
สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(9 พฤษภาคม 2568)--- NER ประกาศงบไตรมาส 1 ปี 2568 มีรายได้จากการขายรวม 8,698.02 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,156.17ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 32.96 % มีกำไรสุทธิ 608.84 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 155.22 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 34.22% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ปี 2567 สืบเนื่องจากสถานการณ์ราคายางที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน พร้อมมุ่งขยายตลาดกลุ่มลูกค้ามากขึ้น เพื่อผลักดันยอดขายให้เป็นตามเป้าที่วางไว้
คุณชูวิทย์ จึงธนสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NER ผู้ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่าย ยางแผ่นรมควัน ยางแท่ง ยางผสม และสินค้าปลายน้ำแผ่นยางพาราปูพื้นคุณภาพสูง เพื่อจำหน่ายไปยังผู้ผลิตในอุตสาหกรรมยานยนต์ กลุ่มผู้ค้าคนกลาง ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เปิดเผยถึงภาพรวมผลการดำเนินงานสำหรับไตรมาส 1/2568 สำหรับงวด 3 เดือน สิ้นสุด 31 มีนาคม 2568 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน มีปริมาณขาย 127,090 ตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ10.88 คิดเป็นรายได้จากการขายรวม 8,698.02 เพิ่มขึ้น 2,156.17 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 32.96% แบ่งเป็นรายได้จากการขายในประเทศ 6,077.46 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 69.87% ของยอดขายรวม เพิ่มขึ้น 1,207.90 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 24.81% และรายได้จากการขายต่างประเทศ 2,620.56 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 30.13% ของยอดขายรวมเพิ่มขึ้น 948.27 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 56.71% ส่งผลให้ไตรมาส 1 /2568 มีกำไรสุทธิ 608.84 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 155.22 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 34.22% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ปี2567
โดยรายได้จากการขายเพิ่มสูงขึ้นจากสถานการณ์ราคายางที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนนั้น ราคายางเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 19.90% โดยรายได้ที่เพิ่มขึ้นแบ่งเป็นผลต่างด้านราคาที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น อยู่ที่ 1,443.66 ล้านบาท และแบ่งเป็นผลต่างด้านปริมาณเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 711.74 ล้านบาท นอกจากนี้ในไตรมาส1/2568 ด้านผลกระทบจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนนั้น บริษัทมีการขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนจากการรับชำระหนี้จากลูกหนี้ต่างประเทศที่เกิดขึ้นจริง 13.25 ล้านบาท และมีกำไรที่ยังไม่เกิดขึ้นจากการวัดมูลค่าตราสารอนุพันธ์ที่บริษัทฯซื้อไว้เพื่อลดความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ 27.57 ล้านบาท ซึ่งสุทธิแล้วในภาพรวมบริษัทมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ 14.33 ล้านบาท
คุณชูวิทย์ กล่าว ในส่วนของแผนการลงทุนในโครงการขยายกำลังการผลิตโรงงานยางแท่งเฟสที่ 3 (STR3) บริษัทฯ ยืนยันความพร้อมในการดำเนินโครงการ โดยปัจจุบันได้ดำเนินการปรับพื้นที่แล้ว อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ พิจารณาที่จะชะลอการดำเนินการก่อสร้างออกไปก่อน เพื่อประเมินความชัดเจนของผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากนโยบายภาษี (Reciprocal Tariffs) ของรัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การบริหารของประธานาธิบดีทรัมป์ ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังคงยึดมั่นในนโยบายการขยายกำลังการผลิต เพื่อเพิ่มส่วนแบ่งตลาดในธุรกิจยาง