สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(2 พฤษภาคม 2568)----------บริษัท อีสต์โคสท์เฟอร์นิเทค จำกัด (มหาชน) ECF เปิดเผยว่า มติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 9/2568(“ที่ประชุม”) เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2568 เกี่ยวกับการลดทุนจดทะเบียนโดยการตัดหุ้นสามัญที่ยังไม่ได้ออกจำหน่ายการเปลี่ยนแปลงมูลค่าที่ตราไว้ของหุ้น การเพิ่มทุนจดทะเบียน และจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุน ดังต่อไปนี้
1. การลดทุน การเปลี่ยนแปลงมูลค่าที่ตราไว้ของหุ้น การเพิ่มทุนจดทะเบียน
1.1 การลดทุนจดทะเบียน
ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติให้นำเสนอต่อที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 2/2568 เพื่อพิจารณาอนุมัติการลดทุนจดทะเบียนของบริษัทฯ จำนวน 65,000,005.25 บาท จากทุนจดทะเบียนเดิมจำนวน 434,812,100.25 บาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญ จำนวน 1,739,248,401 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.25 บาท เป็นทุนจดทะเบียนใหม่จำนวน 369,812,095 บาทแบ่งออกเป็นหุ้นสามัญ จำนวน 1,479,248,380 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.25 บาท โดยการตัดหุ้นสามัญที่ยังไม่ได้ออกจำหน่ายจำนวน 260,000,021 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.25 บาท ซึ่งเป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่จัดสรรไว้เพื่อรองรับ ดังนี้
(1) เพื่อออกและเสนอขายให้แก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement) ตามมติที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2568ประชุมเมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2568 (“EGM 1/2568”) จำนวน 260,000,008 หุ้น
(2) เพื่อรองรับการใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัทฯ ครั้งที่ 5 (ECF-W5) ตามมติที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2567 ประชุมเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2567 (“EGM 1/2567”) จำนวน 13 หุ้น
1.2 การเปลี่ยนแปลงมูลค่าที่ตราไว้ของหุ้น
ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติให้นำเสนอต่อที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 2/2568 เพื่อพิจารณาอนุมัติการเปลี่ยนแปลงมูลค่าที่ตราไว้ของหุ้นของบริษัทฯโดยการรวมหุ้น จากเดิมที่มีมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ0.25 บาท เป็นมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ5.00 บาท ซึ่งส่งผลให้จำนวนหุ้นของบริษัทฯ ลดลงจำนวน 1,405,285,961 หุ้น จากเดิมจำนวน 1,479,248,380 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.25 บาท เป็นจ านวน 73,962,419 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 5.00 บาท ซึ่งการเปลี่ยนแปลงมูลค่าที่ตราไว้ของหุ้นของบริษัทฯดังกล่าวจะเป็นผลให้จำนวนหุ้นที่ผู้ถือหุ้นแต่ละรายถืออยู่ลดลงในอัตราส่วน 20 หุ้นสามัญเดิม ต่อ 1 หุ้นสามัญใหม่
1.3 การเพิ่มทุนจดทะเบียน
ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติให้น าเสนอต่อที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 2/2568 เพื่อพิจารณาอนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทฯ จำ นวน 6,996,539,480 บาท จากทุนจดทะเบียนเดิมจำนวน 369,812,095 บาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญ จำนวน 73,962,419 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 5.00 บาท เป็นทุนจดทะเบียนใหม่จ านวน 7,366,351,575บาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญ จ านวน 1,473,270,315 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 5.00 บาท โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 1,399,307,896 หุ้น (จ านวนหุ้นเพิ่มทุนดังกล่าวคำนวณจากจำนวนหุ้นภายหลังการเปลี่ยนแปลงมูลค่าที่ตราไว้โดยการรวมหุ้นแล้ว) มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 5.00 บาท โดยมีรายละเอียดดังนี้
(1) เพื่อรองรับการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนเพื่อเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น (Right Offering)จำนวนไม่เกิน 999,505,640 หุ้น (จำ นวนหุ้นเพิ่มทุนดังกล่าวคำนวณจากจำนวนหุ้นภายหลังการเปลี่ยนแปลงมูลค่าที่ตราไว้โดยการรวมหุ้นแล้ว)
(2) เพื่อรองรับการใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัทฯ ครั้งที่ 6 (ECF-W6) ที่จะออกและจัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมที่จองซื้อและได้รับการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุน จำนวนไม่เกิน 399,802,256 หุ้น (จำนวนหุ้นเพิ่มทุนดังกล่าวคำนวณจากจำนวนหุ้นภายหลังการเปลี่ยนแปลงมูลค่าที่ตราไว้โดยการรวมหุ้นแล้ว)โดยเป็นการเพิ่มทุนในลักษณะดังนี้
ในการออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทฯ ในครั้งนี้ จะเป็นการเสนอขายหุ้นสามัญตามสัดส่วนจำนวนหุ้นที่แต่ละรายถืออยู่ โดยในกรณีที่มีเศษของหุ้นจากการคำนวณ ให้ปัดเศษของหุ้นดังกล่าวทิ้ง และผู้ถือหุ้นเดิมมีสิทธิจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนเกินกว่าสิทธิของตนได้ (Oversubscription) โดยที่ผู้ถือหุ้นเดิมที่จองซื้อเกินกว่าสิทธิจะได้รับการจัดสรรหุ้นที่จองซื้อเกินกว่าสิทธิก็ต่อเมื่อมีหุ้นเหลือจากการจัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทฯ ที่ได้จองซื้อตามสิทธิครบถ้วนทั้งหมดแล้วเท่านั้น
ทั้งนี้ ในกรณีที่มีหุ้นสามัญเพิ่มทุนเหลือจากการจัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมในรอบแรก บริษัทฯ จะจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เหลืออยู่ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมที่ประสงค์จะจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนเกินสัดส่วนการถือหุ้นของตนในราคาเดียวกันกับหุ้นที่ได้รับจัดสรรตามสิทธิโดยในการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนดังกล่าว บริษัทฯ จะดำเนินการจัดสรรหุ้นที่เหลือจนกระทั่งไม่มีหุ้นสามัญเพิ่มทุนเหลือจากการจัดสรรอีก หรือจนกว่าจะไม่มีผู้ถือหุ้นรายใดประสงค์ที่จะจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนดังกล่าวอีกต่อไป หรือไม่สามารถจัดสรรได้เนื่องจากเป็นเศษหุ้น โดยมีรายละเอียดดังนี้
(1) ในกรณีที่หุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เหลือจากการจัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม (ตามสัดส่วนการถือหุ้น) ในรอบแรกมีจำนวนมากกว่า หรือเท่ากับจำนวนหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่ผู้ถือหุ้นเดิมจองซื้อเกินกว่าสิทธิ บริษัทฯ จะจัดสรรหุ้นที่เหลือดังกล่าวให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมที่จองซื้อเกินกว่าสิทธิและช าระค่าหุ้นครบถ้วนแล้วทุกรายตามจำนวนที่แสดงความจำนงจองซื้อเกินกว่าสิทธิ
(2) ในกรณีที่หุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เหลือจากการจัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม (ตามสัดส่วนการถือหุ้น) ในรอบแรกมีจำนวนน้อยกว่าจำนวนหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่ผู้ถือหุ้นเดิมจองซื้อเกินกว่าสิทธิ บริษัทฯ จะจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เหลือดังกล่าว
ในกรณีที่หุ้นสามัญเพิ่มทุนทั้งหมดที่บริษัทออกและเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น ) Right Offering (มีผู้จองซื้อเต็มจำนวน และมีการใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญ ECF-W6 เพื่อจัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทที่จองซื้อและได้รับจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่ออกและเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น ) RightOffering (เต็มจำนวน บริษัทจะสามารถระดมทุนได้เป็นจำนวนเงินประมาณ 230 ล้านบาท ทั้งนี้ บริษัทมีวัตถุประสงค์และแผนการใช้เงิน ดังนี้
1. เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการและเพิ่มสภาพคล่องทางการเงินให้แก่บริษัท ประมาณ 130 ล้านบาท ภายในปี 2568
2. เพื่อชำระคืนหนี้ต่าง ๆ ของกิจการ ประมาณ 100 ล้านบาท ภายในปี 2568
บริษัทคาดว่าจะนำเงินที่ได้รับไปใช้ภายในปี 2568 นับจากได้รับอนุมัติจากมติที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 2/2568
อย่างไรก็ตามจำนวนเงินที่จัดสรรและระยะเวลาที่จัดสรรสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์ของการดำเนินงานและความเหมาะสม
การเพิ่มทุนครั้งนี้จะช่วยเสริมสภาพคล่องในการดำเนินธุรกิจและเป็นเงินทุนหมุนเวียนในบริษัท บริษัทจะมีสภาพคล่องมากขึ้นจากเงินทุนหมุนเวียนที่ได้รับจากเงินเพิ่มทุน และมีเงินเพียงพอในการดำเนินธุรกิจของบริษัท
และช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งและเสถียรภาพของฐานะทางการเงินของบริษัท ซึ่งจะช่วยให้บริษัทสามารถสร้างฐานรายได้ที่มั่นคงและยั่งยืนทั้งในระยะสั้นและระยะยาว