Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.คิงส์ฟอร์ด : บทวิเคราะห์ภาวะตลาดหุ้นรายวัน

231

Market Wrap-Up

  • SET วันที่ 24 เม.ย.68 ปิด -6.91 จุด อยู่ที่ 1,146.86 จุด มูลค่าการซื้อขาย 40,628 ลบ.สถาบันซื้อ 257 ลบ. รายย่อยซื้อ 1,975 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 139 ลบ. และต่างชาติขาย 2,093 ลบ. NVDR มียอดขายสุทธิ 987 ลบ.โดยมียอดซื้อในหุ้น KBANK,BBL,SCB,BDMS,PTTGC และยอดขายหุ้น DELTA,PTTEP,KTB,AOT,TISCO มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 2,346 ลบ.หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ SCC,BH,KTB โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Long ใน Index Futures จำนวน 3,398 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Long สุทธิรวม 51,257 สัญญา และต่างชาติขายสุทธิในตลาดพันธบัตรไทย 3,230 ลบ.
  • ตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA +1.23%, S&P500 +2.03%, Nasdaq +2.74% ได้แรงหนุนจากกลุ่มเทคโนโลยี +3.54%, บริการสื่อสาร +2.31% หลัง ปธน.ทรัมป์ส่งสัญญาณคลี่คลายข้อพิพาทการค้าสหรัฐ – จีน หลังสหรัฐเรียกภาษีศุลกากรสินค้าจีนที่อัตรา 145% คาดจะมีการปรับลดลง ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 +0.36% ได้แรงหนุนจากกลุ่มรถยนต์ & ชิ้นส่วน +1.9%, ทรัพยากรพื้นฐาน +1% ปรับขึ้นตามราคาทองแดง ขณะที่กลุ่มธนาคาร -1% หลัง BNP Paribas -2.1% และโทรคมานาคม -0.8% นำโดย Nokia -9.4% หลังกำไร Q1/68 ต่ำกว่าเป้าหมาย        

Market View

  • ตลาดหุ้นสหรัฐวานนี้ปรับขึ้น นำโดยกลุ่มเทคโนโลยีจากการปรับขึ้นของหุ้นกลุ่ม Magnificent 7 หลัง ปธน.ทรัมป์ และ รมว.คลังสหรัฐ สก็อตต์ เบสเซนต์ ให้ความเห็นต่อข้อขัดแย้งทางการค้าสหรัฐ – จีน จะคลี่คลายในไม่ช้า โดยมีโอกาสปรับลดการเก็บภาษีศุลกากรสินค้าลงจากอัตรา 145% ลงไปที่ 50 - 65 % และสหรัฐไม่ต้องการ Decoupling ออกจากห่วงโซ่การผลิตของจีน ขณะที่โฆษก ก.พาณิชย์จีนเผยยังไม่มีการเจรจาของทั้ง 2 ฝ่าย โดยตลาดหุ้นสหรัฐยังได้แรงหนุนจากกำไร บจ. Q1/68 ซึ่ง LSEG เผย 157 แห่งที่ส่งงบแล้ว สัดส่วน 74% มีกำไรดีกว่าคาด ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจวานนี้จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์เพิ่มขึ้น 6,000 อยู่ที่ 220,000 รายตามคาดการณ์ ค่ำวันนี้ ม.มิชิแกนจะรายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐ เม.ย.คาด 50.8 & มี.ค.57.0
  • ตลาดหุ้นยุโรปวานนี้ได้แรงหนุนจากกลุ่มยานยนต์ +1.9%, กลุ่มทรัพยากรพื้นฐาน +1.0% ปรับขึ้นตามราคาทองแดง & โลหะพื้นฐาน หลังภาวะสงครามการค้าสหรัฐ – จีนมีแนวโน้มปรับดีขึ้น ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจวานนี้ IFO เผยความเชื่อมั่นภาคธุรกิจเยอรมัน เม.ย.ปรับขึ้นอยู่ที่ 86.9 & คาด 85.1 & มี.ค. 86.7   
  • ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ ดัชนีนิเกอิ +0.49% หลังความขัดแย้งทางการค้าสหรัฐ – จีนมีแนวโน้มดีขึ้น กอปรสหรัฐอาจปรับลดการเก็บภาษีชิ้นส่วนรถยนต์ที่อัตรา 25% ในวันที่ โดยนักลงทุนรอผลการเจรจาการค้าสหรัฐ – เกาหลีใต้ในวันนี้ 3 พ.ค. ส่งผลบวกต่อผู้ผลิตรถยนต์ญี่ปุ่น เช่น Toyota ส่วนดัชนี Kospi เกาหลีใต้วานนี้ -3.23 จุด หลังรายงาน GDP เกาหลีใต้ Q1/68 -0.2% QoQ, -0.1% YoY จากปัญหาการเมืองในประเทศ ซึ่งส่งผลลบไปยังความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในประเทศ และยังรอผลการเจรจาการค้าระหว่างผู้แทนการค้าของสหรัฐ – เกาหลีใต้
  • SET วานนี้ -0.60% ปริมาณการซื้อขาย 4.0 หมื่น ลบ. สถาบันซื้อ 257 ลบ. รายย่อยซื้อ 1,975 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 139 ลบ. และต่างชาติขาย 2,093 ลบ. โดยดัชนีปรับลดลงจากแรงขายกลุ่มขนส่ง -2.0%, ท่องเที่ยว -1.7% หลังจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่เคยเดินทางเข้าไทยวันละ 100,000 คน ปัจจุบันบางวันเหลือเพียง 7,000 คน สาเหตุมาจากความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัย, ปัญหาเศรษฐกิจจีน ส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติปีนี้อาจอยู่ที่ราว 36 – 37 ล.คน เทียบกับปีก่อนที่ 35.5 ล.คน ส่วนกลุ่ม รพ. -1.4% หลัง BH รายงานกำไร Q1/68 อยู่ที่ 1.73 พัน ลบ. -12.6%, -8.8% QoQ เป็นผลจากผู้ป่วยต่างชาติลดลง -9.7% YoY ขณะที่กลุ่มอาหาร +1.1% ได้ปัจจัยหนุนหลัง ก.พาณิชย์รายงานตัวเลขส่งออกไทย มี.ค. +17.8% ดีกว่าคาด +12.8% YoY โดยกลุ่มที่ยอดส่งออกได้ดี คือ ชิ้นส่วนอุปกรณ์คอมพิวเตอร์, ไก่สด แช่แข็ง แปรรูป, อาหารสัตว์เลี้ยง, เครื่องดื่ม ซึ่งเป็นผลจาการการเร่งสต็อคสินค้าของประเทศคู่ค้า ก่อนทีสหรัฐจะปรับขึ้นภาษีศุลกากรตอบโต้ใน ก.ค.              

Daily Strategy

  • ประเมินแนวรับดัชนี SET ที่ 1,130 - 1,140 แนวต้าน 1,150 - 1,160 คาดดัชนีทรงตัวในกรอบระหว่างรอรายงานกำไร บจ.Q1/68 และผลการประชุม กนง.วันที่ 30 เม.ย. ซึ่งมีโอกาสที่จะปรับลดดอกเบี้ย แนะนำทยอยซื้อกลุ่มอาหาร & เครื่องดื่ม CPF,GFPT,TFG,BTG,FM,AAI,ICHI,CBG,OSP จากคาดยอดส่งออกไทยในช่วง 1H/68 ยังอยู่ในทิศทางบวก / ไฟแนนท์ SAWAD,MTC,KTC ได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาลง และกลุ่มที่มี ESG เรตติ้งสูงและราคาหุ้นปรับลดลงมาก เช่น AMATA,WHA,GSPC,BEM,CPN,CPALL ได้แรงหนุนจากกองทุน Thai ESGX
  • BTG* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 25.50 บาท) ตลาดคาดการณ์แนวโน้มกำไร 1Q68 เติบโตเด่นทั้ง QoQ, YoY มีปัจจัยหนุนจากยอดขายและอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีขึ้น หนุนจากราคาหมูที่ปรับตัวดีขึ้น ส่วนต้นทุนอาหารสัตว์ปรับตัวลดลง รวมถึงกลยุทธ์ของบริษัทที่เน้นการขายในช่องทางที่มีอัตรากำไรสูง บริษัทตั้งเป้าปี 68 ยอดขายโต 3-7%YoY จากปริมาณขายที่เพิ่มตามการขยายกำลังการผลิต ขณะที่ GPM คาดสูงกว่าปี 67 ที่ 5% แนวโน้ม 1H68 น่าจะดีต่อเนื่องได้อานิสงส์จากราคาสุกรที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากโรคระบาด ASF ปัจจุบันอยู่ที่ 87-88 บาท/กก. ขณะที่ต้นทุนอาหารสัตว์ยังต่ำจากราคากากถั่วเหลือง นอกจากนี้การซื้อ Eggriculture ที่เป็นธุรกิจไข่ในสิงคโปร์จะเสร็จใน 1Q68 หนุนรายได้ในระยะถัดไป ทั้งนี้อิงจาก Consensus ตลาดคาดปี 68 มีกำไรสุทธิ 4.4 พันล้านบาท +77%YoY และปี 69 ที่ 4.5 พันล้านบาท +2%YoY
  • OKJ* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย Bloomberg Consensus 131 บาท ) แนวโน้มการดำเนินงานยังมีแรงหนุนจากแบรนด์ที่แข็งแกร่ง และมีการเปิดตัวแบรนด์ใหม่ๆตามกระแสนิยม โดยล่าสุด เปิดร้านไก่ทอด Joe Wings ด้าน OKJ* เอง ปีนี้ ตั้งเป้าผลักดันรายได้เติบโต 20-30% ส่วนแผนงานปี67-71 ต้องการรักษาทิศทางรายได้ไม่ต่ำกว่าปี64-66 ที่เติบโตเฉลี่ย 40% และจะขยายสาขาทั้ง 3 แบรนด์หลัก คือ “โอ้กะจู๋” เป็น 67 สาขา+ร้าน Deliver & Kiosk รวม 37 สาขา/ “Ohkajhu Wrap & Roll” เป็น 20 สาขา/ “Oh Juice” เป็น 70 สาขา ปัจจุบัน ตลาดคาดกำไรสุทธิปี68และ69 ของ OKJ* จะอยู่ที่ระดับ 307 ลบ.(+52%YoY) และ 401 ลบ.(+31%YoY)

 

Daily Key Factors

Oil Update(+)WTI พ.ค.+$0.52 อยู่ที่ $62.79 / บาร์เรล, Brent มิ.ย. +$0.43 อยู่ที่ $66.55/บาร์เรล ได้แรงหนุนจาก Dollar Index ที่อ่อนค่า -0.47% ส่งผลให้สัญญาน้ำมันดิบดูถูกลง ขณะที่นักลงทุนรอผลการประชุมโอเปกพลัสในวันที่ 5 พ.ค. คาดจะมีเพิ่มกำลังการผลิตใน พ.ค. ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2

 

Gold Update(+) Comex Gold มิ.ย.+$54.50 อยู่ที่ $3,348.60 /ออนซ์ เป็นการฟื้นตัวหลังวันพุธที่ผ่านมา สัญญาทองคำปรับลดลงกว่า -3% กอปรกับได้แรงหนุนจาก Dollar Index อ่อนค่า -0.47% อยู่ที่ 99.375

 

Fund Flow(-) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP วานนี้ ขายสุทธิ -98.43 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นไทย -30.62 ล.ดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นอินโดฯ -62.64 ล.ดอลลาร์สหรัฐ และขายหุ้นฟิลิปปินส์ -5.16 ล.ดอลลาร์สหรัฐ

 

(0) ค่าเงินบาทเช้านีแข็งค่าอยู่ที่ 33.40 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(0) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ทรงตัวอยู่ที่ 4.329 %

(+) ดัชนี BDI วานนี้ปิด +53 อยู่ที่ 1,353 จุด

(+) BitCoinเช้านี้ +0.55% อยู่ที่ 93,891 ดอลลาร์สหรัฐ

(-) Tokyo Core CPI เม.ย. ปรับขึ้นอยู่ที่ 3.4% & คาด 3.2% & มี.ค. 2.4% YoY

 

 

 

Economic Calendar

 

ในประเทศ

30 เม.ย.    ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ครั้งที่ 2/2568

                ธปท. รายงานภาวะเศรษฐกิจและการเงินไทย 

สัปดาห์ที5  สศอ.แถลงดัชนีอุตสาหกรรม

                สศค.รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง, ภาวะเศรษฐกิจภูมิภาค,

                ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค

               

ต่างประเทศ

29 เม.ย.    US รายงานความเชื่อมั่นผู้บริโภคจากซีบี (เม.ย.)

                US ตำแหน่งงานว่างเปิดใหม่จาก JOLTS (มี.ค.)

30 เม.ย.    CN ดัชนี PMI ภาคการผลิตของจีน (เม.ย.)

                US ดัชนีจีดีพี (ไตรมาสต่อไตรมาส) (ไตรมาส 1) 

                US การเปลี่ยนแปลงการจ้างงานภาคนอกภาคเกษตรกรรม(ADP)(เม.ย.)

                US ดัชนีราคาด้านการบริโภคส่วนบุคคล (PCE Price Index (มี.ค.)

01 พ.ค.     US สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ

US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก

                US ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต (เม.ย.)

02 พ.ค.     EU ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) (ปีต่อปี) (เม.ย.) 

US อัตราการว่างงาน (เม.ย.)

US การจ้างงานนอกภาคการเกษตร (เม.ย.)

                US รายได้เฉลี่ยต่อชั่วโมง (เดือนต่อเดือน) (เม.ย.)

 

Theme Strategy

Theme หุ้นเด่น 1H68 เน้น หุ้นในธุรกิจใหม่ที่เป็น Trend ในอนาคต อย่าง Data Center รวมถึงหุ้นที่มีแนวโน้มกำไรปกติ 4Q67-1Q68 คาดออกมาดี และ หุ้นที่รับความผันผวนได้ดีจากความเสี่ยง Trade War/ธนาคารกลางหลักมีแนวโน้มชะลอการลดดอกเบี้ย  

 

(1) กลุ่มธนาคารที่มี Sentiment บวกจากธนาคารกลางหลักมีแนวโน้มชะลอการลดดอกเบี้ย/มี Yield สูง BBL, KTB, KBANK, TISCO*, TTB*

 

(2) กลุ่มการอุปโภคบริโภค ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ CPALL, CPAXT*, CRC, NSL*, TNP*, OSP*

 

(3) กลุ่มโรงพยาบาล BDMS, BH, PR9*, SKR

 

(4) กลุ่มมีโอกาสเกี่ยวข้องกับการลงทุน Data Center/ธุรกิจ Trend อนาคต ADVANC,INTUCH*,TRUE,GULF*,AMATA

 

(5) กลุ่มสินค้า IT ที่ได้ประโยชน์จากการเปลี่ยนถ่ายเทคโนโลยี(เช่น AI function/ 4G to 5G) SYNEX*, ADVICE*, SIS*

 

(6) กลุ่มที่มี Sentiment บวกจาก Entertainment Complex BTS*, VGI*, MBK*, BA

 

 

**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย

 

Asset Allocation: Equity 50% Fixed Income 35% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 5%

 

Today Fundamental Research: -

 

 

Monthly Portfolio April 2025: CPALL, SYNEX*, KLINIQ, DOHOME*, BDMS

 

 

 

Analysts

Apichai Raomanachai  

Fundamental and Technical Investment Analysis ID No.  002939

Tel  02-829-6999  Ext  2200

Email : apichai.ra@kfsec.co.th

Nopporn Chaykaew     

Fundamental Analysis ID No.  043964

Tel  02-829-6999  Ext  2203

Email : noppoen.ch@kfsec.co.th

Nattawat Poosunthornsri  

Fundamental Analysis ID No.  087077

Tel  02-829-6999  Ext  2204

Email : nattawat.po@kfsec.co.th

 

 

 

 

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

1200 แตก By: แม่มดน้อย

แม่ดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ และแล้ว ดัชนีตลาดหุ้นไทย ก็แตก 1,200 จุด ด้วยพ่อใหญ่อย่าง DELTA แม่ใหญ่ AOT เป็นหัวหอก....

FTI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติไฟเขียวทุกวาระ จ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น

FTI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติไฟเขียวทุกวาระ จ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้