินมาตรการภาษีของ ปธน. ทรัมป์ แต่มองเห็นโอกาสเก็งกำไรหากตลาดปรับตัวลง แนะนำ หุ้นตั้งรับที่มีรายได้ในประเทศเป็นหลัก ทำให้สามารถต้านทานความผันผวนของเศรษฐกิจโลกได้มากกว่า ได้แก่ BCH CPALL GULF MTC OR TRUE และ
2) นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูงและต้องการเก็งกำไร โดยคาดหวังจะมีความคืบหน้าการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐและประเทศคู่ค้าอย่างต่อเนื่อง แนะนำหุ้นที่คาดจะฟื้นตัวได้เร็วหลังช่วง QTD (นับตั้งแต่ ปธน. ทรัมป์ประกาศปรับขึ้นภาษีนำเข้าถึงปัจจุบัน) ราคาหุ้นปรับตัวลงมาแรงกว่า SET ได้แก่ AMATA AOT MINT PTT TU WHA
ในวันที่ 28 พ.ค. 68 ศาลการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นศาลชั้นต้นจะตัดสินให้ยกเลิกคำสั่งขึ้นภาษีของ ปธน. ทรัมป์ ซึ่งส่งผลบวกต่อบรรยากาศลงทุนในตลาดสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก แต่ล่าสุด (29 พ.ค. 68) ศาลอุทธรณ์ตัดสินให้มาตรการภาษีของ ปธน. ทรัมป์ได้รับการคุ้มครองชั่วคราวและยังสามารถบังคับใช้ได้ตามเดิม ซึ่ง INVX มองจะกลับมาส่งผลกระทบเชิงลบกดดันต่อตลาดสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก รวมทั้งตลาดหุ้นไทย เนื่องจากกระบวนการไต่สวนในชั้นนี้ในอดีตอาจใช้เวลาพิจารณาอีก 1.5-3 ปี และยังมีความเสี่ยงว่า ปธน. ทรัมป์ อาจเปลี่ยนไปใช้กฎหมายอื่นเพิ่มเติมในการปรับขึ้นภาษี เช่นเดียวกับที่ยังสามารถเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมในอัตรา 25% ทั้งนี้มองตลาดจะกลับมาให้น้ำหนักต่อประเด็นการเจรจาเพื่อลดอัตราภาษีลงเป็นรายประเทศ (ประเทศไทยกำหนดไว้ที่ 36%)
INVX มองว่าความผันผวนของตลาดในระยะต่อไปยังคงมีอยู่จากกังวลความเสี่ยงของการดำเนินมาตรการภาษีของ ปธน. ทรัมป์ อย่างไรก็ตาม INVX เชื่อว่าช่วงต้น เม.ย. SET ได้ปรับตัวลงใกล้ระดับวิกฤติ (downside ที่ 1,032 จุด) ซึ่งสะท้อนผลกระทบจากนโยบายภาษีของสหรัฐซึ่งผ่านจุดแย่ที่สุดไปแล้ว และประเมิน Downside ที่น่าสนใจให้เข้าสะสมสำหรับการลงทุนอยู่ที่ระดับ 1,100+/- จากความคาดหวังที่ SET จะฟื้นตัวกลับมาซื้อขายสู่ระดับปกติที่ PER 14+ เท่า (>1204 จุด) หลังความกังวลต่างๆ เริ่มคลี่คลายลง และแนะนำให้ติดตามการเจรจาของรัฐบาลไทยต่อไป หากสามารถลดระดับภาษีต่ำกว่า Base case ที่ 15% จะเป็นอีกปัจจัยบวกต่อ SET Index ในลำดับถัดไป