ภาวะตลาด : SET Index วานนี้แกว่งบวก-ลบในวัน (สูงสุด +3.67 จุดที่ 1180.06 ต่า สุด -8.19 จุดที่ 1168.17) ทั้งนี้ตัวเลขส่งออกเดือนเม.ย.จะเติบโตเป็นเลขสองหลักต่อ แต่ก็ยังกังวลถึงการชะลอตัวในระยะต่อไป ขณะที่อัตราภาษีศุลกากรทรัมป์ยังไม่แน่นอน ปิดตลาดดัชนี +2.07 จุดที่ 1178.43 หนุนโดยแรงซื้อหุ้น DELTA มูลค่าซื้อขาย 2.76 หมื่นลบ. นักลงทุนต่างชาติพลิกเป็นขายสุทธิ -1.12 พันลบ. สถาบันในปท.ซื้อสุทธิ +205 ลบ.
ปัจจัยต่างประเทศ
• ญี่ปุ่นและสหรัฐเตรียมการเจรจารอบที่ 4 เก่ยี วกับมาตรการภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่กรุงวอชิงตันในวันศุกร์นี้ (30 พ.ค.)
• ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐล่วงหน้า (ฟิวเจอร์ส) เช้านี้บวกขึ้น ราคาน้ำมันดิบล่วงหน้าเปลี่ยนแปลงไม่มาก ตลาดจับตาผลประชุมโอเปกพลัส 1 มิ.ย.นี้ ด้าน US bond yield 10 ปีทรงที่ 4.5% ดัชนีค่าเงิน US$ อ่อนเป็น 98.8 ด้านเงินบาทแข็งค่าเล็กน้อย 32.53 บาท/ดอลลาร์ ดัชนีราคาถ่านหิน (NC) ขยับขึ้นเป็น 108.35 (สูงสุด 149) ดัชนี Baltic Dry Index อยู่ที่ 1340 (สูงสุดอยู่ที่ 1669)
• ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ติดตาม: 27 พ.ค.-ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ค.สหรัฐ – 28 พ.ค.-รายงานการประชุมเฟด 6-7 พ.ค., 29 พ.ค.-จีดีพีสหรัฐ 1Q68 (ประมาณการครั้งที่ 2), 30 พ.ค.-ดัชนี PCE และความเชื่อมั่นผู้บริโภคจากม.มิชิแกน
ปัจจัยในประเทศ & ข่าวหุ้นเด่น
• ส่งออกเดือนเม.ย.ของไทยเติบโต 10.2%YoY ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 10 และ 4M68 ขยายตัว +14% จากประเทศคู่ค่าเร่งซื้อก่อนภาษีทรัมป์ จะมีผลบังคับใช้โดยเฉพาะตลาดสหรัฐ ที่มีการขยายตัวสูงถึง 23.8% อย่างไรก็ตาม ประเมินว่าอัตราเติบโตมีแนวโน้มชะลอตัวลงในระยะต่อไป
• สภาองค์กรของผู้บริโภคจะยื่นฟ้องต่อศาลปกครองขอให้เพิกถอนการจัดสรรคลื่นความถี่ ในวันนี้ (27 พ.ค.) เวลา 13.00 น.
• ติดตามการอภิปรายร่างพ.ร.บ.งบประมาณปี 69 วงเงิน 3.78 ล้านล้านบาท ในวันที่ 28-31 พ.ค.นี้ และสถานการณ์การเมืองไทย
กลุยทธ์ : ตลาดแกว่งรอข่าวใหม่ ระยะสั้นากสัญญาณยังเป็นลบ (อยู่ใต้เส้น SMA10) ให้แนวรับไว้ที่ 1170, 1165-1160, 1155 ส่วนแนวต้านยังคงเป็น 1180,1185-1190, 1200 การลงทุนระยะยะกลาง-ยาว แนะเลือกสะสมหุ้นพื้นฐานดีที่ Valuation ไม่แพง จ่ายปันผลดี สม่ำเสมอ ซึ่งหุ้น Top Picks ของเดือนพ.ค.เป็น ADVANC, BDMS, BJC, CPALL และ KTB
หุ้นพื้นฐานแนะนำวันนี้ : TTB– คาดธนาคารจะจ่ายปันผลระหว่างกาลสำหรับ 1H68 ใกล้เคียงกับปีก่อนที่ 0.065 บาทต่อหุ้น ณ ราคาปัจจุบัน 1.95 บาท คิดเป็น Interim DY ประมาณ 3.3% (สำหรับทั้งปี 68 คาดไว้ที่ 6.6%) ส่วนกำไรสุทธิปี 68 คาดว่าจะทรงตัว YoY เนื่องจากธนาคารยังคงระวังการปล่อยสินเชื่อ โดยเฉพาะสินเชื่อ SME ขนาดเล็กและสินเชื่อรายย่อย เน้นบริหารคุณภาพสินทรัพย์ เงินกองทุนแข็งแกร่ง นอกจากนั้น TTB มีผลขาดทุนจากปิด TBANK ที่นำมาใช้ลดภาษีได้ทำให้การจัดการผลประกอบการมีความยืดหยุ่นมากขึ้น แนะนำ ซื้อ ให้ราคาพื้นฐาน 2.22 บาท
นักวิเคราะห์&กลยุทธ์: อาภาภรณ์ แสวงพรรค : arparporns@dbs.com : Tel 02 587 7829