AT THE OPEN (#ATO)
SET Index แกว่ง Sideways
กลยุทธ์ Selective Buy
Market Strategy
SET Index คาดแกว่งออกข้างตามกรอบ 1130-1150 จุด มีแรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับขึ้นกว่า 3% แต่ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่เบาบาง จะเป็นข้อจำกัดในการฟื้นตัว หุ้นเด่นวันนี้เลือก PTTEP และยังชอบ COM7
ราคาน้ำมันดิบปรับขึ้นแรง 3% หนุนจากสหรัฐฯคว่ำบาตรน้ำมันอิหร่านและครอบคลุมไปโรงกลั่นน้ำมันเอกชนขนาดเล็กของจีน เราเชื่อว่าเป็นบวกต่อราคาหุ้นกลุ่มน้ำมันและโรงกลั่น (ชอบ PTTEP SPRC) ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ S&P500 ทรงตัว แม้คุณทรัมป์เผยว่าจะสามารถบรรลุเจรจากับยุโรปและจีนได้
ธปท.คาดผลกระทบจากภาษีทรัมป์สหรัฐฯ ใน 5 ด้าน 1) ตลาดการเงิน ค่าเงินบาทและตลาดหุ้นที่ผันผวนสูงขึ้นแต่ยังเป็นไปตามตลาดภูมิภาค 2) การลงทุนมีสัญญาชะลอ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมที่พึ่งพาการส่งออกไปสหรัฐฯ 3) การส่งออก ช่วง 2Q68 คาดจะเร่งส่งออก เช่น อาหารแปรรูป แต่ผลกระทบจะเริ่มในช่วง 2H68 (4) การแข่งขันรุนแรงขึ้น จากสินค้าต่างชาติที่เบี่ยงตลาดมายังภูมิภาคเดียวกับไทยและ (5) เศรษฐกิจโลกชะลอ กระทบรายได้ท่องเที่ยวและราคาสินค้าโภคภัณฑ์ โดยคาดว่ากระทบ GDP ไทยปี 68 ขยายตัวต่ำกว่า 2.5% ซึ่งจะเผยในการประชุม กนง. วันที่ 30 เม.ย. สำหรับหุ้นที่คาดว่าจะได้ประโยชน์ในระยะสั้นคือหุ้นส่งออกไปตลาดสหรัฐฯ ที่มีโอกาสเร่งตัวไปถึง 2Q68 เช่น ธุรกิจอิเล็คทรอนิกส์ CCET กลุ่มยางพารา NER STA STGT
มีสัญญาณบวกจากนักลงทุนต่างชาติที่ไหลเข้ามาในตลาดตราสารหนี้ โดยสัปดาห์นี้ซื้อสุทธิ 3.17 หมื่นล้านบาท โดย 58% เป็นการซื้อในตราสารหนี้ระยะสั้น ซึ่งส่วนหนึ่งคาดว่าจะเป็นการเข้ามาเก็งกำไรค่าเงิน มองเป็นสัญญาณบวก ที่อาจเห็นการเคลื่อนย้ายเข้าสู่ตลาดหุ้นได้เช่นกัน แต่อย่างไรก็ตามเชื่อว่าจะเกิดขึ้นหลังการเจรจาระหว่างไทยกับสหรัฐฯมีความคืบหน้า ซึ่งวานนี้นายกฯ เผยว่าคณะเจรจาของไทยจะเข้าเจรจากับ รมว.สหรัฐฯ ในวันที่ 23 เม.ย. ต่อไป
Market Summary
SET Index ทรงตัว 2.4 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.96 หมื่นล้านบาท หุ้นแต่ละกลุ่มบวกลบกระจัดกระจาย โดยกลุ่ม Outperform ตลาดยังเป็นกลุ่มที่ได้ Sentiment บวกจากภาษีสหรัฐฯ ที่กระแสอ่อนลง หนุนกลุ่มนิคม WHA +2.9% AMATA +2.1% หุ้นกลุ่มปิโตรฯ +2% หลักๆ มาจาก PTTGC +7% กลุ่มอิเล็คทรอนิกส์ CCET และ HANA +5.9% ด้านกลุ่มที่ปรับลง Defensive กลุ่ม ICT -0.8% กลุ่มโรงพยาบาล BDMS -0.9% กลุ่มท่องเที่ยว CENTEL -2.8% MINT -1% และ AOT -1.3%
DAILY
Stock Pick
PTTEP
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 141.00 บาท
สหรัฐออกมาตรการคว่ำบาตรครั้งใหม่ที่มุ่งเป้าไปที่การส่งออกน้ำมันของอิหร่าน อีกทั้ง OPEC+ประกาศลดกำลังการผลิตในบางประเทศเพื่อชดเชยกับอุปทานส่วนเพิ่ม กดดันฝั่งอุปทาน หนุน Sentiment น้ำมันระยะสั้น
เราคาดการเติบโตของปริมาณการขาย PTTEP ในปี 68/69 +3.5%/2.7% ตามลำดับ หลังจากการแหล่งเอราวัณผ่านช่วง ramp up ในปีที่ผ่านมา และโครงการเพิ่มเติมที่ซื้อเข้ามา เป็นปัจจัยหนุน แม้ว่าเราคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบ Brent ปี 68/69 ที่ 70-71 US$/bbl ปรับตัวลงจากปี 67 ที่ 80 US$/bbl แต่ ณ ราคาปัจจุบัน คิดเป็น PE68 ที่ 6.4 เท่า (-1.6SD ของค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี) และ Dividend Yield ปี 68 ที่ 7.9% ช่วยจำกัด Downside
KEY FACTOR
ภาพรวมสถานการณ์สงครามการค้าที่ผ่อนคลายลง และมีสัญญาณบวกจากการเจรจาระหว่างสหรัฐฯ-ญี่ปุ่นที่มีความคืบหน้า (แต่ยังไม่มีรายละเอียดการเจรจาในเชิงลึก) ผสานกับประเทศและภูมิภาคอื่นๆ (อาทิเช่น เกาหลีฯ อินเดีย รวมถึงไทย) ก็อยู่ในขั้นตอนเตรียมหารือเช่นกัน ล่าสุดฝั่ง EU ก็มีรายละเอียดการเตรียมเปิดเจรจากับสหรัฐฯ เช่นกัน (อาทิเช่น เริ่มมีข่าวการเสนอชื่อ Mario Draghi เป็นทูตพิเศษ) และมองทางเลือกการกระจายตลาดสู่จีน อินเดีย และตะวันออกกลาง
ECB ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย -25 bps จากแรงกดดันจากสถานการณ์โลก โดยเฉพาะนโยบายกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ ที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจยูโรโซน ในขณะที่แนวทางการกำหนดดอกเบี้ยในระยะถัดไปจะใช้หลักความพร้อม และ ความคล่องตัว (Preparedness & Flexibility) โดยพิจารณาในการประชุมครั้งต่อครั้ง ไม่มี Forward Guidance ที่แน่นอน ทั้งนี้ ตลาดคาดการณ์โอกาสที่ ECB จะลดดอกเบี้ยต่ออีกครั้งในการประชุมเดือนมิถุนายน
EYES ON
18 เม.ย. : เข้าสู่ช่วงรายงานงบ 1Q68
นักกลยุทธ์ : ธีรเศรษฐ์ พรหมพงษ์, ชาญชัย พันทาธนากิจ, ออมทรัพย์ โง้วศิริ