ภาวะตลาด : SET Index วานนี้อ่อนตัวลง ปิด -8.71 จุดที่ 1187.06 นำโดยการลดลงของราคาหุ้น DELTA ที่กดดัชนีลง 7.5 จุด แม้ว่าเศรษฐกิจ 1Q68 จะเติบโตดีกว่าคาด แต่ก็กังวลว่าจะชะลอตัวในไตรมาสต่อไป รวมถึงการเมืองไทยที่ไม่แน่นอน สถาบันในปท.และต่างชาติซื้อ-ขายสุทธิไม่มาก

ปัจจัยต่างประเทศ
• จีน : ยอดค้าปลีกและการผลิตภาคอุตสาหกรรมเม.ย.เติบโตน้อยลงจากเดือนก่อนหน้า ยอดค้าปลีกเดือนเม.ย.เพิ่ม 5.1%YoY ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดที่ 5.5% และลดจากมี.ค.ที่ 5.9% ส่วนการผลิตภาคอุตสาหกรรมเพิ่ม 6.1% ดีกว่าตลาดคาดที่ 5.5% แต่ลดจากมี.ค.ที่เพิ่ม 7.7%
• สหรัฐมีแนวโน้มปรับอัตราภาษีเป็นรายภูมิภาค สกอตต์ เบสเซนต์ รมว.คลังสหรัฐ กล่าวเมื่อ 18 พ.ค.ว่า สหรัฐมีแนวโน้มเพิ่มภาษีนำเข้าจากหลายประเทศตามภูมิภาคแทนที่จะเป็นรายประเทศ เนื่องจากไม่มีเวลาพอสำหรับเจรจาข้อตกลงการค้าแบบทวิภาคี โดยเมื่อ 16 พ.ค.ทรัมป์ กล่าวว่าสหรัฐจะส่งจดหมายกำหนดอัตราภาษีไปยังหลายประเทศใน 2-3 สัปดาห์ข้างหน้า ซึ่งต้องติดตามว่าจะเป็นอัตราเท่าไร
• สัญญาทองคำ COMEX ปรับขึ้น 46.20 ดอลลาร์ เป็น 3233.50 US$/ออนซ์ และดัชนีค่าเงิน US$ อ่อนลงเป็น 100.5 หลังสหรัฐถูกมูดีส์ลดเครดิตจาก Aaa เป็น Aa1 เงินบาทแกว่งในกรอบ 33-33.5 บาท/ดอลลาร์ ด้านราคาน้ำมันดิบ WTI & BRENT ทรงตัวที่ 62-65 US$/bbl ดัชนีราคาถ่านหิน (NC) ทรงที่ 99.25 (สูงสุด 149) ดัชนี Baltic Dry Index อ่อนสู่ 1347 (สูงสุดอยู่ที่ 1669)

ปัจจัยในประเทศ & ข่าวหุ้นเด่น
• รัฐบาลชะลอโครงการแจกเงินดิจิตอลเฟส 3 โยกเงินไปแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้าง เช่น โครงการน้ำเพื่อบริโภค กระตุ้นท่องเที่ยวเมืองรอง ช่วยเหลือ SME
• สภาพัฒน์รายงานจีดีพี 1Q68 ไทย เติบโต 3.1%YoY (0.7%QoQ) ดีกว่าตลาดคาดที่ 2.9% ปัจจัยหนุนหลักคือ มูลค่าส่งออกที่เพิ่มถึง 15%YoY จากการเร่งนำเข้าของปท.คู่ค้า และการลงทุนภาครัฐที่เติบโต 26.3% จากฐานต่ำในปีก่อน การบริโภคภาคเอกชน&ภาครัฐโต 2.6%, 3.4% แต่ลงทุนภาคเอกชนหดตัว -0.9%
• แนวโน้มการเติบโตศก.ชะลอลงในไตรมาสที่เหลือของปีนี้ โดยสภาพัฒน์ระบุว่าอาจเห็นผลกระทบจากความผันผวนของศก.และการค้าโลกมากขึ้นตั้งแต่ 3Q68 เป็นต้นไป ปรับลดคาดการณ์จีดีพีไทยปีนี้เป็นเติบโต 1.8% (เดิม 2.8%)
• บอร์ด BOI อนุมัติส่งเสริมกิจการ Data center และพลังงานหมุนเวียน 7 โครงการมูลค่าราว 1 แสนล้านบาท
• หุ้นที่คาดว่ากองทุน TESGX จะให้ความสนใจ ได้แก่ ADVANC (SET ESG Ratings: AAA), BEM (AAA), CPALL (AAA), CPN (AAA), GULF (AAA), KTB (AAA), KBANK (AAA), PTT (AAA), SCC (AAA), AOT (A), DELTA (A), BDMS (A) เป็นต้น

กลุยทธ์ : ดัชนียังอยู่ในทิศทางแกว่งลง เนื่องจากขาดปัจจัยกระตุ้น ระยะสั้นมีแนวรับ 1185, 1175 หรือต่า กว่า ส่วนแนวต้านระยะสั้นอยู่ที่ 1190, 1200, 1210 สำหรับการลงทุนระยะยะกลาง-ยาว ยังเป็นการเลือกลงทุนหุ้นพื้นฐานดีที่ Valuation ไม่แพง และหุ้น Big Cap ที่กองทุน TESGX ให้ความสนใจ ซึ่งหุ้น Top Picks ของเดือนพ.ค.เป็น ADVANC, BDMS, BJC, CPALL และ KTB

หุ้นพื้นฐานแนะนำวันนี้ : GFPT – มีโอกาสที่บริษัทจะส่งออกไปญี่ปุ่น อียู และจีนได้มากขึ้น หลังญี่ปุ่น อียู และจีนประกาศระงับการนำเข้าสัตว์ปีกจากบราซิล หลังมีไข้หวัดนกระบาด ซึ่งใน 1Q68 บริษัทส่งออกไก่ไปญี่ปุ่น 24% ไปอียู 40% และไปจีน 13% ของปริมาณส่งออกทั้งหมดที่ 8.7 พันตัน ทั้งนี้บริษัทมีรายได้จากส่งออกโดยตรง 25% ของรายได้ทั้งหมด แนวโน้มกำไร 2Q25 ยังคงแข็งแกร่งและเติบโตต่อ QoQ จากมาร์จิ้นที่สูงขึ้น คาดปีนี้เป็นอีกปีหนึ่งที่บริษัทจะทำกำไรได้สูงมาก โดย
คาดไว้ที่ 2.1 พันล้านบาท (+8%YoY) ณ ราคาปัจจุบันมี P/E ปีนี้ 5.8 เท่า และ P/BV ต่ำเพียง 0.6 เท่า แนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 12.70 บาท

นักวิเคราะห์&กลยุทธ์: อาภาภรณ์ แสวงพรรค : arparporns@dbs.com : Tel 02 587 7829