Company Note
เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป
แนวโน้มกำไรสุทธิเล็กน้อยใน 1Q25F ลดลงทั้ง YoY และ QoQ จากช่วง low season มีจำนวนหนังที่น้อยและรายได้หนังใหญ่ไม่เป็นไปตามคาด ส่งผลให้รายได้ตั๋วหนัง อาหารและเครื่องดื่มลดลงเป็นหลัก อัตรามาร์จิ้นลดลงตามรายได้ เราปรับประมาณการลงจากแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 1 ที่ไม่เป็นไปตามคาด แม้ว่าจะมีหนังใหญ่ Holly wood 2 เรื่อง และหนังไทยหลายเรื่อง แต่ทำเงินได้ต่ำกว่าที่คาด บริษัทมีแผนหาพาร์ทเนอร์ (M&A) ต่อยอดธุรกิจคาดเงินลงทุนไม่มากและอาจจะประกาศใน 2Q25F เราเปลี่ยนคำแนะนำเป็น “ถือ”
คาดกำไรสุทธิ 1Q25F ลดลง YoY และ QoQ จากจำนวนหนังที่เข้าฉายน้อย
เราคาด MAJOR จะมีกำไรสุทธิ 1Q25F อยู่ที่ 18 ล้านบาท (-86% YoY, -94% QoQ) โดยในไตรมาสนี้มีการตั้งด้อยค่าสาขาเซ็นทรัลปิ่นเกล้าประมาณ 10 ล้านบาท และมีการใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษี (tax loss carry forward) ประมาณ 25 ล้านบาท สำหรับรายได้ใน 1Q25F เราคาดลดลง เนื่องจากจำนวนหนังที่เข้าฉายมีจำนวนน้อยประมาณ 20 เรื่อง และหนังใหญ่ไม่ทำเงินจากจำนวนคนดูที่ลดลง ส่งผลให้ธุรกิจอาหารทานเล่นลดลง และไม่มีรายได้หนังเรื่องใดที่ทำเงินเกิน 70 ล้านบาท โดยใน 1Q25F หนังที่ทำเงิน 5 อันดับแรกได้แก่ “Captain America” รับรู้รายได้ 65 ล้านบาท ตามด้วย “พนอ” 54 ล้านบาท, “ซองแดงแต่งผี” 33 ล้านบาท, “นาจา2” 27 ล้านบาท และ “สโนไวท์” ที่ 23 ล้านบาท ลดลงเทียบกับ 1Q24 ปีที่ผ่านมาหนัง 4 อันดับแรกทำรายได้มากกว่า 70 ล้านบาท ได้แก่ “พี่นาค 4” 124 ล้านบาท, และ “Godzilla & Kong”, “Dune 2”, “หอแต๋วแตก” เฉลี่ยเรื่องละประมาณ 70 ล้านบาท
ปรับประมาณการลงสะท้อนจำนวนคนชมและการขยายสาขา
แนวโน้มกำไร 2Q25F ค่อนข้างท้าทายเทียบกับปีที่ผ่านมา จากหนัง 2Q24 ที่ทำรายได้ค่อนข้างสูงได้แก่ “หลานม่า” ทำรายได้ 226 ล้านบาท, “อนงค์” 110 ล้านบาท, “Godzilla x Kong” 83 ล้านบาท เป็นต้น สำหรับ 2Q25F จะมีหนังเรื่อง “Mission : Impossible 8”, “Thunderbolts” หนัง animation ได้แก่ “How to train the dragon”, “Lilo & Stitch 2” และหนังไทย “เดอะสโตน พระแท้คนเก๊”, “4 ป่าช้า” เป็นต้น
เราคาดรายได้หนังจะกลับมาเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง โดย 3Q25F มีเรื่อง “Jurassic World”, “Superman”, “Fantastic 4”, “หอแต๋วแตก”, และในไตรมาส 4 มีหนังไทยที่เคยทำเงินหลายเรื่อง ได้แก่ “ธี่หยด 3” “อนงค์ 2” “อีเรียมซิ่ง 2” “สัปเหร่อ 2” เป็นต้น เราปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2025-26F ลดลงจากคาดเดิมปีละ 28% มาอยู่ที่ 574 ล้านบาท (-23%YoY) และ 631 ล้านบาท (+10%YoY) ตามลำดับ คาดรายได้ตัวหนังลดลง 8% YoY จากคาดจำนวนผู้ชมเฉลี่ยลดลงจากคาดเดิม 10% มาอยู่ที่ 27.4 ล้านคน (-7%YoY) และปีถัดไปเพิ่มขึ้นปีละ 2% โดยราคาตั๋วเฉลี่ยคาดเท่าเดิมอยู่ที่เฉลี่ย 163 บาท และปีถัดไปทรงตัว คาดสัดส่วนรายได้มาจากกรุงเทพฯและต่างจังหวัด 42:58 จากการขยายโรงหนังต่างจังหวัดมากขึ้นและเน้นภาพยนตร์ไทยมากขึ้น
บริษัทวางแผนหนังไทยปีนี้ 80 เรื่อง เป็นหนังที่บริษัทร่วมกับพาร์เนอร์ประมาณ 20 เรื่อง ร่วมกับ BEC ผลิตหนังไทย 2-3 เรื่อง และ WORK อย่างน้อย 3-4 เรื่อง ร่วมกับ MONO ได้แก่ “นาคี 3” ร่วมกับ PLANB 3 เรื่อง และรายอื่นๆอีก รวมถึงมีหนัง Holly Wood ที่เข้าอีกหลายเรื่อง เช่น Thunderbolts, Mission Impossible, Lilo Stitch, Dragon, Superman, Fantastic, Tron, Avata สำหรับรายได้อาหารและเครื่องดื่มทานเล่นคาดลดลงตามรายได้ตั๋วหนัง คาดอัตราทำกำไรและค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารใกล้เคียงกับปี 2024
เราเปลี่ยนคำแนะนำเป็น “ถือ” จาก “ซื้อ” เราคาดกำไรสุทธิปีนี้ลดลงจากแนวโน้มผลประกอบการ 1Q25F ต่ำกว่าคาดและจะเริ่มดีขึ้นในครึ่งปีหลัง ราคาเป้าหมายใหม่จากการปรับประมาณการอยู่ที่ 13.4 บาท จากเดิมอยู่ที่ 17 บาท (อ้างอิงวิธี DCF, WACC 7.5%) ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายที่ PER25F ที่ 15X สถานะการเงินแข็งแกร่งเป็น net cash คาด Dividend Yield’25 ที่ 2.7% ความเสี่ยง : ภาพรวมเศรษฐกิจซบเซา