AT THE OPEN (#ATO)
SET Index ขยับกรอบขึ้น
เลือกหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวและแนวโน้มกำไรโตดี
Market Strategy
SET Index คาด Sideway Up ตามกรอบ 1155-1170 จุด คาดแรงหนุนวันนี้มาจากกลุ่มอิเล็คทรอนิกส์จากงบ NVIDIA ดีกว่าคาด กลุ่มพลังงานหนุนจากราคาน้ำมันดิบ ที่ปรับขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม มูลค่าการซื้อขายที่เบาบาง นักลงทุนแต่ละกลุ่มซื้อขายไม่ชัดเจนยังเป็นข้อจำกัดในการปรับขึ้น หุ้นเด่นวันนี้เลือก STECON และ TIDLOR
Dow Jones Futures เช้านี้ปรับขึ้น 1.2% จากข่าวศาลการค้าสหรัฐฯ ตัดสินภาษีตอบโต้ของคุณทรัมป์ใช้อำนาจเกินขอบเขต ในระยะสั้นน่าจะเป็นบวกต่อตลาดหุ้นแต่อย่างไรก็ตามมีรายงานรัฐบาลทรัมป์ได้มีการยื่นอุทธรณ์ในเวลาต่อมา ขณะที่การรายงานงบ 1Q68 NVIDIA ซึ่งดีกว่าตลาดคาดทั้งรายได้และกำไร โดยแรงหนุนจากธุรกิจ Datacenter ขยายตัวสูง 73%YoY ซึ่งเราคาดว่าจะเป็นบวกต่อหุ้นกลุ่มอิเล็คทรอนิกส์ที่มีธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับอุตสาหกรรม DATA CENTER ในวันนี้อย่าง DELTA และ CCET
น้ำมันดิบปรับขึ้นกว่า 1% หนุนจากคุณทรัมป์ห้ามเชฟรอนส่งออกน้ำมันจากเวเนซุเอลา รวมถึงการเจรจานิวเคลียร์กับอิหร่านที่ยังมีความไม่แน่นอน ขณะที่ผลการประชุม OPEC+วานนี้มีมติคงกำลังการลดผลิตน้ำมันเหมือนรอบการประชุม ธ.ค.67 แต่อย่างไรก็ตามในส่วนก้อนของ Voluntary Cut จะมีการประชุมในช่วงปลายสัปดาห์ว่าจะเพิ่มกำลังการผลิตเท่าไหร่ ประเมินราคาน้ำมันดิบที่เป็นบวกจะสร้าง Sentiment ที่ดีต่อราคาหุ้นกลุ่มพลังงาน PTTEP และโรงกลั่น SPRC ในวันนี้
ประเด็นในประเทศ เป็นการติดตามพัฒนาการ 1) การพิจารณางบประมาณปี 69 วาระแรกระหว่างวันที่ 28-31 พ.ค. และ 2) นายกฯ เปิดงาน ”สวัสดี หนีฮ่าว” เรียกความเชื่อมั่นนักลงทุนจีน
Market Summary
SET Index -2.7 จุด กดดันหลักมาจากกลุ่มอิเล็คทรอนิกส์ DELTA -3.3% กลุ่มพลังงาน -0.5% กลุ่มธนาคาร -0.7% โดย GULF -2.2% KBANK -3.11% หลังมีข่าว GULF ลดน้ำหนักการลงทุนใน KBANK กลุ่มที่ Outperform วานนี้กลุ่มรับเหมาฯ CK +5.6% STECON +5% จาก Sentiment ของการพิจารณาร่างงบประมาณปี 69 วันแรก กลุ่มท่องเที่ยว CENTEL +5.5% ERW +3% จากความหวังต่อความคืบหน้ามาตรการกระตุ้นภาคท่องเที่ยว ซึ่งวันนี้จะมีงาน “สวัสดี หนีฮ่าว” ดึงนักท่องเที่ยวต่างประเทศและจีน กลุ่มโรงกลั่นตามค่าการกลั่นปรับขึ้น 6%WTD หนุน SPRC +1.8% TOP +1.7% นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 342 ล้านบาท
DAILY Stock Pick
STECON
กำไรแข็งแกร่ง และ
การพิจารณางบประมาณปี 69 หนุน
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 9.00 บาท
การพิจารณา พ.ร.บ. งบประมาณปี 69 มีวงเงินงบประมาณรวมทั้งสิ้น 3,780,600 ล้านบาท (+0.7%YoY) หรือเพิ่มขึ้น 27,900 ล้านบาท จากปีงบประมาณก่อน หากรวมงบประมาณจำแนกตามกระทรวงกับงบประมาณของรัฐวิสาหกิจและงบประมาณของทุนหมุนเวียน ที่อยู่ในสังกัดกระทรวง จะพบว่า กระทรวงคมนาคม เพิ่มจาก 5.3% เป็น 6.9% หนุน Backlog ในอนาคต
โดยกำไรในงวด 2Q68E เติบโตเทียบกับปีก่อน หนุนจากปรับวิธีการรับรู้ MRT สายสีเหลืองและชมพู จาก Equity method เป็น financial asset (ไม่รับรู้ผ่านกำไรปกติ) โดย ณ ราคาปัจจุบัน ถูกซื้อขาย PE68 ที่ 13.9 เท่า ตามลำดับ (-0.3SD ของค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี)
KEY FACTOR
การประมูลพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นล่าสุดยังคงตอกย้ำความเปราะบางของความต้องการฝั่ง long-end โดยเฉพาะพันธบัตรอายุ 40 ปี ซึ่งมีความต้องการต่ำที่สุดในรอบปี ส่งผลให้ Bond Yield พุ่งขึ้นแรง และลากผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวของสหรัฐฯ และยุโรปปรับขึ้นตาม สะท้อนแรงกดดันต่อโครงสร้างอัตราดอกเบี้ยทั่วโลก ในขณะเดียวกัน ความไม่แน่นอนด้านภูมิรัฐศาสตร์ โดยเฉพาะนโยบายของสหรัฐฯ ต่อจีน และแนวโน้มการควบคุมการส่งออกชิปขั้นสูง ยังคงเป็น risk factor สำคัญที่ตลาดยังระมัดระวังและรอดูท่าทีที่ชัดเจนในช่วงการเจรจา 90 วัน
ด้านตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญ วันนี้ ติดตามการรายงานตัวเลข GDP 1Q68 ของสหรัฐฯ (รายงานครั้งที่ 2) จากครั้งแรกที่ -0.3% QoQ
EYES ON
27 พ.ค. ความเชื่อมั่นผู้บริโภค ยูโรโซน เดือน พ.ค.
29 พ.ค. GDP สหรัฐฯ 1Q68, การบริโภคส่วนบุคคลสหรัฐฯ 1Q68, ดัชนีราคาสินค้าและบริการสหรัฐฯ 1Q68
30 พ.ค. ดัชนี PCE สหรัฐฯ เม.ย.
นักกลยุทธ์ : ธีรเศรษฐ์ พรหมพงษ์, ชาญชัย พันทาธนากิจ, ออมทรัพย์ โง้วศิริ