Market Wrap-Up
- SET วันที่ 15 พ.ค.68 ปิด -22.22 จุด อยู่ที่ 1,194.49 จุด มูลค่าการซื้อขาย 45,794 ลบ. สถาบันขาย 1,377 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 154 ลบ. ต่างชาติขาย 1,172 ลบ. และรายย่อยซื้อ 2,703 ลบ. NVDR มียอดขายสุทธิ 1,278 ลบ.โดยมียอดซื้อในหุ้น ADVANC,BBL,PTTEP,CRC,CPN และยอดขายหุ้น ,AOT,DELTA,KTB,MINT,KCE มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 3,137 ลบ.หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ HKCE01,HMPRO,LH โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Long ใน Index Futures จำนวน 5,498 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Long สุทธิรวม 50,102 สัญญา ต่างชาติขายสุทธิในตลาดพันธบัตรไทย 4,776 ลบ.
- ตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA +0.65%, S&P500 +0.41%, Nasdaq -0.18% ได้แรงหนุนจากกลุ่มสาธารณูปโภค +2.1%, สินค้าอุปโภค +2.0% ขณะที่กลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย -0.7%, บริการสื่อสาร -0.4% ส่วนข้อมูล US PPI เม.ย. ชะลอตัวอยู่ที่ 4% & คาด 2.5% YoY และยอคค้าปลีกสหรัฐ เม.ย. +0.1% MoM ตามคาดการณ์ ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 +0.56% ได้แรงหนุนจากกลุ่มอุตสาหกรรม หลังราคาน้ำมันปรับลดลงกว่า 3% จากความหวังสหรัฐ - อิหร่านจะสามารถบรรลุข้อตกลงนิวเคลียร์
Market View
- ตลาดหุ้นสหรัฐวานนี้ DJIA, S&P500 ปรับขึ้น หลังข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐ เช่น US PPI เม.ย. อยู่ที่ 4% YoY และยอดค้าปลีกสหรัฐ เม.ย. อยู่ที่ 0.1% & มี.ค. 1.7% MoM บ่งชี้เงินเฟ้อและกำลังซื้อของผู้บริโภคสหรัฐมีสัญญาณชะลอตัว ส่งผลให้ US Bond Yield 10 ปี ลดลง 7 Bps อยู่ที่ 4.45% และนักลงทุนคาดหวังเฟดจะลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือน ก.ย. ขณะที่ถ้อยแถลงของ ปธ.เฟดวานนี้ ชี้ดอกเบี้ยระยะยาวมีแนวโน้มสูงขึ้น เป็นผลจากภาวะเศรษฐกิจ & นโยบายการเงินอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่าน แต่เงินเฟ้อระยะยาวยังใกล้เคียงกับระดับ 2%ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจค่ำวันนี้ ม.มิชิแกนรายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐ พ.ค. คาด 53.1 & เม.ย. 52.2
- ตลาดหุ้นยุโรปวานนี้ได้แรงหนุนจากกลุ่มอุตสาหกรรม หลังราคาน้ำมันดิบปรับลดลงกว่า 3% , กลุ่มสื่อสารได้แรงหนุนจากรายงานกำไรของดอยช์ เทเลคอมที่ดีกว่าคาด และกลุ่มอวกาศ & กลาโหม +2.3% ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจวานนี้ GDP อังกฤษ Q1/68 +0.7% & Q4/67 +0.1% QoQ ได้ปัจจัยหนุนจากภาคบริการและภาคการผลิตขยายตัวดี ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการเร่งการผลิตก่อนสหรัฐจะปรับขึ้นภาษีศุลกากร เช่นเดียวกับ GDP ยูโรโซน Q1/68 +0.3% & Q4/68 +0.2% QoQ โดยนักลงทุนรอรายงานงบ บจ. ใน Stoxx600 ซึ่ง LSEG คาดกำไร Q1/68 +1.9% YoY และหากไม่รวมกลุ่มพลังงานคาดกำไร +7.3% YoY
- ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ ดัชนีเซี่ยงไฮ้ -0.68% หลังยอดปล่อยกู้ใหม่ของธนาคารพาณิชย์ เม.ย.ชะลอตัวอยู่ที่ 8 แสน ล.หยวน & มี.ค. 3.64 แสน ล.หยวน ส่วนฮั่งเส็ง -0.79% หลัง Tencent รายงานกำไรตำกว่าคาด และยังรอการรายงานงบชอง Alibaba ขณะที่ดัชนีนิเกอิวานนี้ -0.98% เป็นผลจากค่าเงินเยนแข็งค่า และสุดสัปดาห์นี้จะมีการหารือกับสหรัฐในข้อกล่าวหาญี่ปุ่นแทรกแซงค่าเงินเยน ทางด้านข้อมูลเศรษฐกิจเช้านี้รายงาน GDP ญี่ปุ่น Q1/68 หดตัว -0.7% & Q4/67 +2.4% YoY
- SET วานนี้ -1.83% ปริมาณการซื้อขาย 58 หมื่น ลบ. สถาบันขาย 1,377 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 154 ลบ. ต่างชาติขาย 1,172 ลบ. และรายย่อยซื้อ 2,703 ลบ. ภาพรวมดัชนีลดลงตามภูมิภาคหลังช่วงต้นสัปดาห์ซึมซับประเด็นบวกการเจรจาการค้าจีน-สหรัฐฯ ขณะเดียวกัน SET มีปัจจัยกดดันเพิ่มเติมจากหุ้น Big Cap. อย่าง AOT หลังรายงานกำไร Q2/68 อยู่ที่ 5.1 พัน ลบ. -13% YoY, -5% QoQ และต่ำกว่า BB คาด -13% สาเหตุมาจากรายได้จากธุรกิจดิวตี้ฟรีที่ลดลง จากการเรียกคืนพื้นที่เช่าของ King Power และนักท่องเที่ยวจีนซื้อสินค้าน้อยลง ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจอื่นๆ ม.หอการค้าไทยเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค เม.ย. อยู่ที่ 55.4 ลดลงเป็นเดือนที่ 3 จากความขัดแย้งการค้าจีน-สหรัฐฯ
Daily Strategy
- ประเมินแนวรับ SET ที่ 1,187-1,182 แนวต้าน 1,200-1,210 คาดดัชนีแกว่งประคองตัวรอความคืบหน้าการเริ่มเจรจาการค้าระหว่างไทย-สหรัฐฯ รวมถึงรอการรายงาน GDP ไทยงวด 1Q68 ซึ่งตลาดคาดขยายตัว +3.0%YoY แนะนำทยอยซื้อกลุ่มที่มีคาดการณ์ Earning Momentum ใน 2Q68 ขยายตัวหรือฟื้นตัวได้ต่อ เช่น กลุ่มอาหาร CPF, GFPT, TFG, BTG กลุ่มโรงไฟฟ้า GPSC, BGRIM, CKP, BCPG กลุ่มการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน Data Center DELTA, GULF, ADVANC, TRUE
- TFG* (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 6.10 บาท) รายงานกำไรงวด 1Q68 อยู่ที่ 2 พันล้านบาท +138%QoQ, +1071%YoY มีปัจจัยหนุนการเติบโตจากราคาเนื้อสัตว์ที่ปรับตัวสูง ส่งผลให้รายได้เติบโตทั้งตลาดในประเทศและการส่งออก ประกอบกับต้นทุนอาหารสัตว์ลดลง ส่งผลให้ margin ดีขึ้น ส่วน 2Q68 กำไรน่าจะยังดีต่อเพราะราคาสุกรยังอยู่สูง ขณะที่แนวโน้มต้นทุนอาหารสัตว์ลดลง ในฝั่งของธุรกิจ Retail เตรียมขยายสาขาร้าน "ไทยฟู้ดส์ เฟรซ มาร์เก็ต" ให้มีจำนวนสาขา 600 สาขา จากปีที่ผ่านมามีสาขาอยู่ที่ 401 สาขา สิ้น 1Q68 อยู่ที่ 430 สาขา ช่วยเพิ่มมาร์จิ้นให้ธุรกิจในระยะยาว
- STECON (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย00 บาท) กำไรสุทธิ 1Q68 อยู่ที่ 342 ลบ. (+3,009%YoY, พลิกมีกำไรจากขาดทุนใน 4Q67 ที่ 2,247 ลบ. ) มีปัจจัยหนุนจาก 1.รายได้เงินปันผลราว 222 ล้านบาท จาก GULF 2.ไม่มีค่าใช้จ่ายโครงการหนองบอน และ 3.ส่วนแบ่งขาดทุนที่ลดลงจากรถไฟฟ้าสายสีเหลืองและสีชมพู ส่วนการดำเนินงานในช่วงถัดไปคาดจะยังอยู่ในเกณฑ์ดีได้ต่อ ปัจจุบัน มี Backlog อยู่เกือบ1.22 แสนล้านบาท โดยใน 1Q68ได้เซ็นต์ งานData Center 1.6 หมื่นล้านบาท งานก่อสร้างมอเตอร์เวย์ M7 ส่วนต่อขยายเชื่อมสนามบินอู่ตะเภา รวมถึงยังมีงานอื่นๆที่มีโอกาสประมูลเข้ามาเพิ่มเติมได้อีก
Daily Key Factors
Oil Update(+) WTI มิ.ย. -2.42% ปิดที่ 61.62 ดอลลาร์/บาร์เรล, Brent ก.ค. -2.36% ปิดที่ 64.53 ดอลลาร์/บาร์เรล ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ เปิดเผยระหว่างการเยือนประเทศกาตาร์เมื่อวานนี้ว่า สหรัฐฯ ใกล้บรรลุข้อตกลงนิวเคลียร์กับอิหร่าน โดยระบุว่าอิหร่านได้ยอมรับเงื่อนไขบางประการแล้ว
Gold Update(-) Comex Gold มิ.ย.-$38.30 อยู่ที่ $3,226 /ออนซ์ ได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และข้อมูลเศรษฐกิจที่ซบเซาของสหรัฐฯ แนวโน้มลดลง ส่งผลให้ Dollar Index แข็งค่า +1.03% อยู่ที่ 100.639
Fund Flow(+) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP วานนี้ ซื้อสุทธิ +62.83 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นไทย -35.18 ล.ดอลลาร์สหรัฐ ซื้อหุ้นอินโด ฯ +101.91 ล.ดอลลาร์สหรัฐ และขายหุ้นฟิลิปปินส์ -3.9 ล.ดอลลาร์สหรัฐ
(0) ค่าเงินบาทเช้านีอ่อนค่าอยู่ที่ 33.19 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(0) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ปรับขึ้นอยู่ที่ -0.70%
(-) ดัชนี BDI วานนี้ +38 จุด อยู่ที่ 1,305
(+) BitCoin เช้านี้ +0.8% อยู่ที่ 103,980 ดอลลาร์สหรัฐ
Economic Calendar
ในประเทศ
14 พ.ค. รายงานผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ฉบับย่อ
19 พ.ค. สภาพัฒน์ แถลง GDP ไตรมาส 1/68
สัปดาห์ที3 ม.หอการค้าไทย แถลงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค, ดัชนีความเชื่อมั่น
หอการค้าไทย
ส.อ.ท. แถลงดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม
สัปดาห์ที4 กระทรวงพาณิชย์ แถลงภาวะการค้าระหว่างประเทศ
ส.อ.ท. แถลงยอดผลิตและส่งออกรถยนต์ รถจักรยานยนต์และชิ้นส่วน
ยานยนต์
ต่างประเทศ
13 พ.ค. US ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)(เม.ย.)
14 พ.ค. USสินค้าคงคลังน้ำมันดิบ
15 พ.ค. US ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) (เม.ย.)
US ดัชนียอดขายปลีก (เม.ย.)
US ดัชนีภาคการผลิตจากธนาคารกลางรัฐฟิลาเดลเฟีย ( พ.ค.)
US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก
Theme Strategy
Theme หุ้นที่มีปัจจัยบวกตามกระแส Megatend, ทิศทางดอกเบี้ยเริ่มเข้าสู่ขาลง, และ/หรือ สามารถรับจากความเสี่ยง Trade War ได้
(1) กลุ่มการเงิน Leasing รับแนวโน้มทิศทางดอกเบี้ยในประเทศลดลง NCAP*, S11*, SINGER* ,SGC* ,THANI*
(2) กลุ่มสื่อสาร โรงไฟฟ้า หุ้น defensive ได้ประโยชน์จาก Bond yield ที่ปรับลดลง ธุรกิจหลักมีการเติบโตสอดคล้องเศรษฐกิจใหม่ ADVANC ,TRUE ,GULF*, GPSC*, BCPG
(3) กลุ่มเกษตรได้ประโยชน์จากราคาสุกรในประเทศที่อยู่ในระดับสูง ขณะที่การส่งออกไก่ไปต่างประเทศยังทำได้ดี CPF, BTG* ,TFG* ,FM* ,GFPT
(4) กลุ่ม China Play คาดความดึงเครียดทางการค้าผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว แม้ยังมีความผันผวนแต่หุ้นที่เกี่ยวข้องมี valuation ที่ปรับตัวลงมาต่ำมากแล้ว น่ากลับไปหาจังหวะเก็งกำไร SCC* ,SCGP* ,PTTGC
(5) กล่มสินค้า IT ได้ประโยชน์จากการเปลี่ยนถ่ายเทคโนโลยี ADVICE* ,COM7* SYNEX*,SIS*
(6) สินค้าจำเป็นและการบริโภคในชีวิตประจำวันที sensitive น้อยต่อกำลังซื้อในประเทศชะลอตัว เช่น CPALL , MALEE*, BJC ,OKJ*, NSL*
**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย
Asset Allocation: Equity 50% Fixed Income 35% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 5%
Today Fundamental Research: -
Monthly Portfolio May 2025: CPALL, TASCO*, TFG*, OKJ*, NSL*
Analysts
Apichai Raomanachai
Fundamental and Technical Investment Analysis ID No. 002939
Tel 02-829-6999 Ext 2200
Email : apichai.ra@kfsec.co.th
Meena Tunlayanitigun
Fundamental and Technical Investment Analysis ID No. 033662
Tel 02-829-6999
Email : meena.tu@kfsec.co.th
Nopporn Chaykaew
Fundamental Analysis ID No. 043964
Tel 02-829-6999 Ext 2203
Email : noppoen.ch@kfsec.co.th
Nattawat Poosunthornsri
Fundamental Analysis ID No. 087077
Tel 02-829-6999 Ext 2204