ภาวะตลาด : SET Index วานนี้ปรับขึ้นแรง +32.41 จุด ปิดที่ 1220.27 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดของวัน นำโดยหุ้นใหญ่ เช่น DELTA, GULF, AOT, PTTEP, PTT, ADVANC, CPALL, KTB, PTTGC เป็นต้น โดยเป็นการซื้อหุ้น Big cap ที่มี SET ESG Ratings สูง และหุ้นที่มีผลประกอบการแข็งแกร่ง รวมถึงหุ้นกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีที่ได้ Sentiment บวกจากการธ.กลางจีนกระตุ้นศก.ด้วยการผ่อนคลายนโยบายการเงิน สถาบันในปท.ซื้อสุทธิ +2.4 พันลบ. ต่างชาติซื้อสุทธิ +4.5 พันลบ.
ปัจจัยต่างประเทศ
+ จีน : เดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจ วานนี้ PBOC ประกาศลดอัตราการกันสำรอง (RRR) สำหรับธ.พ.ลง 0.50% (ลดครั้งแรกในปี 25) ทำให้มีสภาพคล่องเข้าระบบการเงินราว 1 ล้านล้านหยวน และประกาศว่าจะลดอัตราดอกเบี้ยซื้อคืนระยะ 7 วันลง 0.10% เป็น 1.4% ทำให้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดี (LPR) ลดลง 0.10% รวมทั้งจัดตั้งโครงการปล่อยสินเชื่อใหม่สนับสนุนธุรกิจนวัตกรรม & เทคโนโลยี ธุรกิจอุปโภคบริโภคและการดูแลผู้สูงอายุ ภาคการเกษตรและธุรกิจขนาดเล็ก
+ สหรัฐ-จีน เตรียมเจรจาการค้าในสุดสัปดาห์นี้ & ทรัมป์ มีแผนยกเลิกการควบคุมส่งออก AI สก็อตต์ เบสเซนต์ รมว.คลังสหรัฐเปิดเผยเมื่อ 7 พ.ค.ว่าสหรัฐและจีนเตรียมเจรจาระดับสูงในช่วงสุดสัปดาห์นี้ที่สวิตเซอร์แลนด์ เพื่อคลายความตึงเครียดทางการค้า
•/- เฟดคงดอกเบี้ยไว้ที่ 4.25-4.50% ตามคาด แต่ก็เสี่ยงเกิดภาวะ Stagflation มากขึ้น (เงินเฟ้อสูงขณะศก.ถดถอย) ด้านปธ.เฟดระบุความไม่แน่นอนกระทบค.เชื่อมั่นปชช.และภาคธุรกิจ แต่ศก.สหรัฐขณะนี้ยังแข็งแกร่ง การลดดอกเบี้ยยังมีความเป็นไปได้ แต่ต้องรอดูข้อมูลจนกว่าจะเห็นแนวโน้มศก.ที่ชัดเจนขึ้น
•/- ตลาดหุ้นสหรัฐผันผวนแต่ปิดบวก จากแรงซื้อหุ้นชิปท้ายตลาด ราคาน้ำมัน WTI & BRENT ลดลง -1.7% เป็น 58-61 US$/bbl สต๊อกน้ำมันเบนซินสหรัฐสูงเกินคาด ด้านสัญญาทองคำ COMEX ลดลง -30.90 ดอลลาร์ เป็น 3391.90 US$/ออนซ์ ดัชนีค่าเงิน US$ แข็งขึ้นเป็น 99.79 เงินบาทอ่อนเป็น 32.84 บาท/ดอลลาร์ ดัชนีราคาถ่านหิน (NC) ทรงที่ 98.75 (สูงสุด 149) ดัชนี Baltic Dry Index อ่อนเป็น 1374 (จาก 1421 ใน 2 วันก่อน; สูงสุดอยู่ที่ 1669)
- ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์รุนแรงขึ้น ทั้งจากเหตุการณ์ความไม่สงบระหว่างอินเดียและปากีสถาน และเกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธพิสัยใกล้หลายลูกลงทะเลญี่ปุ่น
ปัจจัยในประเทศ & ข่าวหุ้นเด่น
•/+ ก.ท่องเที่ยวกำลังพิจารณามาตรการกระตุ้นท่องเที่ยวในประเทศและเร่งออกแคมเปญกระตุ้นนทท.จีนเป็นรายมณฑล โดยในส่วนของเที่ยวไทยคนละครึ่งคาดว่าจะใช้ในช่วงก.ค.-ก.ย.25 ในเบื้องต้นให้คนละ 10 สิทธิ แบ่งเป็นสิทธิเที่ยวเมืองหลัก/เมืองรอง เที่ยวเมืองหลักรัฐอุดหนุน 40% เที่ยวเมืองรองอุดหนุน 50% และต้องจองห้องพักผ่านโรงแรมโดยตรง...คาดหุ้นที่ได้อานิสงค์มากเป็น CPALL, ERW, OR
+/- หุ้นกลุ่มโรงกลั่น...ขึ้นมาขายก่อน : ค่าการกลั่นเดือนพ.ค.เริ่มดีขึ้น ทำให้ค่าการกลั่นงวด 2Q25 มีโอกาสทรงตัว-เพิ่มขึ้น QoQ แต่บางส่วนถูกชดเชยด้วยค่าพรีเมียมน้ำมันดิบจากตะวันออกกลางที่สูงขึ้น ราคาน้ำมันดิบที่ลดลงมาทำให้จะมีขาดทุนสต๊อกก้อนใหญ่ใน 2Q25 และจะกดดันผลประกอบการ 2Q25 ให้อ่อนแอลงมาก ในเชิงกลยุทธ์ มีหุ้นอยู่ หาจังหวะขายในจังหวะราคาปรับขึ้นแล้วคอ่ ยกลับเข้าซื้อใหม่เมื่อราคาอ่อนตัว
+ หุ้นที่คาดว่ากองทุน TESGX จะให้ความสนใจ ได้แก่ ADVANC (SET ESG Ratings: AAA), BEM (AAA), CPALL (AAA), CPN (AAA), GULF (AAA), KTB (AAA), KBANK (AAA), PTT (AAA), SCC (AAA), AOT (A), DELTA (A), BDMS (A) เป็นต้น
กลุยทธ์ :
กลยุทธ์หลักเป็นการถือครองหุ้น Defensive & Domestic Play และหุ้น Big Cap ที่กองทุน TESGX จะให้ความสนใจ ซึ่งหุ้น Top Picks ของเดือนพ.ค.เป็น ADVANC, BDMS, BJC, CPALL และ KTB เก็งกำไรรอบสั้น ระวังการแกว่งตัว แนวรับดัชนี 1210-1200, 1185-1180 การปรับขึ้นมีแนวต้าน 1220, 1230-1235
หุ้นพื้นฐานแนะนำ :
GULF – ลุ้นกำไร 1Q25 ทำสถิติสูงสุดใหม่ หนุนโดยการรับรู้รายได้โรงไฟฟ้า GPD ยูนิต 3-4 (ที่ COD ไปเมื่อมี.ค.และต.ค.24), โรงไฟฟ้า HKP ยูนิต 2 และโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 5 แห่ง และรับรู้ผลขาดทุนจากโครงการ Jackson น้อยลง แนวโน้มยังไปได้ดี ทั้งจากการ COD โรงไฟฟ้าใหม่ มีส่วนแบ่งกำไรจาก ADVANC เพิ่มขึ้น (จากการถือหุ้นเพิ่มจาก 20% เป็น 40%) และมีธุรกิจดาต้า เซ็นเตอร์เข้ามาเสริม นักวิเคราะห์ใน IAA consensus ให้ราคาเป้าหมาย
เฉลี่ยไว้ที่ 60.96 บาท
นักวิเคราะห์&กลยุทธ์: อาภาภรณ์ แสวงพรรค : arparporns@dbs.com : Tel 02 587 7829