Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.เอเซีย พลัส : Market Talk

278

 


ต่างชาติพักใจ พักเงินในไทย ในช่วงนี้
TOP PICK BEM / WHA / SCB

 

EXTERNAL FACTOR
GLOBAL INDICES

• วานนี้ปัจจัยภายนอกที่ต้องติดตามในมุมการลงทุนมีอยู่ 2 ปัจจัยหลักๆ 1.ECB ลดดอกเบี้ยลง 0.25% เหลือ 2.25% ตามตลาดคาด 2.ราคาน้ำมันดิบ BRENT / WTIดีดตัวขึ้นราว 3%
• ความคาดหวังในมุมการลดดอกเบี้ยทั่วโลก + ภาพรวมราคาน้ำมันดิบดีดเด้ง หนุนให้ภาพรวม SET INDEX ในช่วงสั้นคาดได้รับ SENTIMENT เชิงบวกจากประเด็นดังกล่าว โดยมีหุ้นกลุ่มพลังงาน-โรงกลั่นเป็นตัวขับเคลื่อนหลัก ซึ่งมีน้ำหนัก(MARKET CAP) สูงถึง 1 ใน 3 ของน้ำหนักทั้งหมด โดยแนะนำหุ้นโรงกลั่นที่ราคาLAGGARD ราคาน้ำมันดิบ อาทิ PTTEP, TOP, PTT, PTTGC


INTERNAL FACTOR
• ธปท.ระบุว่า จากมาตรการภาษีของสหรัฐ รวมถึงการตอบโต้ของประเทศเศรษฐกิจหลัก จะส่งผลต่อภูมิทัศน์ทางเศรษฐกิจ การเงิน และการค้าโลกอย่างมีนัย ซึ่งหากสถานการณ์ยืดเยื้อ ทำให้มีผลกระทบส่งผ่านมายังเศรษฐกิจไทย กดดัน GDPGROWTH ปี 68 หลุดเป้าหมายเดิมที่ 2.5%
• ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นปัจจัยที่จะช่วยพยุงเศรษฐกิจได้คงหนีไม่พ้นนโยบายการเงิน ซึ่งมีโอกาสสูงที่ กนง.จะลดดอกเบี้ยอีก 1 ครั้ง เหลือ 1.75% ตาม TREND การลดดอกเบี้ย
ของทั่วโลก และคาดว่า TARGET SET INDEX จะขยับขึ้นมาได้ราว 50-60 จุด


INVESTMENT STRATEGY
• ช่วงเดือน ก.พ. – ปัจจุบัน เม็ดเงินต่างชาติมีการกระจุกตัวอยู่ในตลาดการเงินไทยพอสมควร อาทิ มียอดสะสมTFEX สูงถึง1.06 แสนสัญญา สะสมตราสารหนี้ 6.8 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นการสะสมก่อนมีกองทุน THAIESGXเข้ามา คล้ายกับช่วงก่อนมีเม็ดเงินวายุภักษ์ไหลเข้ามา ในเดือน ก.ค. - ส.ค. 67 ที่มียอด TFEX สะสมสูงถึง2.46
แสนสัญญา สะสมตลาดตราสารหนี้สูงถึง 4.8 หมื่นล้านบาท และหนุน SET ขึ้นแรง 6% ในเดือนถัดมา
• หวังว่าเม็ดเงินต่างชาติที่หลบความผันผวนไหลเข้าตลาดการเงินไทยช่วงนี้ น่าจะช่วยหนุนตลาดหุ้นไทยมีโอกาสผันผวนน้อยกว่าประเทศอื่นๆ แนะนำสะสมหุ้นพื้นฐานดี มี ESG RATING เด่น อย่าง WHA, KCE, SCGP,SCC, TOP, PTTGC, BBL, CPALL, BDMS

 

วานนี้ปัจจัยภายนอกมีอะไรน่าติดตามบ้าง ... มาดูกัน
วานนี้ปัจจัยภายนอกที่ต้องติดตามในมุมการลงทุนมีอยู่ 2 ปัจจัยหลักๆ ดังนี้
• ECB ลดดอกเบี้ยลง 0.25% เหลือ 2.25% ตามตลาดคาดกังวล TRADE TARIFF สหรัฐฯ ซึ่งหากพิจารณา REAL INTEREST RATE ปัจจุบันเหลือเพียง 0.05% เท่านั้น บ่งชี้ว่า ECB อาจลดดอกเบี้ยได้อีกไม่มากแล้วในอนาคต ขณะที่ฝั่งสหรัฐฯ หลังจากที่ ทรัมป์" ขู่ปลด "พาวเวล" ออกจากตำแหน่งหากไม่รีบลดอัตราดอกเบี้ย ทำให้นักลงทุนคาด FED มีโอกาสลดดอกเบี้ยถึง 4 ครั้งปีนี้(จาก 3 ครั้งในช่วงที่ผ่านมา) แม้FED WATCH TOOL จะคาดว่าการประชุมเดือน พ.ค.68 มีโอกาสจะคงดอกเบี้ยไว้ที่ 4.50% ก็ตาม
• วานนี้ราคาน้ำมันดิบ BRENT / WTI ดีดตัวขึ้นราว 3%คาดหวังจากสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป (EU) จะบรรลุข้อตกลงการค้ากันได้ อีกทั้งคืนที่ผ่านมาทรัมป์ยังกล่าวอีกว่า เรากำลังเจรจาข้อตกลงกับจีนอยู่ ซึ่งถือเป็นปัจจัยผ่อนคลายฝั่ง DEMAND น้ำมันดิบให้มีความหวังอีกครั้ง นอกจากนี้ ยังได้ปัจจัยบวกจากการคาดการณ์ที่ว่า SUPPLY น้ำมันในตลาดโลกจะตึงตัวขึ้น หลังสหรัฐฯ ออกมาตรการคว่ำบาตรอิหร่านครั้งใหม่ โดยมุ่งเป้าไปที่การส่งออกน้ำมันดิบ

 

ทั้งความคาดหวังในมุมการลดดอกเบี้ยทั่วโลก + ภาพรวมราคาน้ำมันดิบดีดเด้ง หนุนให้ภาพรวม SET INDEXในช่วงสั้นคาดได้รับ SENTIMENT เชิงบวกจากประเด็นดังกล่าว โดยมีหุ้นกลุ่มพลังงาน-โรงกลั่นเป็นตัวขับเคลื่อนหลัก ซึ่งมีน้ำหนัก(MARKET CAP) สูงถึง 1 ใน 3 ของน้ำหนักทั้งหมด โดยแนะนำหุ้นโรงกลั่นที่ราคา LAGGARD ราคาน้ำมันดิบ อาทิ PTTEP,TOP, PTT, PTTGC

 

DOWNSIDE เศรษฐกิจไทยเริ่มเห็นชัดเจนขึ้นจาก OUTLOOK ธปท.
วานนี้ ธปท.ระบุว่า จากมาตรการภาษีของสหรัฐ รวมถึงการตอบโต้ของประเทศเศรษฐกิจหลัก จะส่งผลต่อภูมิทัศน์ทางเศรษฐกิจ การเงิน และการค้าโลกอย่างมีนัย ซึ่งหากสถานการณ์ยืดเยื้อ ทำให้มีผลกระทบส่งผ่านมายังเศรษฐกิจไทยใน 5 ช่องทางหลักๆ ดังนี้
1. ตลาดการเงิน: ราคาสินทรัพย์ในตลาดการเงินโลก และไทยผันผวนมากขึ้น
2. การลงทุน: ความไม่แน่นอนที่ยังสูงต่อเนื่อง FDI/ BOI มีแนวโน้มลดลง
3. การส่งออก: เป็นช่องทางหลักที่ได้รับผลกระทบ คาดเริ่มเห็น Q2
4. การแข่งขันที่จะรุนแรงขึ้น: สินค้าไทยจะต้องเผชิญกับการแข่งขันกับประเทศอื่น ๆ
5. เศรษฐกิจโลกที่จะชะลอลง: การส่งออกโดยรวม และรายรับการท่องเที่ยวลดลง

โดยคาดประเด็นดังกล่าวจะกดดัน GDP GROWTH ปี 68 หลุดเป้าหมายเดิมที่2.5% ซึ่งจะแถลงประมาณการใหม่ในการประชุม กนง. วันที่ 30 เม.ย.68 โดยฝ่ายวิจัยฯคาดว่าตัวเลขมีโอกาสเข้าใกล้ <2.0% ดังสำนักเศรษฐกิจเอกชนที่ประมาณการไว้ในช่วงก่อนหน้านี้ ดังรูปด้านล่าง

 

ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นปัจจัยที่จะช่วยพยุงเศรษฐกิจได้คงหนีไม่พ้นนโยบายการเงิน ซึ่งมีโอกาสสูงที่ กนง.จะลดดอกเบี้ยอีก
1 ครั้ง เหลือ 1.75% ตาม TREND การลดดอกเบี้ยของทั่วโลก ทั้ง FED ECB ประเมิดนว่าการปรับลดดอกเบี้ย 25BPS. จะหนุนระดับ MARKET EARNING YIELD GAP และ PE ขึ้น(หากคง EPS ไว้ระดับเดิม) คาดว่า TARGET SETINDEX จะขยับขึ้นมาได้ราว 50-60 จุด


FUND FLOW ยังมาพักในตลาดการเงินไทย ช่วยพยุง SET ให้ผันผวนน้อยในช่วงนี้ช่วงเดือน ก.พ. – ปัจจุบัน เม็ดเงินต่างชาติมีการกระจุกตัวอยู่ในตลาดการเงินไทยพอสมควร อาทิ มียอดสะสม TFEXสูงถึง 1.06 แสนสัญญา สะสมตราสารหนี้ 6.8 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นการสะสมก่อนมีกองทุน THAIESGX เข้ามาคล้ายกับช่วงก่อนมีเม็ดเงินวายุภักษ์ไหลเข้ามา ในเดือน ก.ค. - ส.ค. 67 ที่มียอด TFEX สะสมสูงถึง 2.46 แสนสัญญาสะสมตลาดตราสารหนี้สูงถึง 4.8 หมื่นล้านบาท และหนุน SET ขึ้นแรง 6% ในเดือนถัดมา

หวังว่าเม็ดเงินต่างชาติที่หลบความผันผวนไหลเข้าตลาดการเงินไทยช่วงนี้ น่าจะช่วยหนุนตลาดหุ้นไทยมีโอกาสผันผวนน้อยกว่าประเทศอื่นๆ แนะนำสะสมหุ้นพื้นฐานดี มี ESG RATING เด่น อย่าง WHA, KCE, SCGP, SCC, TOP,PTTGC, BBL, CPALL, BDMS

 



Research Division
จัดทำโดย
ภราดร เตียรณปราโมทย์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
ภวัต ภัทราพงศ์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 117985
สิริลักษณ์ พันธ์วงค์
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์

 

 

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

1200 แตก By: แม่มดน้อย

แม่ดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ และแล้ว ดัชนีตลาดหุ้นไทย ก็แตก 1,200 จุด ด้วยพ่อใหญ่อย่าง DELTA แม่ใหญ่ AOT เป็นหัวหอก....

FTI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติไฟเขียวทุกวาระ จ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น

FTI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติไฟเขียวทุกวาระ จ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้