Today’s NEWS FEED

News Feed

ธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงในไทยโตต่อเนื่อง 5 ปี (2562 - 2566) ผลกำไรรวมเฉลี่ย 1.2 หมื่นล้านบาท คาด!! การแข่งขันในตลาดจะรุนแรงขึ้น..รับคู่แข่งทางการตลาดที่เพิ่มขึ้น

69

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (9 พฤษภาคม )-------กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เผย ธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงในไทยโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง 5 ปี (2562 – 2566) รายรับรวมเฉลี่ย 3.3 แสนล้านบาท กำไรรวมเฉลี่ย 1.2 หมื่นล้านบาท ปัจจัยสนับสนุน : พฤติกรรมนิยมเลี้ยงสัตว์เสมือนคนในครอบครัว และการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรที่ผู้สูงอายุนิยมเลี้ยงสัตว์เป็นเพื่อน คาด!! การแข่งขันในตลาดที่จะรุนแรงมากขึ้น เนื่องจากคู่แข่งทางการตลาดเข้ามาเพิ่มในตลาดมากขึ้น รวมถึงอาหารสัตว์จากต่างประเทศเข้ามาตีตลาดมากขึ้น เตือนผู้ประกอบการ!! รับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างเต็มศักยภาพ

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า "ปัจจุบันไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของคนในสังคมได้เปลี่ยนแปลงไปจากอดีต โดยหันมาอยู่บ้านและใช้เวลาอยู่กับตัวเองมากขึ้น รวมถึงการพาสัตว์เลี้ยงเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการใช้เวลายามว่างเพื่อแก้เหงา จนสัตว์เลี้ยงกลายเป็นเสมือนคนในครอบครัว ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวส่งผลให้ 'ธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง' เติบโตขึ้นตามไปด้วย โดยการวิเคราะห์ข้อมูลธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงจากคลังข้อมูลธุรกิจของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า (DBD DataWarehouse+) พบว่า 'ธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง' มีอัตราการเติบโตขึ้นในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา (ปี 2566-2567) ทั้งจำนวนการจัดตั้งใหม่และทุนจดทะเบียน โดยข้อมูล ณ วันที่ 30 เมษายน 2568 ประเทศไทยมีธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงจำนวนทั้งสิ้น 3,659 ราย ทุนจดทะเบียนรวม 145,219.38 ล้านบาท โดยปี 2566 มีการจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคลธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง 487 ราย ทุนจดทะเบียน 658.85 ล้านบาท ปี 2567 จัดตั้ง 436 ราย (ลดลง 51 ราย หรือ 10.47%) ทุน 681.71 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 22.86 ล้านบาท หรือ 3.47%) ปี 2568 (มกราคม - เมษายน) จัดตั้ง 124 ราย ทุน 186.10 ล้านบาท

ขณะที่ ปี 2566 มีธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงที่เลิกประกอบธุรกิจจำนวน 96 ราย ทุนจดทะเบียนเลิกประกอบธุรกิจ 521.82 ล้านบาท ปี 2567 เลิกประกอบธุรกิจ 100 ราย (เพิ่มขึ้น 4 ราย หรือ 4.17%) ทุน 159.71 ล้านบาท (ลดลง 362.11 ล้านบาท หรือ 69.40%) ปี 2568 (มกราคม - เมษายน) เลิกประกอบธุรกิจ 18 ราย ทุน 19.11 ล้านบาท

อธิบดีอรมน กล่าวต่อว่า สำหรับผลประกอบการของธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง 5 ปีที่ผ่านมา (2562 - 2566) พบว่าโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยรายได้รวมของธุรกิจเฉลี่ย 5 ปี อยู่ที่ 3.3 แสนล้านบาท แบ่งเป็น ปี 2562 รายได้รวม 238,720.85 ล้านบาท ปี 2563 รายได้รวม 283,771.18 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 45,050.33 ล้านบาท หรือ 18.87%) ปี 2564 รายได้รวม 324,776.20 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 41,005.02 ล้านบาท หรือ 14.45%) ปี 2565 รายได้รวม 390,200.40 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 65,424.20 ล้านบาท หรือ 20.14%) และ ปี 2566 รายได้รวม 401,001.65 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 10,801.25 ล้านบาท หรือ 2.77%)   

ในส่วนของผลประกอบการ 5 ปีที่ผ่านมา (2562 - 2566) มีผลกำไรเฉลี่ย 1.2 หมื่นล้านบาท โดย ปี 2562 กำไร 6,904.18 ล้านบาท ปี 2563 กำไร 10,252.00 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 3,347.82 ล้านบาท หรือ 48.49%) ปี 2564 กำไร 5,609.56 ล้านบาท (ลดลง 4,642.44 ล้านบาท หรือ 45.29%) ปี 2565 กำไร 17,696.88 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 12,087.32 ล้านบาท หรือ 215.48%) และ ปี 2566 กำไร 17,769.31 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 72.43 ล้านบาท หรือ 0.41%)

ธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงแยกตามสถานที่ตั้งนิติบุคคล 5 อันดับแรก ได้แก่ 1) กรุงเทพมหานคร 1,220 ราย ทุน 106,696.24 ล้านบาท 2) นนทบุรี 279 ราย ทุน 2,240.50 ล้านบาท 3) สมุทรปราการ 210 ราย ทุน 9,762.80 ล้านบาท 4) ปทุมธานี 183 ราย ทุน 2,004.36 ล้านบาท และ 5) นครปฐม 139 ราย ทุน 1,558.05 ล้านบาท 6) จังหวัดอื่นๆ 1,628 ราย ทุน 22,957.44 ล้านบาท รวมทั้งสิ้น 3,659 ราย ทุนรวม 145,219.38 ล้านบาท

ทั้งนี้ ทิศทางของธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงยังมีอนาคตที่สดใส และคาดว่าจะมีอัตราการแข่งขันที่สูงมากขึ้น เนื่องจากมีคู่แข่งเข้ามาในตลาดเพิ่มมากขึ้น ในขณะที่จำนวนผู้บริโภคก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน ผู้ประกอบธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงจึงต้องมีการปรับตัวให้สามารถรับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างเต็มศักยภาพ รวมถึงต้องเปิดโลกทัศน์ด้านการประกอบธุรกิจให้กว้างขวางยิ่งขึ้น พร้อมหาพันธมิตรทางธุรกิจเพิ่มเติมและเชื่อมโยงพันธมิตรเข้าด้วยกันอย่างแนบแน่น ซึ่งจะเป็นตัวช่วยให้ธุรกิจเติบโตอย่างมีทิศทางและมีความยั่งยืน นอกจากนี้ ปัจจัยที่ส่งเสริมให้ธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงเติบโตอย่างต่อเนื่อง เป็นผลมาจากสัตว์เลี้ยงได้กลายมาเป็นคอนเทนต์สร้างสีสันในโลกโซเชียล (Petfluencer) สร้างรายได้ให้เจ้าของที่นำเรื่องราวความน่ารักหรือการพาสัตว์เลี้ยงของตนเองไปท่องเที่ยวที่ต่างๆ มาเผยแพร่บนโลกออนไลน์จนเกิดผู้ติดตามและสร้างอิทธิพลทางความคิดจนเกิดการอยากเลี้ยงสัตว์ตามมา อีกทั้ง การซื้อขายของใช้ อาหาร ขนม หรือของเล่นของสัตว์ที่สินค้ามีความหลากหลายให้เลือกซื้อมากขึ้น มีธุรกิจเกิดใหม่จากวัฏจักรชีวิตสัตว์เลี้ยงที่เรารัก เช่น บริการ Health & Wellness สำหรับสัตว์เลี้ยง และธุรกิจรับจัดงานอวมงคลโดยเฉพาะสำหรับสัตว์เลี้ยง ประกอบกับผู้ผลิตได้ปรับตัวในการผลิตสินค้าให้มีความปลอดภัย มีรูปแบบที่ทันสมัย การใช้เทคโนโลยีมาช่วยเลี้ยงดูสัตว์เลี้ยง และเลือกใช้วัสดุจากธรรมชาติที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและสัตว์เลี้ยงมากขึ้น รวมถึง ปัจจุบันสถานที่ท่องเที่ยวอย่างห้างสรรพสินค้า โรงแรม สถานที่ท่องเที่ยวก็ต่างปรับตัวให้เป็น Pet Friendly ลูกค้าสามารถพาสัตว์เลี้ยงมาเที่ยวด้วยกันได้ จึงทำให้เกิดสังคมคนเลี้ยงสัตว์มารวมตัวกัน และยังมีพื้นที่ในการจำหน่ายสินค้าเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง และอาหารสัตว์เลี้ยงที่เพิ่มขึ้นตามไปด้วย" อธิบดีอรมน กล่าวทิ้งท้าย

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

บทความล่าสุด

ประคับประคอง By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ บ่ายวันนี้ ดัชนีตลาดหุ้นไทย คงประคับ ประคอง แกว่งตัวไปมา ท่ามกลาง บริษัทจดทะเบียนไทย...

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้