Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.บัวหลวง : รอบด้านตลาดหุ้น

112

 

 

Executive Summary:

GDP สหรัฐฯ ไตรมาส 1/2025 หดตัว 0.3% QoQ (annualized) ต่ำกว่าคาดการณ์ โดยแรงหนุนหลักมาจากการสะสมสินค้าคงคลังที่เพิ่มขึ้นอย่างผิดปกติ ซึ่งไม่ใช่ฐานการฟื้นตัวที่ยั่งยืน

การนำเข้าที่พุ่งแรงกว่า 41% จากพฤติกรรมเร่งซื้อก่อนขึ้นภาษี ส่งผลให้ดุลการค้าแย่ลง กดดัน GDP ขณะที่สินค้านำเข้าส่วนใหญ่ยังไม่ถูกจำหน่ายออก จึงกลายเป็นแรงฉุดในไตรมาสถัดไป

สัญญาณจากตลาดแรงงานชี้ถึงความเปราะบางต่อเนื่อง ทั้งการจ้างงานที่ชะลอตัว ค่าจ้างที่เติบโตลดลง และชั่วโมงทำงานที่หดสั้นลง ซึ่งจะกระทบต่อการบริโภค ซึ่งเป็นเสาหลักของเศรษฐกิจ

ความเชื่อมั่นผู้บริโภคและภาคธุรกิจปรับตัวลงชัดเจน โดยเฉพาะในกลุ่ม SMEs ที่เป็นผู้จ้างงานหลักของประเทศ สะท้อนแนวโน้มการใช้จ่ายและการลงทุนที่ชะลอตัวในวงกว้าง

ตลาดพันธบัตรเกิด Bear Steepening จากความกังวลต่อนโยบายภาษีนำเข้าและวินัยการคลัง ส่งผลให้ต้นทุนทางการเงินของภาคเอกชนพุ่งสูงขึ้น เพิ่มแรงกดดันต่อเศรษฐกิจ

แม้ดุลการค้าอาจฟื้นในไตรมาสถัดไป แต่การลดลงของสินค้าคงคลังและการบริโภคที่อ่อนแออาจฉุดรั้งให้ GDP ฟื้นได้ต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้

 



สรุปภาพตลาดวานนี้
หุ้นไทยเล่นจบแค่ในวันอีกแล้ว โดยบวกช่วยเช้าก่อนทยอยขายทำกำไรออกมา เหลือ DELTA GULF ค้ำตลาดไว้ให้บวก แต่ก็สังเหตุว่าหุ้นที่ยืนแดนบวกได้ดี เกี่ยวโยงกับการค้าโลกผ่อนผลาย ITC WHA AMATA เป็นต้น ขณะที่ด้านแรงขายชัดสุดกลุ่มธนาคาร (แต่ไม่แรง แค่กระจายตัวกดดันตลาด) และการทำกำไรปิโตรเคมีหลังขึ้นนำตลาดมา

แนวโน้มตลาดวันนี้

ย่อ มา เก็บ หุ้น
อเมริกายังสามารถใช้นโยบายภาษีตอบโต้ โดยเมื่อวานศาลอุทธรณ์ของรัฐบาลกลางในกรุงวอชิงตัน มีคำสั่ง "ระงับชั่วคราว" สำหรับคำตัดสินของศาลการค้า เพื่อรอการพิจารณาคำอุทธรณ์จากฝ่ายบริหาร โดยศาลได้กำหนดให้โจทก์ต้องยื่นคำชี้แจงภายในวันที่ 5 มิ.ย. และให้รัฐบาลตอบกลับภายในวันที่ 9 มิ.ย.นี้
กลยุทธ์คงคาด ในระหว่างสัปดาห์นี้ ดัชนีตลาดหุ้นไทยยังเผชิญแรงขาย ลักษณะ “เช้าไม่ขาย บ่ายไม่เหลือ” ก่อนจะ เริ่มต้นสร้างฐานเพื่อเล่นรีบาวด์รอบใหม่
โดยกลยุทธ์ให้น้ำหนักกับปัจจัยมหภาคต่างประเทศมากกว่าปัจจัยในประเทศสำหรับสัปดาห์นี้
คือ เรื่องความคืบหน้า/ชัดเจน ประเด็นภาษีตอบโต้ ซึ่งตอนนี้ยัง “เดี๋ยวบวก เดี๋บวลบ” แต่เรามองข้ามเรื่องประเด็นฟ้องร้องในกระบวนการศาลสหรัฐฯ และให้น้ำหนักความชัดเจนการประกาศอัตราภาษีกับนานาประเทศ รวมถึงการเจรจาดีลการค้า มากกว่า

ดังนั้น เราคงมุมมอง หุ้นเชื่อมโยงกับเศรษฐกิจโลก จะมีแนวโน้มแข็งแกร่ง กว่า ราคาหุ้นเชื่อมโยงเศรษฐกิจในประเทศ ด้วยเหตุผลที่เรามองในประเด็นการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯที่มีพัฒนาการเชิงบวก ขณะที่ Morgan Stanly, UBS เพิ่งออกรายงาน เพิ่มน้ำหนักตลาดหุ้นสหรัฐฯ พร้อมกับมุมมองเชิงบวกมากขึ้นต่อภาวะเศรษฐกิจโลกโดยรวมที่จะเติบโตอย่างช้าๆ ไม่ถึงขั้นถดถอย ล่าสุด US GDP 1Q25 (สหรัฐฯ)ทบทวนครั้งสอง -0.2% ซึ่งดีกว่ารอบแรกที่ -0.3% และตลาดคาดปีนี้จะยังบวก 1.4% แสดงว่ากำลังผ่านจุดต่ำสุด

กลยุทธ์การลงทุน

กลยุทธ์การลงทุนช่วงนี้ แนะนำ ซื้อเก็งกำไร เล่นรอบ เน้นไปที่หุ้น 1Q25 ส่อแววผ่านจุดต่ำสุด และเริ่มจะเห็นสัญญาณของการฟื้นตัว เช่นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์

วิเคราะห์ทางเทคนิค

SET Index หากไม่สามารถกลับขึ้นมาปิดเหนือบริเวณ 1,176 จุด จะทำให้ภาพรายสัปดาห์ลงต่อเนื่อง week ที่ 3 อย่างไรก็ตามแนวโน้มดัชนียังใชคงให้น้ำหนักปรับฐานย่อย รูปแบบ “Higher low” มีโอกาสเกิดขึ้นมากกว่าแบบ Lower low หรือไม่น่าต่ำกว่า 1,056 จุดนั่นเอง…ซึ่งปัจจุบันตลาดสู้ที่ตำแหน่งตัวเลข Fibonacci retracement 23.6% ที่ 1,160 แนวรับถัดไป 1,140 หรือกรณี worst case อาจลงปิด gap 1,120 จุด Note: ตลาดลง แต่!มีบางกลุ่มเด่น บวกสวน รอบนี้อาจต้องเน้น ต้องเลือก ยืนให้ถูกฝั่ง
ไฮไลท์: รีวิวพอร์ต…..หุ้น commodity beat SET กระจุย ไม่ตกรถ / Why ร.พ.ขนาดกลาง ทรงกราฟกำลัง turn! ติดตามรายละเอียดหน้าถัดไปครับ


What to watch
ศาลการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐในกรุงนิวยอร์กมีคำสั่งวานนี้ให้ระงับการใช้มาตรการภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โดยศาลวินิจฉัยว่า ปธน.ทรัมป์ใช้อำนาจเกินขอบเขต เนื่องจากรัฐธรรมนูญสหรัฐให้อำนาจแก่รัฐสภาในการกำหนดกฎเกณฑ์ด้านการค้ากับประเทศอื่น ๆ โดยไม่สามารถถูกแทนที่ด้วยอำนาจฉุกเฉินของประธานาธิบดี
ทั้งนี้ คำตัดสินของศาลได้ยับยั้งการเก็บภาษีพื้นฐาน 10% ต่อสินค้านำเข้าส่วนใหญ่ ซึ่งรวมถึงการเรียกเก็บภาษีต่อจีน แคนาดา และเม็กซิโก แต่ไม่รวมภาษีที่เรียกเก็บตามกลุ่มอุตสาหกรรม เช่น เหล็ก อะลูมิเนียม และรถยนต์

นักวิเคราะห์ของโกลด์แมน แซคส์ระบุว่า ปธน.ทรัมป์ยังคงมีช่องทางตามกฎหมายอื่น ๆ ที่สามารถใช้เพื่อเรียกเก็บภาษีได้ ได้แก่การใช้มาตรา 122 ของกฎหมายการค้าสหรัฐ รวมทั้งมาตรา 301, มาตรา 232 และมาตรา 338

ทั้งนี้ มาตรา 122 ของกฎหมายการค้าปี 1974 ไม่จำเป็นต้องมีการสอบสวนอย่างเป็นทางการ จึงอาจเป็นช่องทางรวดเร็วที่สุดในการหลีกเลี่ยงอุปสรรคจากคำตัดสินของศาล

"รัฐบาลทรัมป์สามารถทดแทนภาษีพื้นฐาน 10% ด้วยการเรียกเก็บภาษีศุลกากรที่สูงถึง 15% ได้อย่างรวดเร็วภายใต้มาตรา 122" นักวิเคราะห์ของโกลด์แมน แซคส์กล่าว แต่เสริมว่า มาตรการนี้มีอายุไม่เกิน 150 วัน ซึ่งหลังจากนี้กฎหมายกำหนดให้ต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภา

นอกจากนี้ ปธน.ทรัมป์ยังสามารถเริ่มต้นการสอบสวนภายใต้มาตรา 301 ต่อประเทศคู่ค้ารายใหญ่ของสหรัฐ เพื่อปูทางไปสู่การเรียกเก็บภาษี แต่กระบวนการนี้จะต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์

ส่วนภาษีตามมาตรา 232 ซึ่งใช้กับการนำเข้าเหล็ก อะลูมิเนียม และรถยนต์อยู่แล้ว ก็สามารถขยายไปยังภาคส่วนอื่น ๆ ได้เช่นกัน โดยกฎหมายฉบับนี้ให้อำนาจประธานาธิบดีในการบังคับใช้ หากการนำเข้านั้นเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ

ขณะที่มาตรา 338 ตามกฎหมายการค้าปี 1930 ให้อำนาจประธานาธิบดีในการเรียกเก็บภาษีสูงสุดถึง 50% ต่อการนำเข้าจากประเทศที่เลือกปฏิบัติต่อสหรัฐ โดยมาตรการนี้ยังไม่เคยถูกนำมาใช้มาก่อน

MSCI review: Standard index ถอดหุ้น 3 ตัว BEM CRC KTC ส่วน Small Cap index เพิ่ม BEM AWC และถอดหุ้น 8 ตัว AURA BPP DOHOME GUNKUL JAS JMART M PRM
ศาลอุทธรณ์ของรัฐบาลกลางในกรุงวอชิงตันมีคำสั่ง "ระงับชั่วคราว" สำหรับคำตัดสินของศาลการค้า เพื่อรอการพิจารณาคำอุทธรณ์จากฝ่ายบริหาร โดยศาลได้กำหนดให้โจทก์ต้องยื่นคำชี้แจงภายในวันที่ 5 มิ.ย. และให้รัฐบาลตอบกลับภายในวันที่ 9 มิ.ย.นี้

หุ้นแนะนำวันนี้
SCC งานโครงสร้างพื้นฐานแกร่งรอรับงบลงทุนรัฐ ขณะที่ธุรกิจปิโตรเคมีเริ่มเห็นสัญญาณกำไรฟื้นตัวผ่าน งบไตรมาส 1/25
แนวรับ 169 ต้าน 175/178 Stop loss 165

 

 

 

รายงานพื้นฐานวันนี้

Wealth Insight

ความคาดหวังอาจสูงไป? จับตาความเสี่ยงเศรษฐกิจสหรัฐฯ 2-3Q25
GDP สหรัฐฯ 1Q25 หดตัว 0.3% QoQ (annualized) ต่ำกว่าคาดการณ์ โดยแรงหนุนหลักมาจากการสะสมสินค้าคงคลังที่เพิ่มขึ้นอย่างผิดปกติ ซึ่งไม่ใช่ฐานการฟื้นตัวที่ยั่งยืน ขณะที่การนำเข้าที่พุ่งแรงกว่า 41% จากพฤติกรรมเร่งซื้อก่อนขึ้นภาษี ส่งผลให้ดุลการค้าแย่ลง กดดัน GDP ขณะที่สินค้านำเข้าส่วนใหญ่ยังไม่ถูกจำหน่ายออก จึงกลายเป็นแรงฉุดในไตรมาสถัดไป
สัญญาณจากตลาดแรงงานชี้ถึงความเปราะบางต่อเนื่อง ทั้งการจ้างงานที่ชะลอตัว ค่าจ้างที่เติบโตลดลง และชั่วโมงทำงานที่หดสั้นลง ซึ่งจะกระทบต่อการบริโภค ซึ่งเป็นเสาหลักของเศรษฐกิจ อีกทั้งความเชื่อมั่นผู้บริโภคและภาคธุรกิจปรับตัวลงชัดเจน โดยเฉพาะในกลุ่ม SMEs ที่เป็นผู้จ้างงานหลักของประเทศ สะท้อนแนวโน้มการใช้จ่ายและการลงทุนที่ชะลอตัวในวงกว้าง
ส่วนตลาดพันธบัตรเกิด Bear Steepening จากความกังวลต่อนโยบายภาษีนำเข้าและวินัยการคลัง ส่งผลให้ต้นทุนทางการเงินของภาคเอกชนพุ่งสูงขึ้น เพิ่มแรงกดดันต่อเศรษฐกิจ และแม้ดุลการค้าอาจฟื้นในไตรมาสถัดไป แต่การลดลงของสินค้าคงคลังและการบริโภคที่อ่อนแออาจฉุดรั้งให้ GDP ฟื้นได้ต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้


Event
Head-up

Under rain or shine: ฝนมา ฟ้าเปิด โอกาสและความท้าทายของธุรกิจเชื่อมโยงการอุปโภค-บริโภค
ในวันที่ 4-6 มิ.ย. เราจัดงาน Event BLS “Under Rain or Shine” จะรวมตัวผู้นำธุรกิจ 9 บริษัทจดทะเบียน และ 2 สมาคมอุตสาหกรรม ได้แก่ สมาคมผู้ค้าปลีกไทย และสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว เพื่ออัปเดตสถานการณ์การบริโภคที่ยังเปราะบางใน 1H25 รวมถึงกลยุทธ์รับมือการแข่งขันและนโยบายรัฐที่ไม่ชัดเจน โดยเฉพาะประเด็นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่กระจายไม่ทั่วถึง และพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงเร็วขึ้นกว่าที่เคย
หัวใจสำคัญอยู่ที่ 11 Session จากกลุ่มค้าปลีก, โรงแรม, F&B และไฟแนนซ์ โดยกลุ่ม Mall & Lifestyle (CPN, CPNREIT, MC, MOSHI) จะเน้นอัปเดต traffic mall, yield stability, และโครงการใหม่อย่าง Central Park ส่วน CBG, AU, CENTEL และ Iberry Group จะนำเสนอมุมมองพฤติกรรมผู้บริโภค และกลยุทธ์การเปิดสาขาในยุคที่ต้องคุมค่าใช้จ่าย โดย AU, MOSHI และ MC ติดตามเป็นพิเศษเรื่อง SSSG และ margin ด้าน CENTEL คาดจะอัปเดตทั้งธุรกิจโรงแรม (RevPAR) และ QSR ขณะที่ TIDLOR น่าจะนำเสนอมุมมอง loan growth และ asset quality ที่ดีขึ้นใน 2H25
ในส่วน Session กลาง สมาคมผู้ค้าปลีกไทยจะเปิดเผยแนวโน้มการบริโภค 2H25 การปรับกลยุทธ์จากผู้เล่นรายใหญ่ และมุมมองต่อนโยบายรัฐที่ยังไม่ชัด ด้านสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยวจะเน้นความคืบหน้าในการผลักดันมาตรการกระตุ้นท่องเที่ยว โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนผ่านแคมเปญ “Sawasdee-Ni Hao” มาตรการจูงใจสายการบินเช่าเหมาลำ และแผนยกระดับความปลอดภัยในประเทศ คาดทั้ง 2 สมาคมจะให้มุมมองเชิงกลยุทธ์ในการประเมิน momentum ภาคบริการในช่วงครึ่งปีหลังนี้อย่างชัดเจน

 

 


NETBAY
เน็ตเบย์
สร้างฐานรายได้ประจำ หนุนกำไรต่อเนื่อง
กำไรหลัก 1Q25 เติบโตจากรายได้ ตามปริมาณธุรกรรมที่เพิ่มขึ้นในแพลตฟอร์มโลจิสติกส์ ทั้งจากการค้าออนไลน์และการเปลี่ยนแปลงกระบวนการของกรมศุลกากร แม้ตลาดกังวลเรื่องภาษีสหรัฐฯ แต่ผู้บริหารย้ำว่ารายได้ NETBAY ผูกกับ “ปริมาณธุรกรรม” ไม่ใช่มูลค่าการค้า และยังมีโอกาสจากเส้นทางการค้าทางบกจีน-อาเซียนที่เติบโตต่อเนื่อง โดย NETBAY ไม่ใช่แค่ระบบแลกเปลี่ยนเอกสารอีกต่อไป แต่เป็นแพลตฟอร์มแบบครบวงจร ตั้งแต่การเตรียม ส่ง จัดเก็บ และเชื่อมต่อข้อมูล
โดยธุรกิจเสริมเริ่มสร้างรายได้ชัดเจน โดยเฉพาะ Ai-Box ที่ถูกใช้ในโครงการภาครัฐ เช่น VAT Refund นักท่องเที่ยว และ e-receipt โดยมีรายได้แบบต่อ transaction พร้อมค่าติดตั้ง ขณะเดียวกัน Check+ ระบบตรวจสอบ compliance กำลังขยายฐานจากภาคการเงินไปสู่แฟคตอริง โรงรับจำนำ และสหกรณ์
พันธมิตรอย่าง DITTO ช่วยเร่งการขยายไปยังโครงการภาครัฐ เช่น Smart Zoo และ DCCE (ระบบฐานข้อมูลคาร์บอนแห่งชาติ) โดยโครงการใหญ่จะใช้แนวทาง outsource บางส่วนเพื่อลดข้อจำกัดด้านกำลังการผลิต ซึ่งแม้จะขยายตัวต่อเนื่อง แต่บริษัทยังรักษา margin ได้ดี
Fundamental view: มุมมองจาก Virtual conference ออกมาในทิศทางบวก หนุนโดย 3 ประเด็นหลัก 1) การเติบโตของ Platform เดิมหนุนจากการปรับเปลี่ยนพิธีการกรมศุลฯ อีกทั้งการเติบโตของการค้าทางบกโดยเฉพาะจากจีน และในอนาคตถ้ามี Land Bridge จะยิ่งเข้ามาหนุน 2) การ Cross services เนื่องจากทำงานอยู่กับ Data hub ทำให้สามารถขยายบริการต่อยอดได้ เช่น Ai-Box และ Check+ และ 3) พาร์ทเนอร์เข้ามาหนุนทั้งงานโครงการใหม่ และสร้างความรู้จักในวงกว้าง ทำให้มีโอกาสได้งานใหญ่ต่อเนื่อง ในขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นยังรักษาได้ในระดับสูง 80%

 

สรุปประเด็นจาก Quick take

AH
อาปิโก ไฮเทค มุมมองต่อการประชุมนักวิเคราะห์
ปี 2025 AH คาดรายได้ Flat YoY โดยจะเห็นการเติบโตของรายได้ YoY ในช่วง 2H25 ผู้บริหารมองว่าอาจมีสัญญาณการฟื้นตัวที่ชัดเจนขึ้นใน 4Q25 ในขณะที่ภาพรวมกำไรคาดดีขึ้นกว่าปีที่แล้ว
View from fundamental: เราประเมินกำไร 2Q25 น่าจะเติบโตขึ้นได้ YoY จากฐานต่ำ แต่ลดลง QoQ จากปัจจัยฤดูกาล อย่างไรก็ตาม ช่วง 2H25 อุตสาหกรรมยังคงต้องจับตาปัจจัยอุปสงค์ชะลอตัว ปัญหาความขัดแย้งทางภูมิศาสตร์ และ ภาษีศุลกากรของสหรัฐ

 

วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค
นภนต์ ใจแสน นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน
ภูวดล ภูสอดเงิน, AISA นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน

 

 

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

รอ By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ บ่ายวันนี้ ยังคงรอ การปรับน้ำหนักดัชนี MSCI จะมีผล ณ ราคาปิดในวันนี้ โดย MSCI Global ....

ATLAS ลุยโรดโชว์ จ.นครราชสีมา กระแสตอบรับล้นหลาม

ATLAS ลุยโรดโชว์ จ.นครราชสีมา กระแสตอบรับล้นหลาม

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้