สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (9 พฤษภาคม )-------บมจ. ดีโอดี ไบโอเทค หรือ “DOD” กลับมาผงาดฟอร์มแกร่ง โชว์ผลงานไตรมาส    1 ปี 2568 กวาดกำไรส่วนของบริษัทใหญ่ 27.20 ล้านบาท เติบโตทะลักกว่า 100 เท่าตัว หลังปรับโครงสร้างกิจการ และควบคุมค่าใช้จ่าย ด้านผู้บริหาร “ต่อลาภ ไชยเชาวน์” ส่งสัญญาณบวก  ฐานะทางการเงินแข็งแกร่ง สภาพคล่องสูง พร้อมแข่งขันในระยะยาว ปูทางรองรับโอกาสใหม่ๆ  หนุนการเติบโตในอนาคตสดใส

นายต่อลาภ ไชยเชาวน์ รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดีโอดี ไบโอเทค จำกัด (มหาชน) หรือ DOD ผู้รับจ้างผลิต ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารภายใต้ตราสินค้าของลูกค้า เปิดเผยว่า ภายหลังจากบริษัทฯมีการปรับโครงสร้างของกิจการมาอย่างต่อเนื่อง โดยการหยุดการดําเนินงานบริษัทย่อยที่มีผลขาดทุน  ส่งผลให้บริษัทฯ มีกําไรจากการดําเนินงาน และกําไรสำหรับงวดการดําเนินงานอย่างต่อเนื่อง รวมถึงกําไรส่วนของ   บริษัทใหญ่เติบโตขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน (YoY) โดยในปัจจุบันบริษัทฯ มีฐานะ   ทางการเงินที่มั่นคง รวมทั้งมีสภาพคล่องที่สูง แสดงถึงความพร้อมและการมีความสามารถในการแข่งขัน   ระยะยาว สะท้อนถึงงบผลการดำเนินงานที่มีการเติบโตอย่างแข็งแกร่งต่อเนื่องในอนาคต

โดยในไตรมาส 1/2568 บริษัทฯ มีกำไรส่วนของบริษัทใหญ่  27.20 ล้านบาท เติบโตมากกว่า 100 เท่าตัว เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) โดยมีกําไรสำหรับงวดการดําเนินงานต่อเนื่อง 17.03 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.54 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการเพิ่มขึ้น 17.53% (YoY) และมีกำไรจากการดำเนินงาน 15.47 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.99  ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการเพิ่มขึ้น 945.27 % (YoY) 

ขณะเดียวกัน จากการปรับโครงสร้างองค์กร ส่งผลให้มีการควบคุมค่าใช้จ่ายในการขายและจัดจําหน่าย ประกอบกับค่าใช้จ่ายในการบริหารที่ลดลง 12.67 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการลดลง 35.61 % ทำให้ผลการดำเนินงานเติบโตอย่างมีนัยสําคัญ  

 “สำหรับความคืบหน้าการติดตามเงินให้กู้แก่บริษัทย่อยทั้งสองแห่งที่ได้หยุดดําเนินงานแล้ว ได้แก่ บริษัท อัลทิมา ไลฟ์ จํากัด มีหนี้คงค้าง 1 ล้านบาท ที่ถูกตัดหนี้สูญแล้ว และอยู่ในกระบวนการล้มละลายตามคำสั่งศาล ขณะที่บริษัท พี ซีซีเอ แล็บบอราเทอรี่ จำกัด ที่มีเงินให้กู้ยืมคงค้าง 112 ล้านบาท ทางบริษัทฯ ได้ตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญไว้บางส่วนแล้ว และบริษัทฯ ได้เรียกคืนเงินจาก บริษัท พี ซีซีเอฯ ผ่านการจำหน่ายสินทรัพย์ถาวรที่แสดงในงบการเงินรวม จำนวน 215 ล้านบาท