Today’s NEWS FEED

News Feed

Krungthai COMPASS มองว่า ตลาด BRICS ถนนสายใหม่สินค้าเกษตรและอาหารของไทย โอกาสของผู้ประกอบการสินค้าเกษตรและอาหารไทยที่ไม่ควรมองข้าม

175

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (26 พฤษภาคม 2568 )-------Key Highlights:
•    การเข้าร่วมเป็นหุ้นส่วนของ BRICS (BRICS Partner Country) ของไทย ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 เป็นต้นมา
นับเป็นโอกาสสำคัญในการขยายตลาดส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารไทยทั้งด้านการเข้าถึงตลาดใหม่ การระดมทุนเพื่อพัฒนาการเกษตร และมีแหล่งทรัพยากรธรรมชาติที่เอื้อต่อการขยายการลงทุน
•    ตลาดเป้าหมายที่ควรเร่งบุก ได้แก่ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ รัสเซียและแอฟริกาใต้ เนื่องจากเป็นกลุ่มประเทศที่มีการพึ่งพาการนำเข้าสินค้าเกษตรและอาหารสูง อีกทั้งตลาดยังมีแนวโน้มเติบโตสูง โดยเฉพาะข้าว ไก่ และอาหารสัตว์เลี้ยง ที่มีมูลค่ารวมกว่า 3.5 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ
•    Krungthai COMPASS มองว่า ตลาด BRICS อาจช่วยบรรเทาผลกระทบจากมาตรการภาษีของสหรัฐฯ ต่อการส่งออกสินค้าของไทยได้บางส่วน โดยปัจจัยความสำเร็จของผู้ประกอบการไทย คือ การเข้าใจตลาดและพฤติกรรม


ผู้บริโภคที่หลากหลาย รวมถึงคุณภาพและมาตรฐานสินค้า อย่างไรก็ดี ผู้ประกอบการของไทยยังต้องเผชิญความท้าทายจากต้นทุนขนส่งที่สูง และเงื่อนไขที่ซับซ้อนของการเจรจาทางการค้า (Incoterm)


ประเทศไทยเข้าร่วมเป็นหุ้นส่วนของ BRICS (BRICS Partner Country) ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 เป็นต้นมา     ทำให้หลายภาคส่วนให้ความสนใจถึงโอกาสในการต่อยอดธุรกิจทั้งในแง่ของการขยายตลาดใหม่ๆ และการลงทุน โดยเฉพาะภาคเกษตรและอาหารของไทยที่เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่สำคัญของประเทศ ซึ่งมีมูลค่าการส่งออกกว่าปีละ        1 ล้านล้านบาท ซึ่งคิดเป็นราว 10% ของ GDP ไทย ว่าจะสามารถแสวงหาโอกาสจากการเป็น Partner Country นี้ ได้อย่างไร แต่ก่อนที่จะตอบคำถามนั้น อยากชวนผู้อ่านมาทำความรู้จักกับ BRICS กันก่อนว่าคืออะไร และมีบทบาทอย่างไรในปัจจุบัน และอนาคต


BRICS คืออะไร?
BRICS เป็นกลุ่มประเทศเศรษฐกิจสำคัญที่เกิดขึ้นจากการรวมตัวกันของ 5 ประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่และกำลังเติบโตในระดับโลก ได้แก่ บราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน และแอฟริกาใต้  โดยในปี 2549 บราซิล รัสเซีย อินเดีย และจีน จัดการประชุมระดับรัฐมนตรีเป็นครั้งแรกของ BRIC จากนั้นในปี 2553 แอฟริกาใต้ ได้รับเชิญเข้าเป็นสมาชิก ทำให้กลุ่มเปลี่ยนชื่อจาก BRIC เป็น BRICS
กลุ่มสมาชิก BRICS (BRICS Members)1 มีสมาชิกทั้งหมด 10 ประเทศ ประกอบด้วย บราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน แอฟริกาใต้ เอธิโอเปีย อียิปต์ อิหร่าน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และอินโดนีเซีย และมีประเทศหุ้นส่วนของ BRICS (BRICS Partners) อีก 9 ประเทศได้แก่ เบลารุส โบลิเวีย คาซัคสถาน คิวบา มาเลเซีย ไทย ยูกันดา     อุซเบกิสถาน และไนจีเรีย โดยแม้ประเทศที่เป็นหุ้นส่วนของกลุ่ม BRICS จะไม่มีสิทธิ์ออกเสียงในการกำหนดนโยบายและการตัดสินใจของกลุ่ม แต่ยังสามารถสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน และการเมืองกับ BRICS ได้อย่างเต็มที่


BRICS มีบทบาทสำคัญอย่างไรบ้าง?
กลุ่ม BRICS มีบทบาทสำคัญต่อโลกและประเทศสมาชิกที่หลากหลาย อาทิ บทบาทด้านเศรษฐกิจ เนื่องจาก   มีสัดส่วนของ GDP ของกลุ่มประเทศของ BRICS รวมกันสูงถึง 43% ของเศรษฐกิจโลก และมีจำนวนประชากรรวมกันราวครึ่งหนึ่งของโลก อีกทั้งบทบาทด้านการเมือง ซึ่งเป็นเวทีของประเทศกำลังพัฒนาในการแสดงจุดยืนและต่อรองกับชาติตะวันตก และเพิ่มบทบาทในการไกล่เกลี่ยความขัดแย้งระหว่างประเทศ และมีบทบาทในการส่งเสริมและแลกเปลี่ยนความร่วมมือด้านเทคโนโลยี AI เทคโนโลยีดิจิทัล และพลังงานสะอาด นอกจากนี้ กลุ่ม BRICS ยังมีบทบาทสำคัญในการเป็นผู้ผลิตและผู้บริโภคสินค้าเกษตรและอาหารของโลก เช่น ธัญพืช โดยบราซิล รัสเซีย อินเดียเป็นผู้ผลิตที่มีสัดส่วนราว 42% ของธัญพืชโลก รวมถึงเป็นผู้บริโภครายใหญ่ที่สำคัญของสินค้าเกษตรและอาหาร ซึ่งจะเป็นโอกาสของไทยในฐานะผู้ผลิตและส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารที่มีศักยภาพ จะสามารถเกาะเกี่ยวผลประโยชน์จากตลาด BRICS นี้ไปได้


โอกาสของสินค้าเกษตรและอาหารไทยใน BRICS?
1. ยังมี Room to grow
ความต้องการสินค้าเกษตรและอาหารในกลุ่ม BRICS ที่ยังเติบโต เป็นโอกาสของสินค้าเกษตรและอาหารไทยที่จะเข้าไปคว้าโอกาสนี้ สะท้อนจากอัตราเติบโตเฉลี่ยการนำเข้าสินค้าเกษตรและอาหารของกลุ่ม BRICS ที่ยังเติบโต อีกทั้งส่วนแบ่งตลาดในบางสินค้าของไทย อาทิ เครื่องดื่ม อาหารทะเล และข้าว ยังต่ำเพียง 2-8% ของความต้องการนำเข้าสินค้าเกษตรและอาหารในแต่ละสินค้าในกลุ่ม BRICS
การเพิ่มขึ้นของประชากรในกลุ่ม BRICS ส่งผลดีต่อความต้องการสินค้าเกษตรและอาหารในกลุ่ม BRICS ยังแข็งแกร่ง เนื่องจากเป็นสินค้าจำเป็นในการบริโภคสะท้อนจากการประมาณการของ Population Pyramid ชี้ว่า ในปี 2573 กลุ่ม BRICS จะมีประชากรเติบโตเฉลี่ยอยู่ที่ปีละ 0.8%CAGR (2567-2573) โดยมีสัดส่วนกลุ่ม Millennials คิดเป็น 25% ของประชากรในกลุ่ม BRICS ซึ่งเป็นวัยทำงานหลัก และมีกำลังซื้อสูง และยังสูงกว่าอัตราการเติบโตของประชากรโลกเฉลี่ยอยู่ที่ปีละ 0.6%CAGR (2567-2573)


2. โอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนเพื่อการเกษตร
กลุ่มประเทศใน BRICS สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนและการลงทุนเพื่อการเกษตรได้หลากหลาย ซึ่งช่วยเสริมสร้างภาคเกษตรของประเทศสมาชิกให้มีความมั่นคงทางอาหาร ขยายตลาด และเพิ่มขีดความสามารถทางเศรษฐกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยผ่านช่องทาง เช่น ธนาคารเพื่อการพัฒนาใหม่ (New Development Bank: NDB) ซึ่งให้การสนับสนุนเงินทุนสำหรับโครงการพัฒนาการเกษตรที่ยั่งยืน เช่น การพัฒนาเทคโนโลยีการเกษตรและระบบชลประทาน เน้นโครงสร้างพื้นฐานยั่งยืน และพลังงานสะอาด ซึ่งมีส่วนสนับสนุนภาคเกษตรกรรมผ่านโครงการพลังงานชีวภาพและการจัดการน้ำ ทั้งนี้ในปี 2568 ธนาคาร NDB ตั้งเป้าจะปล่อยสินเชื่อให้กลุ่ม BRICS วงเงิน 5 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากในช่วงปี 2565-2567 สำหรับกลุ่มประเทศ BRICS เพื่อการเกษตรและลงทุนเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งและความยั่งยืนของธุรกิจ


3. แหล่งทรัพยากรธรรมชาติใน BRICS ที่เอื้ออำนวย เป็นโอกาสในการเข้าไปลงทุนในธุรกิจเกษตรและอาหาร
ผู้ประกอบการไทยในกลุ่มเกษตรและอาหารมีโอกาสขยายการลงทุนในธุรกิจ  ที่ หลากหลายใน BRICS เช่น การเลี้ยงสัตว์ ประมง และการแปรรูปอาหาร เนื่องจากประเทศในกลุ่ม BRICS มีแหล่งทรัพยากรธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ ไม่ว่าจะเป็นทรัพยากรป่าไม้ ประชากรสัตว์น้ำ ที่ดินเพื่อเกษตรกรรม รวมถึงแหล่งน้ำ คิดเป็นสัดส่วนราว 42% 28% 28% และ 36% ของในแต่ละทรัพยากรธรรมชาติของโลก ตามลำดับ สะท้อนถึงศักยภาพในการเพาะปลูก การประมงและการเลี้ยงสัตว์ ซึ่งเอื้อต่อการต่อยอดธุรกิจเกษตรและอาหารได้อย่างต่อเนื่อง และเพิ่มขีดความสามารถในการผลิตได้ในระยะยาว

ผู้ประกอบการไทยควรบุกประเทศไหนก่อน ?
ประเทศ BRICS ที่มีความโดดเด่นสำหรับผู้ประกอบการไทยในการเข้าไปทำตลาดสินค้าเกษตรและอาหาร ได้แก่ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) รัสเซีย และแอฟริกาใต้ โดยพิจารณาจากตัวชี้วัดใน 2 มิติ ได้แก่
•    อัตราส่วนการพึ่งพาการนำเข้าของแต่ละประเทศ (Import Dependency Ratio: IDR) สูง ซึ่งสะท้อนว่าการผลิตในประเทศไม่เพียงพอ ทำให้ต้องพึ่งพาการนำเข้า โดย UAE รัสเซีย และแอฟริกาใต้ มีอัตราส่วนการพึ่งพาการนำเข้าสินค้าเกษตรอยู่ที่ 22% 15% และ 10% ตามลำดับ ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศ BRICS ทั้งหมดที่มีค่าอยู่ที่ 7%
•    ตลาดสินค้าเกษตรและอาหารมีแนวโน้มเติบโต ซึ่งสะท้อนจาก อัตราการเติบโตเฉลี่ยการนำเข้าสินค้าเกษตรและอาหารในแต่ละประเทศปี 2562-2566 โดย UAE รัสเซีย และแอฟริกาใต้ มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยการนำเข้าสินค้าเกษตรและอาหารอยู่ที่ 11.0% 10.5% และ 10.0% ตามลำดับ ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศ BRICS ทั้งหมดที่มีค่าอยู่ที่ 7.6%


สินค้าไหนน่าสนใจในการบุกตลาดสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ?
สินค้าข้าว ไก่ และอาหารสัตว์เลี้ยง เป็นสินค้าที่น่าสนใจที่ไทยจะบุกตลาดสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งมีมูลค่าตลาดรวมราว 1.7 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (ราว 6 หมื่นล้านบาท) โดยพิจารณาจากตัวชี้วัดใน 2 มิติ ได้แก่
•    อัตราส่วนการพึ่งพาการนำเข้าในแต่ละสินค้าสูง ซึ่งสะท้อนว่าการบริโภคสินค้าเกษตรและอาหารสูง และมีการผลิตในประเทศไม่เพียงพอ ทำให้ต้องมีการพึ่งพาการนำเข้า โดย UAE มีอัตราส่วนการพึ่งพาการนำเข้าสินค้าไก่ อาหารสัตว์เลี้ยง และข้าวอยู่ที่ 75% 67% และ 66% ตามลำดับ ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของการพึ่งพาการนำเข้าสินค้าเกษตรและอาหารของ UAE ที่มีค่าอยู่ที่ 19%
•    ไทยยังมีศักยภาพในการแข่งขันในสินค้านั้นๆ ซึ่งสะท้อนจากดัชนีความสามารถในการแข่งขันเชิงเปรียบเทียบ (RCA) เฉลี่ยของไทย ปี 2562-2566 โดยไทยมีค่าเฉลี่ย RCA ในสินค้าไก่ อาหารสัตว์เลี้ยงและข้าว อยู่ที่ 7.4 5.3 และ 11 ตามลำดับ ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของ RCA ของสินค้าเกษตรและอาหารของไทยที่มีค่าอยู่ที่ 4.8


สินค้าไหนน่าสนใจในการบุกตลาดรัสเซีย ?
สินค้าอาหารสัตว์เลี้ยง เป็นสินค้าที่น่าสนใจที่ไทยจะบุกตลาดรัสเซียซึ่งมีมูลค่าตลาดรวมราว 0.8 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (ราว 3 หมื่นล้านบาท) โดยพิจารณาจากตัวชี้วัดใน 2 มิติ ได้แก่
•    อัตราส่วนการพึ่งพาการนำเข้าในแต่ละสินค้าสูง ซึ่งสะท้อนว่าการบริโภคสินค้าเกษตรและอาหารสูง และมีการผลิตในประเทศไม่เพียงพอ ทำให้ต้องมีการพึ่งพาการนำเข้า โดยประเทศรัสเซีย มีอัตราส่วนการพึ่งพาการนำเข้าสินค้าอาหารสัตว์เลี้ยงอยู่ที่ 30% ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของการพึ่งพาการนำเข้าสินค้าเกษตรและอาหารของรัสเซีย ที่มีค่าอยู่ที่ 7%
•    ไทยยังมีศักยภาพในการแข่งขันในสินค้านั้นๆ ซึ่งสะท้อนจากดัชนีความสามารถในการแข่งขันเชิงเปรียบเทียบ (RCA) เฉลี่ยของไทย ปี 2562-2566 โดยไทยมีค่าเฉลี่ย RCA ในสินค้าอาหารสัตว์เลี้ยงอยู่ที่ 5.3 ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของ RCA ของสินค้าเกษตรและอาหารของไทยที่มีค่าอยู่ที่ 4.8


สินค้าไหนน่าสนใจในการบุกตลาดแอฟริกาใต้ ?
สินค้าข้าว ไก่ และอาหารสัตว์เลี้ยง เป็นสินค้าที่น่าสนใจที่ไทยจะบุกตลาดแอฟริกาใต้ซึ่งมีมูลค่าตลาดรวมราว 1.0 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (ราว 4 หมื่นล้านบาท)  โดยพิจารณาจากตัวชี้วัดใน 2 มิติ ได้แก่
•    อัตราส่วนการพึ่งพาการนำเข้าในแต่ละสินค้าสูง ซึ่งสะท้อนว่าการบริโภคสินค้าเกษตรและอาหารสูง และมีการผลิตในประเทศไม่เพียงพอ ทำให้ต้องมีการพึ่งพาการนำเข้า โดยประเทศแอฟริกาใต้มีอัตราส่วนการพึ่งพาการนำเข้าสินค้าข้าว อาหารสัตว์เลี้ยง และไก่อยู่ที่ 71% 29% และ 18% ตามลำดับ ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของการพึ่งพาการนำเข้าสินค้าเกษตรและอาหารของ UAE ที่มีค่าอยู่ที่ 4%
•    ไทยยังมีศักยภาพในการแข่งขันในสินค้านั้นๆ ซึ่งสะท้อนจากดัชนีความสามารถในการแข่งขันเชิงเปรียบเทียบ (RCA) เฉลี่ยของไทย ปี 2562-2566 โดยไทยมีค่าเฉลี่ย RCA ในสินค้าข้าว อาหารสัตว์เลี้ยงและไก่ อยู่ที่ 11.0 5.3 และ 7.4 ตามลำดับ ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของ RCA ของสินค้าเกษตรและอาหารของไทยที่มีค่าอยู่ที่ 4.8


Implication
Krungthai COMPASS มองว่า การเข้าร่วม BRICS จะเป็นโอกาสสำคัญในการขยายการส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารของไทยในตลาดดังกล่าว ซึ่งอาจทดแทนสินค้าที่อาจได้รับผลกระทบจากมาตรการขึ้นภาษี    ตอบโต้ของสหรัฐฯ ได้บางส่วน เนื่องจากไทยส่งออกข้าวหอมมะลิและอาหารสัตว์เลี้ยงไปยังตลาดสหรัฐฯ เป็นตลาดส่งออกอันดับ 1 ของไทย ซึ่งมีสัดส่วนราว 44% และ 32% ของการส่งออกข้าวหอมมะลิและอาหารสัตว์เลี้ยงของไทยทั้งหมด ตามลำดับ ดังนั้นหากไทยขยายตลาดไปในกลุ่มประเทศ BRICS อย่างตลาด UAE รัสเซียและแอฟริกาใต้ ที่มีการพึ่งพาการนำเข้าสินค้าเกษตรและอาหารสูง และตลาดยังมีแนวโน้มเติบโตสูง โดยเฉพาะข้าวหอมมะลิและอาหารสัตว์เลี้ยง จึงอาจช่วยบรรเทาผลกระทบดังกล่าวได้บ้าง
ปัจจัยแห่งความสำเร็จของผู้ประกอบการสินค้าเกษตรและอาหารของไทยในการเข้าสู่ตลาด BRICS จะต้องเข้าใจตลาดและพฤติกรรมผู้บริโภคที่หลากหลาย โดยข้อมูลจาก Euromonitor ระบุว่าผู้บริโภคชาวรัสเซียกว่า 70% นิยมอาหารแบบพร้อมรับประทานและอาหารแช่แข็ง โดยเฉพาะเนื้อสัตว์แปรรูป มากกว่าอาหารที่ต้องเตรียมและปรุงเอง อีกทั้งชาวรัสเซียนิยมซื้อสินค้าอาหารที่เก็บไว้ได้นานและมีปริมาณมาก (Long lasting products in bulk) เช่นเดียวกับผู้บริโภคชาวแอฟริกาใต้ ที่นิยมบริโภคเนื้อวัวเป็นหลัก รองลงมาคือ เนื้อไก่ เนื้อนกกระจอกเทศ และเนื้อไก่งวง ขณะที่การบริโภคข้าวหอมมะลิในรัสเซียจะจัดอยู่ในหมวดข้าวนำเข้าและมักใช้ในอาหารนานาชาติ โดยเฉพาะอาหารเอเชีย เช่น อาหารไทย จีน    หรือญี่ปุ่น ซึ่งมีความนิยมมากขึ้นในเมืองใหญ่ เช่น มอสโก และเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก
คุณภาพและมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารเป็นสิ่งจำเป็น แต่ละประเทศใน BRICS มีกฎระเบียบและมาตรฐานด้านความปลอดภัยอาหารที่เข้มงวด เช่น ตลาดกลุ่มประเทศอาหรับที่ต้องได้รับมาตรฐานฮาลาลของ Gulf Cooperation Council (GCC) และองค์การความร่วมมืออิสลาม (OIC) และสินค้าอาหารทะเลกระป๋องที่วางจำหน่ายในแอฟริกาใต้ต้องผ่านการตรวจสอบจากสำนักงานมาตรฐานอุตสาหกรรมแอฟริกาใต้ (South African Bureau of Standard: SABS) นอกจากนี้ ใบรับรองแหล่งกำเนิดสินค้า หรือ Certificate of Origin เป็นเอกสารที่ใช้ยืนยันว่า สินค้าที่จะส่งออกมีแหล่งกำเนิดจากประเทศใด ซึ่งถือเป็นเอกสารสำคัญในการทำการค้าระหว่างประเทศและช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับสินค้าเกษตรและอาหารจากไทยในตลาด BRICS
อย่างไรก็ดี แม้จะเป็นโอกาสสำคัญในการขยายการส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารของไทยในตลาด BRICS แต่ผู้ประกอบการของไทยยังต้องเผชิญกับความท้าทายที่ต้องปรับตัว อาทิ ต้นทุนโลจิสติกส์และค่าขนส่งสูง เนื่องจากการขนส่งสินค้าไปยัง BRICS มีระยะทางไกล โดยเฉพาะรัสเซีย เช่น ท่าเรือ Novorossiysk ที่มีระยะเวลาขนส่งทางเรือจากไทยถึง 30-40 วัน ยาวนานกว่าเมื่อเทียบกับการขนส่งทางเรือไป UAE และแอฟริกาใต้ ที่ใช้เวลา 9-15 และ 19-30 วัน ตามลำดับ รวมถึงระบบ Cold Chain Logistics สำหรับสินค้าแช่แข็งที่มีค่าขนส่งสูงกว่าการขนส่งสินค้าที่ไม่ต้องควบคุมอุณหภูมิ อย่างไรก็ดี ผู้ประกอบการไทยสามารถประยุกต์ใช้ เทคโนโลยีบรรจุภัณฑ์ ที่ช่วยยืดอายุสินค้า เพื่อลดต้นทุน Cold Chain Logistics ได้ อีกทั้งสร้างเครือข่ายในการรวมกลุ่มผู้ประกอบการไทยเพื่อลดต้นทุนโลจิสติกส์ผ่านการแชร์คลังสินค้าและขนส่ง รวมถึงอาจศึกษาและพิจารณาการขนส่งทางราง เช่น รถไฟจีน-ยุโรป


นอกจากนั้น เงื่อนไขที่ซับซ้อนของการเจรจาทางการค้า (Incoterm) ยังเป็นอีกประเด็นที่ผู้ส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารไทยต้องให้ความสำคัญในกระบวนการส่งออกไปยังกลุ่มประเทศ BRICS เนื่องจากประเทศเหล่านี้มีสภาพแวดล้อมทางธุรกิจและกฎระเบียบที่แตกต่างกัน การเลือกใช้ Incoterms ที่เหมาะสมช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินการส่งออก โดยเฉพาะในเรื่องของต้นทุนการขนส่ง ความรับผิดชอบในกรณีความเสียหายของสินค้า และขั้นตอนศุลกากร เช่น Free on Board (FOB) หรือ Cost, Insurance, and Freight (CIF) ที่มักถูกใช้ในประเทศ BRICS เพื่อสร้างความชัดเจนในเรื่องความรับผิดชอบระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย การเจรจา Incoterms ที่รอบคอบและเหมาะสมไม่เพียงช่วยเพิ่มความโปร่งใส แต่ยังเสริมสร้างความไว้วางใจในความสัมพันธ์ทางการค้า ทำให้ผู้ส่งออกสามารถปรับตัวกับตลาด BRICS ได้อย่างมีประสิทธิภาพและมั่นใจมากขึ้น


รู้หรือไม่... Gen AI เข้ามาช่วยให้ผู้ประกอบการหรือผู้ส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารของไทยเตรียมความพร้อมก่อนส่งออกไป BRICS ได้ง่ายขึ้น
Prompt 1: เอกสารที่ต้องใช้ประกอบการส่งออกมีอะไรบ้าง
According to the attached document,you are an import/export expert, please provide a list of the documents required for exporting food products to the United Arab Emirates (UAE).
Answer by Gen AI
•    Bill of Entry or Airway Bill
•    Delivery Order (for containers)
•    Original Health Certificate approved by the governmental health authority at the country      of origin
•    Consignment Packing List
•    Original Halal Certificate issued by an Islamic Organization approved by UAE authorities      (for meat, poultry, and products thereof)
•    Additional Certificates (if required due to international epidemics or local decisions,     such as GMO-Free Certificates, Avian Flu-
Free Certificates, Dioxin-Free Certificates, etc.)
Prompt 2: ขั้นตอนหากไทยต้องการส่งออกอาหารไป UAE จะต้องทำอะไรบ้าง
According to the attached document,you are an import/export expert. What are the necessary procedures that Thailand must undertake in order to export food products to the United Arab Emirates (UAE)
Answer by Gen AI
•    ลงทะเบียนในระบบอิเล็กทรอนิกส์ของ Dubai Municipality (E-Government)
•    ขออนุมัติฉลากอาหาร + ฉลากต้องเป็นภาษาอาหรับ
•    มีใบรับรองสุขอนามัย + ใบรับรองฮาลาล (ถ้ามีเนื้อสัตว์)
•    สินค้าต้องไม่มีสารต้องห้ามและปฏิบัติตามมาตรฐานวันหมดอายุของ GCC

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

รอ By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ บ่ายวันนี้ ยังคงรอ การปรับน้ำหนักดัชนี MSCI จะมีผล ณ ราคาปิดในวันนี้ โดย MSCI Global ....

ATLAS ลุยโรดโชว์ จ.นครราชสีมา กระแสตอบรับล้นหลาม

ATLAS ลุยโรดโชว์ จ.นครราชสีมา กระแสตอบรับล้นหลาม

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้