Today’s NEWS FEED

News Feed

SCB EIC ชี้ เศรษฐกิจไทยไตรมาส 1/68 ขยายตัวตามคาดจากปัจจัยชั่วคราวและฐานต่ำ แต่สัญญาณเศรษฐกิจช่วงข้างหน้าจะแผ่วลง จากผลกระทบสงครามการค้าและความไม่แน่นอนสูง GDP ช่วงครึ่งปีหลังจะโตเฉลี่ยไม่ถึง 1%

100

 

 

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(23 พฤษภาคม 2568)-----ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ Economic Intelligence Center ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) ประเมินเศรษฐกิจโลกในปีนี้ยังมีแนวโน้มชะลอตัวมากจากสงครามการค้า แม้ภาพรวมจะดีขึ้นบ้างจากความคืบหน้าการเจรจาการค้า ข้อมูลเร็วจากการสำรวจ (Soft data) สะท้อนกิจกรรมโลกปรับลดลงมากที่สุดในรอบหนึ่งปีครึ่ง


แต่ข้อมูลเศรษฐกิจจริง (Hard data) ที่จะออกมาช้ากว่ายังไม่เห็นผลกระทบจากนโยบายทรัมป์ชัดเจนนัก หลายประเทศขยายตัวดีขึ้นจากการเร่งผลิต ส่งออก และบริโภคก่อนจะได้รับผลกระทบจากนโยบายกำแพงภาษีสหรัฐฯ เต็มที่ในช่วงข้างหน้า ประเมินว่า Hard data จะมีแนวโน้มปรับลดลงตาม Soft data แต่อาจไม่รุนแรงนัก เพราะบรรยากาศการเจรจาการค้าของสหรัฐฯ กับคู่ค้าเริ่มดีขึ้นบ้าง โดยเฉพาะข้อตกลงกับสหราชอาณาจักรที่ลุล่วงแล้ว ข้อตกลงลดภาษีตอบโต้กับจีนชั่วคราว และแผนเร่งเจรจากับคู่ค้าหลัก ทั้งนี้ SCB EIC ประเมินว่าอัตราภาษีตอบโต้จริงของสหรัฐฯ หลังสิ้นสุดช่วงเจรจาส่วนใหญ่จะยังคงสูงกว่าอัตราภาษีขั้นต่ำ 10% (Universal tariff) รวมถึงจะยังมีความไม่แน่นอนทางนโยบายในระดับสูงต่อเนื่อง ส่งผลกดดันภาพรวมการค้าและการลงทุนโลก


เศรษฐกิจสหรัฐฯ ในปี 2025 ยังมีแนวโน้มชะลอลง แม้จะปรับดีขึ้นบ้าง หลังสหรัฐฯ มีความคืบหน้าในการเจรจาคู่ค้าที่เป็นประโยชน์กับสหรัฐฯ ประกอบกับข้อมูล GDP ไตรมาส 1 ปี 2025 และข้อมูลเดือน เม.ย. ยังไม่สะท้อนผลกระทบของมาตรการกำแพงภาษีต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ มากนัก SCB EIC จึงปรับลดมุมมอง Fed จะลดดอกเบี้ยเหลือเพียง 25 bps ในปีนี้ (เดิม 75 bps) โดยธนาคารกลางสหรัฐฯ อาจไม่จำเป็นต้องเร่งลดดอกเบี้ยเพื่อลดความเสี่ยงเศรษฐกิจถดถอย เนื่องจากยังมีความเสี่ยงเงินเฟ้อสูงจากนโยบายกำแพงภาษี สอดคล้องกับการสื่อสารในช่วงนี้ของกรรมการ FOMC หลายท่าน


เศรษฐกิจไทยไตรมาส 1 ขยายตัว 3.1% ใกล้เคียงคาดการณ์ของ SCB EIC ปัจจัยสนับสนุนหลักมาจากการส่งออกสินค้า โดยเฉพาะการเร่งส่งออกไปสหรัฐฯ และจีนก่อนสหรัฐฯ ประกาศขึ้นภาษีตอบโต้ รวมถึงวัฏจักรอิเล็กทรอนิกส์ขาขึ้น และปัจจัยหนุนจากการเร่งใช้จ่ายภาครัฐ ขณะที่ภาคการท่องเที่ยวยังได้รับผลบวกจากการเข้ามาของนักท่องเที่ยวในเดือนมกราคมที่ยังอยู่ในช่วงไฮซีซัน ก่อนเริ่มชะลอตัวลงจากการหดตัวของนักท่องเที่ยวจีนเป็นหลัก อย่างไรก็ดี การลงทุนภาคเอกชนยังหดตัวต่อเนื่อง 4 ไตรมาส ขณะที่ภาคการผลิตอุตสาหกรรมยังขยายตัวต่ำ ส่วนหนึ่งจากการระบายสินค้าคงคลังต่อเนื่อง


สัญญาณเศรษฐกิจไทยช่วงข้างหน้าจะแผ่วลง GDP ครึ่งปีหลังอาจโตเฉลี่ยไม่ถึง 1% การใช้จ่ายภาครัฐจะยังช่วยสนับสนุนเศรษฐกิจได้ในระยะสั้น โดยเฉพาะการปรับแผนใช้จ่ายงบกลางค่าใช้จ่ายเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างความเข้มแข็งของระบบเศรษฐกิจ วงเงิน 1.57 แสนล้านบาทที่ยังเหลือ อย่างไรก็ดี เครื่องชี้ด้านการผลิตยังสะท้อนความเปราะบาง อาทิ จำนวนธุรกิจเปิดกิจการในช่วง 4 เดือนแรกของปีหดตัว 4.4%YOY ขณะที่จำนวนธุรกิจปิดกิจการเพิ่มขึ้น 8.3%YOY ความเชื่อมั่นภาคธุรกิจปรับลดลง เครื่องชี้กิจกรรมภาคธุรกิจมีแนวโน้มซบเซาต่อเนื่อง โดยเฉพาะตลาดบ้านและรถยนต์ ธุรกิจท่องเที่ยวเริ่มชะลอตัวตามการลดลงของนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยเฉพาะจีน บางธุรกิจจะเผชิญผลกระทบจาก China influx รุนแรงขึ้น ปัจจัยเหล่านี้ชี้ว่า การลงทุนภาคเอกชนในช่วงที่เหลือของปีจะมีแนวโน้มหดตัวต่อเนื่อง สำหรับการส่งออกสินค้าจะกลับมาหดตัวหลังสหรัฐฯ เริ่มเก็บภาษีตอบโต้คู่ค้าตั้งแต่ต้นเดือน ก.ค. นอกจากนี้ เครื่องชี้ภาวะการเงินที่ยังตึงตัว โดยเฉพาะรายย่อยที่เข้าถึงสินเชื่อได้ยาก จะเป็นปัจจัยกดดันการบริโภคภาคเอกชนให้ใช้จ่ายระมัดระวังขึ้น ในภาวะกำลังซื้ออ่อนแอและหนี้ครัวเรือนสูง

SCB EIC ประเมินว่า กนง. จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 2 ครั้งในปีนี้สู่ระดับ 1.25% ภายในสิ้นปี 2025 เพื่อรองรับเศรษฐกิจที่ชะลอตัวจากสงครามการค้า ท่ามกลางความไม่แน่นอนสูง ประกอบกับความตึงตัวของภาวะการเงินที่ยังมีอยู่มาก สะท้อนจากสินเชื่อระบบธนาคารพาณิชย์ที่หดตัวต่อเนื่องและ NPLs ที่สูงขึ้น

เงินบาทกลับมาแข็งค่าเร็วสอดคล้องกับสกุลเงินภูมิภาคจากดัชนีเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าและเงินทุนไหลเข้าภูมิภาค แม้ว่าเงินบาทจะแข็งค่าน้อยกว่าสกุลเงินอื่นทำให้ดัชนีค่าเงินบาทปรับอ่อนค่าลงบ้าง แต่ปัญหาค่าเงินบาทแข็งและมีความผันผวนสูงยังมีอยู่มาก ในระยะสั้นเงินบาทมีโอกาสกลับมาอ่อนค่าในกรอบ 32.50-33.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ และมีแนวโน้มแข็งค่าต่อตามวัฏจักรเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าและการไหลออกของเงินทุนจากสหรัฐฯ ทั้งนี้เงินบาทอาจไม่แข็งค่าเร็วนัก เพราะสัดส่วนเงินลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศของไทยยังต่ำ กระแส Repatriation flows ของเงินลงทุนฯ กลับมาไทยน่าจะมีน้อย ในช่วงสิ้นปีคาดว่าเงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นในกรอบ 31.50-32.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

ตั้งลำ By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ ตลาดหุุ้นไทย ดีดตัว ตั้งลำได้อีกครั้ง ยืน 1,180 จุด ได้ ด้วยตลาดต่างประเทศปรับตัวขึ้น ....

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้