MINT : ผลประกอบการคาดจะเท่าทุนใน 1Q
กำไรใน 1Q กลับมาเป็นบวกเล็กน้อย
เราเชื่อว่า MINT จะกลับมาเท่าทุนในการดำเนินงานใน 1Q25 ซึ่งถือเป็น 1Q แรกที่มีกำไรนับตั้งแต่เกิดการระบาดใหญ่ การปรับปรุงกำไรยังคงพึ่งพาผลการดำเนินงานของกลุ่มโรงแรมและอาหาร คาดว่าประสิทธิภาพด้านต้นทุนจะเติบโตเร็วกว่ารายได้ ส่งผลให้กำไรหลักปรับตัวดีขึ้น 400 ล้านบาท โดยเฉพาะอย่างยิ่ง MINT ได้ขายอสังหาริมทรัพย์สองแห่งในโปรตุเกส โดยบันทึกกำไรจากการขายสินทรัพย์เหล่านี้ (กำไรนี้ไม่ได้รวมในการประมาณการกำไรของเรา) เราประมาณการกำไรหลักใน 1Q ที่ 63 ล้านบาท (เทียบกับขาดทุน 352 ล้านบาทใน 1Q24 และกำไร 2.87 พันล้านบาทใน 4Q24)
สำหรับธุรกิจโรงแรม เราคาดการณ์การเติบโตของ RevPAR โดยรวมที่ 2-3% ในแง่ของเงินบาท การเติบโตของ RevPAR ในไตรมาสนี้ได้รับผลกระทบอย่างมากจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนที่ไม่เอื้ออำนวย ประเทศไทยควรรายงานผลการดำเนินงานที่ดีที่สุดด้วยการเติบโตของ RevPAR 12% สะท้อนถึงความต้องการที่แข็งแกร่งในต่างจังหวัด คาดว่าภูมิภาค EU & LATAM จะรายงานการเติบโตของ RevPAR ที่ทรงตัวในแง่ของเงินบาท แต่เติบโต 8% ในแง่ของเงินยูโร ตลาดธุรกิจภายในประเทศที่อ่อนแอและค่าเงิน AUD ที่อ่อนตัวลงควรส่งผลให้ RevPAR ของ MLR ลดลง 12%
สำหรับธุรกิจอาหาร อัตราการเติบโตของรายได้เฉลี่ยต่อสาขาของสาขาหน้าร้านทั้งหมด (TSSG) ควรยังคงทรงตัว เราคาดว่าจะเห็นการลดลงของ SSSG 4% ซึ่งจะถูกชดเชยด้วยการเพิ่มขึ้นของจำนวนร้านค้า แยกตามภูมิภาค ประเทศไทยควรเห็น SSSG ที่ทรงตัว เนื่องจากผลการดำเนินงานหลักที่แข็งแกร่งขึ้นของ The Pizza Company, Burger King, Bonchon และ Sizzler ถูกฉุดลงโดยแบรนด์ไอศกรีมเนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นยาวนานขึ้นใน 1Q ออสเตรเลียและจีนยังคงอ่อนแอ โดย SSSG ลดลงเป็นตัวเลขระดับ low-single digits และ mid-single digits ตามลำดับ
เราคาดการณ์ EBITDA margin ที่ 21.7% สำหรับ 1Q ปรับตัวดีขึ้น +30bps YoY เนื่องจากประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นทั้งในด้านต้นทุนขายและค่าใช้จ่าย SG&A เรามีมุมมองที่เป็นบวกต่อการลดหนี้ของ MINT ซึ่งควรช่วยลดค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยในปี 2025
ผลการดำเนินงานในเดือนเมษายนเห็นแรงขับเคลื่อนที่ช้าลงเมื่อเทียบกับ 1Q เนื่องจากความไม่ตรงกันของเทศกาลอีสเตอร์และแผ่นดินไหวในประเทศไทย เราเชื่อว่าแรงขับเคลื่อนของรายได้ควรกลับมาตั้งแต่เดือนพฤษภาคมเป็นต้นไป ทั้งนี้ เราคงคำแนะนำ “ซื้อ” สำหรับ MINT โดยมูลค่าที่เหมาะสมเท่ากับ 43.00 บาท