คาด SET Index แกว่งตัวขึ้น : รับแรงหนุนจากการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน และการเข้าซื้อหุ้น ESG เพื่อรับเม็ดเงินกองทุน TESGX รวมถึงเพื่อเก็งกำไรผลประกอบการ 1Q68 ขณะที่เฟดคงดอกเบี้ย กดดันค่าเงินบาทอ่อนค่าเช้านี้
แนวรับ-ต้าน
1,210 –1,235
กลยุทธ์การลงทุน
1) เก็งงบ 1Q68 : BCH, BDMS, BEM, GFPT,OR, STECON, TRUE, TTW
2) Thai ESGX : ADVANC, AMATA, BBL, GULF, KBANK, KTB, PTT, SCB, TTB, WHA
3) China Play : SCC, SCGP, IVL, PTTGC, IRPC
4) บาทอ่อน/ส่งออก : HANA, KCE, DELTA, TU, CPF, TVO, TFG
5) Selective : BCP, BH, PR9, PT
จีน งบ TESGX ยังมา แม้ว่าเฟดจะคงดอก
หุ้น China Play มาระหว่างรอเจรจาสหรัฐ : มองตลาดหุ้นยังรับ Sentiment บวกจากการประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน ซึ่งมีมาตรการที่น่าสนใจ ได้แก่ การปรับลด RRR ลง 0.5% และ ปรับลด Reverse repo rate จาก 1.5% เหลือ 1.4% พร้อมออกมาตรการสนับสนุนภาคอุตสาหกรรมเทคโนโลยี ภาคการเกษตร และ ยานยนต์ไฟฟ้า มองปัจจัยดังกล่าวเป็นแรงหนุนให้หุ้นที่เกี่ยวข้อง ยังมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อ ขณะที่ความคืบหน้าล่าสุดของการเจรจาระหว่างจีน และ สหรัฐ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ออกมาเผยว่า ตนไม่เร่งรีบในการเจรจาครั้งนี้ พร้อมเสริมว่า สหรัฐสามารถบรรลุข้อตกลงกับประเทศต่างๆได้ แต่ปัจจุบันต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศก่อน และในขณะนี้ประเทศอื่นๆต้องการสหรัฐ มากกว่าที่สหรัฐต้องการประเทศเหล่านั้น ท่าทีดังกล่าว สะท้อนความไม่แน่นอนในผลลัพธ์การเจรจาระหว่างสหรัฐและจีน ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 10-11 พ.ค. 68 จึงมองยังเป็นปัจจัยที่ Overhang ต่อ
เก็งงบ 1Q68 และ TESGX ยังน่าสนใจ : มองปัจจัยเชิงมหภาคในประเทศมีค่อนข้างจำกัด ทำให้ตลาดหันไปให้ความสนใจกับหุ้นที่มีปัจจัยหนุนเฉพาะตัว โดยเน้นเข้าซื้อในหุ้นที่คาดจะประกาศผลประกอบการออกมาดี ขณะที่หุ้นที่มี ESG Score สูงเริ่มมีความน่าสนใจเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากเริ่มเข้าใกล้วันที่ (13 พ.ค.68 ) จะมีการสับเปลี่ยนจากหน่วยลงทุน LTF เดิมไปเป็น TESGX โดยเห็นการปรับตัวขึ้นได้ดีในวานนี้ มองเป็นโอกาส Follow buy รับเม็ดเงินจากกองทุน TESGX
เฟดคงดอกเบี้ย พร้อมย้ำไม่เร่งรีบปรับลดดอกเบี้ย : ที่ประชุม FOMC มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 4.25 - 4.5% โดยประธานเฟดย้ำว่าไม่เร่งรีบในการปรับลดดอกเบี้ย และจะรอจนกว่าแนวโน้มเศรษฐกิจที่รับผลกระทบจากกำแพงภาษีจะมีทิศทางที่ชัดเจนกว่านี้ พร้อมเสริมว่า ความเสี่ยงของอัตราการว่างงาน และอัตราเงินเฟ้อนั้นได้เพิ่มขึ้นแล้ว สิ่งที่ควรทำตอนนี้คือ Wait&See ภาพดังกล่าวผลักดัน Dollar Index ปรับตัวขึ้นใกล้ระดับ 100 จุด กดดันค่าเงินบาทอ่อนค่าสู่ระดับ 32.87 บาทต่อดอลลาร์ในเช้านี้ มองเป็นโอกาสของหุ้นในกลุ่ม อิเล็กฯ และ อาหาร ที่มีสัดส่วนส่งออกสูงรับประโยชน์จากเงินบาทที่อ่อนค่า
ปัจจัยเพิ่มเติม
(-) กกร. ปรับลดคาดการณ์ GDP ปี 68 ลงเหลือ 2-2.2% จากเดิมที่ 2.4-2.9% หลังเศรษฐกิจรับผลกระทบจากสงครามการค้า โดยหากประเมินภายใต้สถานการณ์ที่สินค้าไทยถูกเรียกภาษีศุลกากรตอบโต้ที่อัตรา 10% ในช่วงไตรมาส 2/68 จะพบว่ามูลค่าการส่งออกไทยปี 68 จะเหลือโตเพียง 0.3-0.9% จากเดิมคาดขยายตัว 1.5-2.5% และ มองเงินเฟ้อจะอย่ในกรอบ 0.5-1.0%
(-) ก.พลังงาน ประกาศขึ้นภาษีสรรพสามิตลงประกาศในราชกิจจานุเบกษา สำหรับน้ำมันเบนซิน และ ดีเซล หลังมอง ราคาน้ำมันในตลาดโลกมีแนวโน้มปรับตัวลง จึงเห็นควรเพิ่มอัตราภาษีเพื่อให้รัฐมีรายได้ มองเป็นลบต่อธุรกิจค้าปลีกน้ำมัน
(+) บอร์ด PPP เห็นชอบโครงการท่าเทียบเรือบี 1 และบี 2 ณ ท่าเรือแหลมฉบัง มูลค่าโครงการกว่า 12,800 ล้านบาท เพิ่มศักยภาพในการแข่งขันของท่าเรือพัฒนาการขนส่งทางทะเลของประเทศ
ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน
ธีรดา ชาญยิ่งยงค์ -นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์ และทางเทคนิค #9501
ชุติกาญจน์ สันติเมธวิรุฬ, CISA นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน และทางเทคนิค #37928
ภัทรดนัย จตุรพร นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน #094041
พศุตม์ โงวิวัฒน์ชัย, CISA นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน #127632
ฐนพงษ์ แซ่โล้ ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
ชนพัฒน์ สุวิยานนท์ ผู้ช่วยนักวิเคราะห์