สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(7 พฤษภาคม 2568)------บริษัท ไทยน้ำทิพย์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ผู้ประกอบธุรกิจจัดเตรียม บรรจุ จัดจำหน่าย และจำหน่ายเครื่องดื่มตามสัญญากับ The Coca-Cola Company และ Schweppes Holdings Limited ในพื้นที่ 63 จังหวัดจาก 77 จังหวัดในประเทศไทย และในประเทศลาวผ่านการถือหุ้นทางตรงและทางอ้อมใน Lao Coca-Cola Bottling Co., Ltd. ("LCCB") ในสัดส่วนร้อยละ 100.00 ของทุนจดทะเบียนทั้งหมด รวมทั้งการลงทุนในบริษัทซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับอนุญาตให้จัดจำหน่ายเครื่องดื่มและประกอบธุรกิจตามสัญญากับ The Coca-ColaCompany และ Schweppes Holdings Limited ในประประเทศกัมพูชาในสัดส่วนร้อยละ 30.00 ของทุนจดทะเบียนทั้งหมด ได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และร่างหนังสือชี้ชวนต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO)จำนวนหุ้นที่เสนอขาย 612,451,687 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 10.00 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯในครั้งนี้ โดยจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (SET)
สำหรับวัตถุประสงค์การใช้เงิน IPO 1.ใช้ในการลงทุนเพื่อพัฒนาและขยายธุรกิจของบริษัทฯ และ2.ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนทั่วไปสำหรับการดำเนินงานของบองบริ
ษัทฯ
ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567 บริษัทฯ มีโรงงานผลิตเครื่องดื่มจำนวน 5 แห่งในพื้นที่ที่ได้รับอนุญาตให้จัดจำหน่ายเครื่องดื่มในประเทศไทย โดยมีสายการผลิต 22 สาย ซึ่งมีกำลังการผลิตรวมสูงสุดประมาณ 564ล้านยูมิตเคสต่อปี และมีใครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่งในพื้นที่ที่ได้รับอนุญาตให้จัดจำหน่ายเครื่องดื่มมากกว่า 50 แห่งซึ่งประกอบด้วยคลังสินค้า ศูนย์กระจายสินค้าหลายประเภท และรถชนส่งสินค้าที่มีเทคโนโลยีเทเลเมติกส์ (Telematics) และกล้องปัญญาประดิษธ์ (AI) ที่ทันสมัยและยานพาหนะจำนวนรวมกันมากกว่า 1,500 ค้น สำหรับการประกอบธุรกิจในประเทศไทย นอกจากนี้ สำหรับในประเทศลาว ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567 โครงสร้างห่วงโซ่อุปทานของ LCCB ประกอบด้วยโรงงานผลิตเครื่องดื่มจำนวน 1 แห่ง พร้อมทั้งมีคลังสินค้าและรถขนส่งสินค้าในจำนวนที่เพียงพอสำหรับการประกอบธุรกิจในประเทศลาว
สำหรับผลประกอบการทางการเงิน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2565 2566 และ 2567 บริษัทฯ มีรายได้รวมจำนวน 35,989.2 ล้านบาท 39,295.0 ล้านบาท และ 41,314.2 ล้านบาท ตามลำดับ และมีอัตรากำไรสุทธิร้อยละ 8.6 ร้อยละ 8.6และร้อยละ 10.6 ตามลำดับ