สำนักข่าวหุ้นอินไซด์( 25 เมษายน 2568)-----บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด (InnovestX) บริษัทหลักทรัพย์ในกลุ่ม SCBX ออกบทวิเคราะห์ประจำวันที่ 25 เมษายน 2568 เปิดเผยว่า คาด SET แกว่งผันผวน ความคาดหวังการเจรจาภาษีระหว่างสหรัฐฯ-จีน ยังไม่ชัดเจน โดยทั้ง 2 ฝ่ายระบุจะไม่เป็นฝ่ายเริ่มต้นเจรจาก่อน ทำให้ยังเป็นประเด็น Overhang ต่อไป ขณะที่วันนี้จะมีการรายงานผลประกอบการ 1Q68 ของหุ้นขนาดใหญ่ทั้ง PTTEP และ DELTA ทำให้ต้องระวังความผันผวนที่เพิ่มมากขึ้น ประเมินแนวรับที่ 1135-1130 จุด แนวต้านที่ 1155-1160 จุด
ประเด็นสำคัญ
• พาณิชย์จีนได้แถลงเสนอสหรัฐฯ ให้ยกเลิกการเก็บภาษีฝ่ายเดียวทั้งหมดต่อสินค้าจีน หากสหรัฐฯ ต้องการแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง และได้ปฏิเสธข่าวลือเกี่ยวกับความคืบหน้าการเจรจากับสหรัฐฯ
• พาณิชย์เผยมูลค่าการส่งออกใน มี.ค. ขยายตัว 17.8%YoY สูงกว่าที่ตลาดคาดไว้ ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 9 และทำสถิติสูงสุดใหม่เกินระดับ 2.9 หมื่นล้านดอลลาร์ ทำให้ช่วง 1Q68 ขยายตัว 15.2%YoY
• ต่างชาติซื้อตราสารหนี้ไทยช่วง 3M68 ซื้อสุทธิ 7 หมื่นลบ. พลิกจากไหลออก 6.8 หมื่นลบ. ในปีก่อน สะท้อนการเข้าหลบในสินทรัพย์ปลอดภัย
• ก.ล.ต. เผยอยู่ระหว่างพิจารณาคำขออนุมัติจัดตั้งกองทุน ThaiESGX ทั้งหมด 37 กองทุนจาก 19 บลจ. คาดจะเริ่มซื้อขายและสามารถรองรับการสับเปลี่ยนกับหน่วยลงทุน LTF ได้ในวันที่ 2 พ.ค. นี้
• สรท. คาดครึ่งปีหลังคำสั่งซื้อลดฮวบ หลังสำรวจพบผู้ส่งออกไทยบางรายเตรียมหยุดรับคำสั่งซื้อจากคู่ค้าสหรัฐฯ เหตุกำไรไม่พอจ่ายภาษีที่เพิ่มขึ้น โดยลูกค้าผลักภาระภาษีให้จ่ายเอง ชี้ผู้ส่งออกไม่มีแผนลงทุนในสหรัฐ ไม่นำเข้าวัตถุดิบจากสหรัฐ เหตุมีแหล่งนำเข้าราคาถูกกว่า
• สมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยวประเมินวิกฤติหนักหลังคนจีนเที่ยวตปท. ปีนี้ฟื้นแตะ 155 ล้านคน เท่าปี 2562 ก่อนโควิด แต่เลือกไม่มาไทย เหตุกังวลความปลอดภัย หวั่นยอดหายจาก 10 เหลือ 4-5 ล้านคน ททท. ปรับกลยุทธ์เร่งตลาดระยะใกล้ -ไกลกลุ่มเติบโตสูงชดเชยตลาดจีน
• กบน. ลดเก็บเงินสบทบกองทุนน้ำมันฯ 40 สต./ลิตร เพื่อตรึงราคาปลีก กระทบการส่งเข้า 40 ลบ./วัน เหลือ 326 ลบ./วัน ฐานะกองทุนน้ำมันฯ ล่าสุด ติดลบ 52,513 ลบ. และส่วนบัญชีน้ำมันติดลบ 7,020 ลบ.
กลยุทธ์การลงทุน
ช่วงสั้นมอง SET ยังแกว่งตัวผันผวนและการซื้อขายจะเป็นไปอย่างระมัดระวัง เนื่องจากนักลงทุนยังกังวลความไม่แน่นอนเกี่ยวกับมาตรการภาษีศุลกากรของสหรัฐที่มีต่อประเทศคู่ค้า รวมทั้งยังต้องติดตามความคืบหน้าการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ซึ่งหากสถานการณ์ยังยืดเยื้อและทวีความรุนแรงขึ้นจะส่งผลกดดันต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกและบรรยากาศการลงทุนในตลาดสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก ขณะที่ในประเทศมองยังไร้ปัจจัยบวกใหม่และอยู่ระหว่างจับตาการเข้าเจรจาทางการค้าของรัฐบาลไทยกับสหรัฐ ซึ่งคาดข้อสรุปอาจต้องใช้เวลา 2-3 เดือน ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงคงแนะนำให้ “Selective Buy”
แนวรับ-ต้าน
1135/1130 – 1155/1160
ล็อคเป้าลงทุนประจำสัปดาห์
มอง SET แกว่งตัวผันผวนและการซื้อขายยังเป็นไปอย่างระมัดระวัง จากกังวลความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าของสหรัฐ และรอติดตามการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐและประเทศคู่ค้า โดยเฉพาะจีน กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy” ใน 2 ธีมหลัก และ 1 ธีมเทรดดิ้ง ที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้
1. หุ้นที่คาดเป็นเป้าหมาย ThaiESGX โดย 1) ปี 2568 คาดกำไรเติบโต YoY 2) ฐานะการเงินแกร่ง และ 3) จ่ายปันผลสม่ำเสมอ คาดให้ Div. Yield อย่างน้อยปีละ 3% พบหุ้นน่าสนใจ SET50: ADVANC BBL BDMS CPALL PTT และ SET100: BCH BTG
2. หุ้น Undervalued ซึ่งปัจจุบันซื้อขายที่ PER และ PBV 68F ระดับต่ำกว่า -1SD และมี SET ESG Ratings ระดับ A-AAA ขณะที่ปี 2568 คาดกำไรยังเติบโตได้ดี YoY และมีฐานะการเงินแข็งแกร่ง อีกทั้งมีศักยภาพจ่ายเงินปันผลได้อย่างสม่ำเสมอ โดยคาดให้ Div. Yield ปี 2568 อย่างน้อยปีละ 3% แนะนำ BJC CPF AP HMPRO OR
3. Trading Idea: นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูงและต้องการเก็งกำไรภายใต้สงครามการค้าที่มีท่าทีรุนแรงขึ้น แนะนำ หุ้นที่มีรายได้ภายในประเทศเป็นหลักซึ่งจะต้านทานความผันผวนของเศรษฐกิจโลกได้ดีกว่า โดยเฉพาะหากสามารถกำหนดราคาและส่งผ่านต้นทุนที่เพิ่มขึ้นได้ อีกทั้งคาดจะได้ประโยชน์จากการปรับลงของราคาน้ำมันและดอกเบี้ย ได้แก่ BCH CPALL CPAXT GULF MTC OR และ TRUE ขณะที่แนะนำหลีกเลี่ยงกลุ่มที่ได้ผลกระทบทางตรงจากส่งออกไปสหรัฐ ได้แก่ อิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์ ยาง สินค้าเกษตร เครื่องประดับ และกลุ่มที่ได้ผลกระทบทางอ้อม ได้แก่ นิคม ท่องเที่ยว ธนาคาร
Daily top picks
GPSC: มองราคาหุ้นมีปัจจัยกระตุ้นระยะสั้นจากการปรับตัวลงของราคาก๊าซและ Bond Yield ขณะที่ปี 2568 คาดกำไรปกติจะเติบโต 3.9%YoY โดยมีปัจจัยหนุน ได้แก่ การเพิ่มกำลังการผลิต, การได้รับการคัดเลือกโครงการพลังงานทดแทนระยะที่ 2 รอบแรก, ไม่มีผลกระทบจากการบังคับใช้ภาษีขั้นต่ำสากล
KTB: มองเป็นหุ้นเด่นกลุ่มธนาคาร โดยมีความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์ต่ำกว่าธนาคารอื่นๆ เนื่องจากมีสัดส่วนสินเชื่อที่เกี่ยวกับการส่งออกโดยตรงไปสหรัฐน้อยที่สุดในบรรดาธนาคารขนาดใหญ่ มี LLR coverage สูง และคาดให้ Div. Yield น่าสนใจที่ระดับ 7.7% อีกทั้งคาดเป็นหนึ่งในเป้าหมายของกองทุน ThaiESGX หลังมี SET ESG Ratings “AAA”