AT THE OPEN (#ATO)

SET Index พักมาที่แนวรับ +/-1150
เลือกหุ้นที่มีปัจจัยหนุนเฉพาะตัว

Market Strategy

SET Index คาดแกว่งพักตามกรอบ 1150-1175 จุด คำสั่งศาลอุทธรณ์สหรัฐฯให้กลับมาเก็บภาษีได้ชั่วคราว MSCI Rebalance ช่วงท้ายตลาดและการชะลอการลงทุนหลังเข้าใกล้ช่วงหยุดยาวเป็นปัจจัยที่กดดัน เลือกหุ้น TASCO และ TIDLOR

ศาลการค้าของสหรัฐฯ ตัดสินคุณทรัมป์ใช้อำนาจเกินขอบเขตที่กฎหมายอำนาจทางเศรษฐกิจฉุกเฉิน ระหว่างประเทศ (IEEPA) จะส่งผลให้การประกาศภาษีนำเข้าทั่วโลก 10% ภาษีตอบโต้และภาษีเฟนทานิลถูกระงับภายใน 10 วัน แต่อย่างไรก็ตาม ฝ่ายบริหารของคุณทรัมป์ได้ยื่นอุทธรณ์คำตัดสิน ทำให้ล่าสุดศาลอุทธรณ์ระงับคำตัดสินศาลการค้าชั่วคราว ส่งผลให้ภาษีที่ถูกสั่งระงับวานนี้กลับมาถูกเก็บภาษีตามเดิม ด้านกระบวนการศาลจากนี้ หากผลของอุทธรณ์ไม่เป็นที่พอใจของรัฐบาล สามารถนำคดีขึ้นสู่ศาลสูงสุดต่อไป โดยกระบวนการทั้งหมดใช้เวลามากกว่า 1 ปี หากผลคำตัดสินสุดท้ายให้ระงับการเก็บภาษี รัฐบาลคุณทรัมป์ยังมีช่องทางการขึ้นภาษีผ่านกฎหมายอื่นๆ เช่น Section 122 ซึ่งสามารถเก็บภาษี 15% กับประเทศต่างๆ อย่างน้อย 150 วัน Section 301 ใช้สำหรับตอบโต้นโยบายการค้าที่ไม่เป็นธรรม ซึ่งเคยใช้ทำกับจีน สถานการณ์ข้างต้นเชื่อว่าการเดินหน้าเจรจาการค้าของประเทศต่างๆกับสหรัฐฯเป็นสิ่งที่จำเป็น ขณะที่ผลต่อตลาดหุ้นวันนี้คาดจะเห็นแรงขายทำกำไรกลุ่มอิเล็คฯ กลุ่มนิคมและกลุ่มอาหาร ที่วานนี้ปรับขึ้นแรง

ช่วงท้ายตลาด วันนี้จะมีความผันผวนจาก MSCI Rebalance ซึ่งไม่มีหุ้นที่เข้าคำนวณในดัชนี MSCI Global Standard ขณะที่หุ้นที่ออก คือ BEM CRC KTC และยังมีหุ้นที่ถูกปรับลดน้ำหนัก ADVANC และ CPALL ซึ่งโดยรวมคาดจะมีเม็ดเงินไหลออกราว 1.2 หมื่นล้านบาท คิดเป็นการไหลออกต่อบริษัทในช่วง 1.6-3.2 พันล้านบาท แต่อย่างไรก็ตามราคาหุ้น ช่วงที่ผ่านมาปรับลงตอบรับความกังวลไปก่อนแล้วในช่วง -5 ถึง -14% เทียบ SET Index ติดลบ -4% นับจากวันที่ MSCI ประกาศ ในเชิงกลยุทธ์ เรามองเป็นจังหวะตั้งรับหุ้นที่พื้นฐานดีอย่าง ADVANC BEM CPALL โดยจุดซื้อคือช่วงราคาปิดวันนี้

Market Summary
SET Index ปรับขึ้นในช่วงแรกบวก 17.5 จุด ก่อนระหว่างวัน จะลดช่วงบวกลงมาเหลือ 3.5 จุด แรงหนุนจากศาลฯ ตัดสินคุณทรัมป์ระงับเก็บภาษี กลุ่มที่ Outperform กลุ่มอิงภาคส่งออก เช่น อิเล็คทรอนิกส์ +3.3% กลุ่มนิคม AMATA +6.4% WHA +2.6% กลุ่มอาหาร TU +1% ITC +5.1% ด้านกลุ่มที่ Underperform คือ กลุ่มค้าปลีก CRC -1% CPALL -1.6% กลุ่มไฟแนนซ์ SAWAD -1.6% MTC -1.2% กลุ่มธนาคาร -0.4% นักลงทุนสถาบันในประเทศซื้อสุทธิ 457 ล้านบาท สวนทางต่างชาติขายสุทธิ -1.5 พันล้านบาท

DAILY Stock Pick
TASCO
คาดงบไตรมาส 2 โตเด่น การผ่านร่างงบประมาณ หนุน Backlog ในระยะถัดไป
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 16.00 บาท
ช่วงระหว่างวันที่ 28-31 พ.ค. 68 มีการพิจารณาพ.ร.บ. งบประมาณปี 69 มีวงเงินงบประมาณรวมทั้งสิ้น 3,780,600 ล้านบาท (+0.7% เทียบจากปีงบประมาณก่อน) หากรวมงบประมาณจำแนกตามกระทรวงกับงบประมาณของรัฐวิสาหกิจและงบประมาณของทุนหมุนเวียน พบว่ากระทรวงคมนาคม เพิ่มจาก 5.3% เป็น 6.9% หนุน Backlog ในอนาคต
ผู้บริหารคาดปริมาณการขายในไตรมาส 2Q68E เติบโตจากตลาดภายในประเทศเป็นหลัก โดยมีปริมาณการขายเติบโตทั้ง YoY และ QoQ หลังจากงบประมาณเบิกกลับเข้าสู่ปกติในปีนี้ ส่วนตลาดต่างประเทศปริมาณการขายทรงตัวเทียบไตรมาสก่อน

KEY FACTOR
คำตัดสินของศาลการค้าสหรัฐฯ ที่ระบุว่าภาษีนำเข้าส่วนใหญ่ในยุคประธานาธิบดีทรัมป์เป็นการดำเนินการที่ผิดกฎหมาย แม้ว่าจะส่งผลบวกต่อ Risk sentiment แต่ในทางกลับกันก็สร้างความไม่แน่นอนแก่ตลาดในระยะสั้น จากแนวโน้มที่จะมีการอุทธรณ์จากกระทรวงยุติธรรมและความเป็นไปได้ที่ฝ่ายบริหารจะหามาตรการทางภาษีอื่นมาทดแทน โดยเฉพาะอย่างยิ่งมาตรา 301 ที่ใช้กับจีนยังมีผลบังคับใช้
ด้านตัวเลขเศรษฐกิจ GDP 1Q68 ของสหรัฐฯ (รายงานครั้งที่ 2) -0.2% QoQ ดีขึ้นจากประมาณการณ์ครั้งแรกที่ -0.3% QoQ อยู่เล็กน้อย ส่วนในวันนี้ติดตามการรายงาน Core PCE ซึ่ง Bloomberg Consensus คาด +0.1% MoM และ +2.5% YoY (จากเดือนก่อนที่ ทรงตัว MoM และ +2.6% YoY)

EYES ON
30 พ.ค. ดัชนี PCE สหรัฐฯ เม.ย.

นักกลยุทธ์ : ธีรเศรษฐ์ พรหมพงษ์, ชาญชัย พันทาธนากิจ, ออมทรัพย์ โง้วศิริ