Equality for All

CBG : บมจ. คาราบาว กรุ๊ป
2Q25 คาดการดำเนินงานกลับมาโตทั้ง y-y และ q-q : ผบห. คาด 2Q25 ยอดขายในประเทศจะกลับมาโต 2 หลัก y-y และ q-q แต่ต่างประเทศคาดจะโต y-y แต่อาจหดตัว q-q ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นนั้นคาดจะใกล้เคียง q-q แม้จะได้รับผลจากภาษีน้ำตาลปรับขึ้นตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. ที่ผ่านมาเนื่องจาก CBG ไม่ได้ปรับสูตรใหม่เพื่อรองรับผลกระทบดังกล่าว แต่คาดจะได้ส่วนชดเชยจากราคาวัตถุดิบลดลงทั้งเศษแก้ว น้ำตาล และบรรจุภัณฑ์ที่ลดลง

ปรับประมาณการ : อย่างไรก็ตาม จากแนวโน้มกำลังซื้อที่หดตัวทำให้เราปรับลดยอดขายลงเหลือโต +12% y-y ส่วนใหญ่เป็นการเพิ่มขึ้นของยอดขายในประเทศ และแนวโน้มของราคาวัตถุดิบที่ลดลงทำให้แนวโน้มอัตรากำไรขั้นต้นยังทรงตัว y-y แต่คาดจะเห็นค่าใช้จ่ายลดลงมากเนื่องจากค่าธรรมเนียมสนับสนุนฟุตบอลลดลงหลังครบกำหนดสัญญา รวมถึงอัตราภาษีจ่ายเพิ่มขึ้นหลังสิทธิประโยชน์สิ้นสุดลง ปรับกำไรสุทธิเบื้องต้นลงเหลือ 3,282 ลบ. +15% y-y

ส่วนแบ่งตลาดตามปริมาณ เม.ย. -0.1% อยู่ที่ 25.7% : จากข้อมูลส่วนแบ่งตลาดเดือน มี.ค. ก่อนหน้าเคยรายงานที่ 25.1% ลดลง -0.4% แต่เนื่องจากมีข้อผิดพลาดของข้อมูลดังกล่าวและมีการแก้ไขทำให้ส่วนแบ่งตลาดเป็น 25.8% +0.7% m-m แต่หากเดือน เม.ย. หดตัว -0.1% อยู่ที่ 25.7% โดย ผบห. ยังคงเป้าส่วนแบ่งตลาดภายในสิ้นปีนี้ว่าจะเพิ่มเป็น 29% จากสิ้นเดือนธ.ค. อยู่ที่ 26%

คาดการเริ่มผลิตในต่างประเทศจะช่วยเพิ่มยอดขายและกำไรดีขึ้น : จากแผนการก่อสร้างโรงงานแห่งใหม่ในเมียนมาคาดจะเริ่มผลิตได้ใน 3Q25 เป็นต้นไป ส่วนโรงงานในกัมพูชาคาดจะเริ่มผลิต 1Q26 ผบห. แจ้งว่าการสร้างโรงงานในตปท.นั้น จะช่วยลดค่าขนส่งในการส่งออกจากไทยไปในประเทศเหล่านั้น รวมถึงภาษีนำเข้าให้ลดลงอย่างน้อย 2 บาท/ ขวด
โดยในส่วนพม่าก่อนหน้าที่จะมีปัญหาการส่งออก CBG เคยขายในประเทศดังกล่าวราว 4 ล้านลัง/ ไตรมาส แต่จากปัญหาภายในประเทศทำให้ยอดขายเหลือเพียง 2-3 แสนลัง/ ไตรมาส และปัจจุบันเพิ่มเป็น 6 แสนลัง/ ไตรมาส ซึ่งกำลังการผลิตในโรงงานที่จะเริ่มผลิตนั้นมีอยู่ที่ 4 แสนลังทำให้ยังมีบางส่วนที่ต้องนำเข้าจากไทยไป แต่การกระจายสินค้าจะทำได้ดีขึ้น

เป็นบวกขึ้น แต่กำลังซื้อ?
“ แม้งบ 1Q25 จะออกมาต่ำกว่าคาด แต่แนวโน้ม 2Q25 คาดจะกลับมาเติบโตได้ทั้ง y-y และ q-q และรอว่าหลังโรงงานในตปท. เริ่มผลิตจะเป็นส่วนเพิ่มต่อกำไรในอนาคต อย่างไรก็ตาม จากสัญญาณการชะลอตัวของกลุ่มเครื่องดื่มชูกำลังที่ติดลบ 2-3% ทำให้เราเริ่มกังวลต่อช่วงที่เหลือของปีว่าอาจส่งผลกระทบต่อยอดขาย
การประชุมวานนี้แม้โทนที่ได้รับมาจะเป็นบวก แต่มีความเสี่ยงมากขึ้นต่อกำลังซื้อที่เริ่มเห็นการชะลอตัวลง รวมถึงการปรับประมาณการลงจากงบที่ต่ำคาด ราคาหุ้นปรับขึ้นมาสะท้อนข่าวบวกมาแล้ว รอก่อนดีกว่า ”

นารี อภิเศวตกานต์
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐาน #17971
naree.a@liberator.co.th