B.Grimm Power (BGRIM TB)
คาดกำไรไตรมาส 1/68 เติบโต
คงคำแนะนำ “ซื้อ” พร้อมปรับราคาเป้าหมายใหม่ที่ 19 บาท
เราคงคำแนะนำ “ซื้อ” สำหรับหุ้น BGRIM พร้อมปรับลดราคาเป้าหมายเป็น 19 บาท จากเดิม 20 บาท โดยมองว่าเป็นโอกาสในการลงทุนหลังราคาหุ้นปรับตัวลดลงกว่า 40% ตั้งแต่ต้นปี ปัจจุบันหุ้นซื้อขายที่ระดับมูลค่าที่น่าสนใจในระยะยาวที่ P/E ปี 70 ที่ 21.1 เท่า และปี 71 ที่ 9.4 เท่า หรือต่ำกว่า P/E เฉลี่ยช่วงปี 60-64 ที่ 19.8 เท่าอยู่ -2SD เราคาดว่า BGRIM จะมีอัตราการเติบโตของกำไรต่อหุ้น (EPS CAGR) ปี 68-71 ที่แข็งแกร่งถึง 55% จากการทยอยเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ของโครงการในประเทศเกาหลีใต้ทั้งหมด การปรับลดราคาเป้าหมายครั้งนี้มาจากการปรับประมาณการเล็กน้อย โดยลดลง 5% จาก 20 บาท เหลือ 19 บาท ปัจจัยบวกสำคัญคือการ COD ของโครงการพลังงานลมแห่งแรกในเกาหลีใต้ภายในปีนี้ ความเสี่ยงหลักคือความล่าช้าในการพัฒนาโครงการ
คาดกำไรหลักไตรมาส 1/68 เติบโต 8% YoY และ 62% QoQ
BGRIM มีกำหนดประกาศผลประกอบการไตรมาส 1/68 ในวันที่ 14 พฤษภาคม เราคาดว่าบริษัทจะมีกำไรสุทธิ 611 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 61% YoY แต่ลดลง 22% QoQ หากไม่รวมรายการพิเศษ คาดว่ากำไรหลักอยู่ที่ 535 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% YoY และ 62% QoQ การเติบโต YoY หลักๆ มาจากการเพิ่มขึ้นของ Spark Spread โดยคาดว่าราคาก๊าซธรรมชาติลดลง 2% ขณะที่ค่าไฟฟ้ายังคงทรงตัว YoY สำหรับการเติบโต QoQ มาจาก 1) SG&A ลดลง 25% และ 2) ผลประกอบการที่ดีขึ้นจากบริษัทร่วมและบริษัทร่วมทุน ซึ่งคาดว่าจะมีส่วนแบ่งกำไร 165 ล้านบาท เทียบกับขาดทุน 206 ล้านบาทในไตรมาส 4/67
ปรับลดประมาณการกำไรปี 68
เราปรับลดประมาณการกำไรปี 68 และ 69 ลง 2% และ 1% ตามลำดับ หลังปรับประมาณการให้สอดคล้องกับผลประกอบการปี 67 และประมาณการไตรมาส 1/68 ทั้งนี้ เรายังคงสมมติฐานหลักเดิมไว้ โดยเฉพาะสมมติฐานค่าไฟฟ้าเฉลี่ยในปี 68 ที่ 4.04 บาทต่อหน่วย ซึ่งสอดคล้องกับประกาศของ ERC ล่าสุดที่กำหนดค่าไฟฟ้าสำหรับช่วง พ.ค.-ส.ค. 68 ที่ 3.98 บาท เรายังคงสมมติฐานราคาก๊าซ SPP เฉลี่ยปี 68 ที่ 320 บาท/MMBTU เนื่องจากเห็นแนวโน้มราคาก๊าซ LNG ลดลงตั้งแต่เมษายน 68
แนวโน้มอ่อนแอในไตรมาส 2/68
เมื่อวันที่ 30 เมษายน คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (ERC) ได้ประกาศค่าไฟฟ้าภายในประเทศสำหรับช่วงเดือนพฤษภาคม-สิงหาคม 68 อยู่ที่ 3.98 บาทต่อหน่วย ส่งผลให้ค่าไฟฟ้าเฉลี่ยในไตรมาส 2/68 จะอยู่ที่ 4.04 บาท ลดลง 3% เมื่อเทียบทั้ง YoY และ QoQ เราคาดว่าผลกระทบจากค่าไฟฟ้าที่ลดลงน่าจะมากกว่าผลบวกจากราคาก๊าซ SPP ที่ลดลง ส่งผลให้คาดว่ากำไรในไตรมาส 2/68 จะอ่อนตัวลงทั้งเมื่อเทียบกับปีก่อนและไตรมาสก่อน ทั้งนี้ในไตรมาส 2/67 มีราคาก๊าซ SPP ที่ต่ำผิดปกติจากมาตรการราคากลางย้อนหลัง
Natchaphon Rodjanarowan
natchaphon.rodjanarowan@maybank.com
(66) 2658 5000 ext 1393