Market Wrap-Up
· SET วันที่ 17 เม.ย.68 ปิด +2.38 จุด อยู่ที่ 1,141.28 จุด มูลค่าการซื้อขาย 29,646 ลบ.สถาบันซื้อ 738 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 366 ลบ. ต่างชาติขาย 223 ลบ. และรายย่อยขาย 148 ลบ. NVDR มียอดขายสุทธิ 1,567 ลบ.โดยมียอดซื้อในหุ้น BH,TTB,CPAXT,BEM,TOP และยอดขายหุ้น GULF,KTB,AOT,PTTEP,ADVANC มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 1,643 ลบ. หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ HMPRO,SCC,SAWAD โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Short ใน Index Futures จำนวน 8,353 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Long สุทธิรวม 46,274 สัญญา ต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดพันธบัตรไทย 18,579 ลบ.
· ตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA -1.33%, S&P500 +0.13%, Nasdaq -0.13% จากแรงขายกลุ่มเฮลธ์แคร์ นำโดย United Health -22.38% จากคาดการณ์ผลประกอบการ Q1/68 ต่ำกว่าคาด ส่วนกลุ่มเทคโนโลยี -0.67% หลัง Nvidia -2.9% ถูกกดดันจาก ม.จำกัดการส่งออกชิปไปตลาดจีน ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 -0.13% จากแรงขายกลุ่มเทคโนโลยี, ธนาคาร แต่ยังได้แรงหนุนจากกลุ่มพลังงาน +1.6% หลัง ECB ลดดอกเบี้ยลง 0.25% ตามคาด
Market View
· ตลาดหุ้นสหรัฐวานนี้ DJIA ปรับลดลงจากแรงขายหุ้นกลุ่มประกัน นำโดย United Health -22.3% หลังปรับลดคาดการณ์กำไรปีนี้ลง สาเหตุมาจากต้นทุนทางการแพทย์ที่ปรับสูงขึ้น ส่วนกลุ่มผู้ผลิตชิป เช่น Nvidia ปรับลดลง หลังรัฐบาลสหรัฐได้จำกัดการส่งออกชิปรุ่น H20 ไปยังตลาดจีน ขณะที่กลุ่มพลังงาน +2.2% โดยวานนี้ ปธน.ทรัมป์ได้ขอให้ ปธ.เฟดปรับลดดอกเบี้ยลง และขู่จะปลดออกจากตำแหน่ง หากไม่ปฏิบัติตามคำร้องขอ ส่งผลให้ตลาดหุ้นสหรัฐยังผันผวนต่อนโยบายที่ไม่แน่นอนของ ปธน.ทรัมป์ ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจนั้น จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ลดลง 9,000 อยู่ที่ 215,000 ต่ำกว่าคาดที่ 225,000 ราย และตัวเลขเริ่มสร้างบ้าน มี.ค. อยู่ที่ 1.324 ล.ยูนิต ต่ำกว่าคาดที่ 1.42 ล.ยูนิต ค่ำวันนี้ตลาดหุ้นสหรัฐปิดในวันหยุด Good Friday
· ตลาดหุ้นยุโรปวานนี้ปรับลดลง จากแรงขายกลุ่มเทคโนโลยีและธนาคาร หลัง ECB มีมติปรับลดดอกเบี้ยลง 0.25% ส่งผลให้ดอกเบี้ยเงินฝากอยู่ที่ 2.25% เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจที่ถูกกดดันจาก ม.กีดกันการค้าของสหรัฐ ซึ่งอาจส่งผลให้กำไร บจ.ใน Stoxx600 Q1/68 มีโอกาส -3% & คาด +2.2% เป็นผลจากภาวะสงครามการค้า ส่วนค่ำวันนี้ตลาดหุ้นยุโรปปิดทำการในวันหยุด Good Friday และวันจันทร์ในวัน Easter
· ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ ดัชนีนิเกอิ +1.35% ได้แรงหนุนจากกลุ่มส่งออก ที่ได้ประโยชน์จากค่าเงินเยนอ่อนค่า กอปรกับผลการเจรจาข้อตกลงการค้าสหรัฐ – ญี่ปุ่นอยู่ในทิศทางบวก ซึ่งส่งผลบวกไปยัง Kospi เกาหลีใต้ +0.94% ที่กำลังรอเจรจรากับสหรัฐ ขณะที่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับขึ้น หลัง TSMC รายงานกำไร Q1/68 เพิ่มขึ้น +60% YoY
· SET วานนี้ +0.21% ปริมาณการซื้อขาย 2.96 หมื่น ลบ. สถาบันซื้อ 738 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 366 ลบ. ต่างชาติขาย 223 ลบ.และรายย่อยขาย 148 ลบ. โดยดัชนีได้แรงหนุนจากกลุ่มปิโตรเคมี จากคาดการณ์กำไร Q1/68 มีโอกาสฟื้นตัวจากฐานต่ำเมื่อเทียบกับปีก่อน และอาจได้ประโยชน์จากการนำเข้าก๊าซอีเทนจากสหรัฐ ซึ่งสามารถช่วยลดต้นทุนการผลิตปิโตรเคมี ส่วนกลุ่มธนาคารพาณิชย์ก็แรงซื้อเก็งกำไร ระหว่างรอรายงานกำไร Q1/68 โดย BB.Consensus คาด -0.8% YoY แต่ +8.1% QoQ จากคาดการณ์ค่าใช้จ่าย & สำรอง ECL ปรับลดลง QoQ โดยวานนี้ TISCO รายงานกำไร Q1/68 อยู่ที่ 1.64 พัน ลบ. -3.4% QoQ, -5.2% YoY เป็นผลจากรายได้ดอกเบี้ยปรับลดลง จากสินเชื่อหดตัว -0.4% QoQ และ NIM ลดลง 5 Bps QoQ เป็นจากการลดดอกเบี้ยของดอกเบี้ยนโยบาย และการพักดอกเบี้ยจ่ายของลูกหนี้ในโครงการคุณสู้ เราช่วย ส่วน BBL รายงานกำไร Q1/68 อยู่ที่ 12,618 ลบ. +21.3% QoQ, +19.9% YoY และดีกว่า BB คาด +11% เป็นผลจากกำไรสุทธิจากเงินลงทุน และรายได้ไม่ใช่ดอกเบี้ย +27.2% QoQ, +66.4% YoY กอปรค่าใช้จ่ายดำเนินงานปรับลดลง ขณะที่สำรอง ECL ใน Q1/68 เพิ่มขึ้น +18.8% QoQ, +5.7% YoY และ NPL ปรับขึ้นอยู่ที่ 3.0% & Q4/67 ที่ 2.7%
Daily Strategy
· ประเมินแนวรับดัชนี SET ที่ 1,130 แนวต้าน 1,150 คาดดัชนีได้แรงหนุน หลังแรงกดดันจากปัจจัยสงครามการค้าเริ่มลดลง โดยสหรัฐอยู่ในช่วงการเจรจาข้อตกลงการค้ากับประเทศต่าง ๆ และรออยู่ในช่วงรอรายงานกำไร Q1/68 ของกลุ่มธนาคาร แนะนำทยอยซื้อกลุ่มอาหาร & อุปโภค BTG,CBG,NEO เป็นหุ้นกลุ่มปลอดภัย
· BCPG* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 8.40 บาท) แนวโน้มปี 68 คาดกำไรปกติจะเติบโตด้วยผลของปรากฏการณ์ลานีญาที่เป็นบวกต่อ Hydro power plant ประกอบกับการทยอย COD โครงการพลังงานลม Monsoon (290Mwe ถือหุ้น 48%) ในลาวที่จะเริ่มช่วง 2H68 ปัจจัยบวกที่เหลือมาจาก BCPG มีสัดส่วนกำลังการผลิตไฟฟ้าในไทยน้อย ทำให้ได้รับผลกระทบอย่างจำกัดจากการแทรกแซงโดยภาครัฐ ขณะที่โรงไฟฟ้าในสหรัฐได้รับประโยชน์จากการเติบโตของธุรกิจ Data center ส่งให้ราคาขายไฟฟ้า (ค่าความพร้อมจ่าย) ในตลาดเสรีของสหรัฐฯ ปรับเพิ่มขึ้นในครึ่งปีหลัง มองว่าปี 68 ไม่มีตั้งสำรองเพิ่มกรณีลูกหนี้ในลาว ทั้งนี้ตลาดคาดกำไรปี 68 ที่ 1.5 พันล้านบาท และปี 69 ที่ 1.8 พันล้านบาท +19%YoY
· PR9* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย Bloomberg Consensus 28.51 บาท) Bloomberg Consensus คาดกำไร 1Q68 อยู่ที่ 194 ลบ.(+22%YoY, -6%QoQ) อ่อนตัว QoQ ตามฤดูกาล แต่ยัง +YoY ดี คาดจากแรงหนุนในประเทศ(เช่น ไข้หวัดใหญ่, ฝุ่น PM 2.5) และกลยุทธของ PR9* ที่ทำการตลาดไปหาผู้ป่วยต่างชาติมากขึ้น(อย่างเช่น ชาติตะวันออกกลาง) ด้านPR9*เอง ปี68 นี้ ตั้งเป้ารายได้เติบโต +10 ถึง 20%YoY โดยบริษัทยังคงเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนคนไข้ต่างประเทศขึ้นราว 20% จากฐานคนไข้รวม ทั้งนี้ตลาดคาด กำไรสุทธิ ปี68 และ ปี69 ของ PR9* จะขยายตัวมาอยู่ที่ 816 ลบ.(+15%YoY) และ 903 ลบ.(+11%YoY) ตามลำดับ
Daily Key Factors
Oil Update(+) WTI พ.ค. +$2.21 อยู่ที่ $64.68 / บาร์เรล, Brent มิ.ย. +$2.11 อยู่ที่ $67.96/บาร์เรล ได้ปัจจัยหนุนความคาดหวังสหรัฐจะสามารถบรรลุข้อตกลงการค้ากับ EU หลังนายก ฯ อิตาลีได้เดินทางเยือนสหรัฐ กอปรกับราคาน้ำมันยังได้ปัจจัยหนุนจาก ม.คว่ำบาตรของสหรัฐต่อการส่งออกน้ำมันของอิหร่าน
Gold Update(-) Comex Gold มิ.ย.-$18.0 อยู่ที่ $3,328.40 /ออนซ์ ถูกแรงขายทำกำไร หลังราคาทองคำปรับขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ กอปรนักลงทุนคาดหวังบวกต่อการเจรจาข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐ – ญี่ปุ่น
Fund Flow(-) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP วานนี้ ขายสุทธิ -493.81 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นไทย -6.7 ล.ดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นอินโดฯ -486.91 ล.ดอลลาร์สหรัฐ และขายหุ้นฟิลิปปินส์ -0.21 ล.ดอลลาร์สหรัฐ
(0) ค่าเงินบาทเช้านีอ่อนค่าอยู่ที่ 33.329 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(0) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ปรับขึ้นอยู่ที่ 4.329 %
(+) ดัชนี BDI วานนี้ +20 จุด อยู่ที่ 1,261
(+) BitCoinเช้านี้ +0.87% อยู่ที่ 85,048 ดอลลาร์สหรัฐ
Economic Calendar
ในประเทศ
30 เม.ย. ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ครั้งที่ 2/2568
ธปท. รายงานภาวะเศรษฐกิจและการเงินไทย
สัปดาห์ที4 ส.อ.ท. แถลงยอดผลิตและส่งออกรถยนต์ รถจักรยานยนต์และชิ้นส่วน
ยานยนต์
กระทรวงพาณิชย์ แถลงภาวะการค้าระหว่างประเทศ
สัปดาห์ที5 สศอ.แถลงดัชนีอุตสาหกรรม
สศค.รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง, ภาวะเศรษฐกิจภูมิภาค,
ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค
ต่างประเทศ
23 เม.ย. US ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต (เม.ย.)
US ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการบริการ (เม.ย.)
US ยอดขายบ้านใหม่ (มี.ค.)
24 เม.ย. US สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ
US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก
US ยอดขายบ้านมือสอง (Existing Home Sales) (มี.ค.)
Theme Strategy
Theme หุ้นเด่น 1H68 เน้น หุ้นในธุรกิจใหม่ที่เป็น Trend ในอนาคต อย่าง Data Center รวมถึงหุ้นที่มีแนวโน้มกำไรปกติ 4Q67-1Q68 คาดออกมาดี และ หุ้นที่รับความผันผวนได้ดีจากความเสี่ยง Trade War/ธนาคารกลางหลักมีแนวโน้มชะลอการลดดอกเบี้ย
(1) กลุ่มธนาคารที่มี Sentiment บวกจากธนาคารกลางหลักมีแนวโน้มชะลอการลดดอกเบี้ย/มี Yield สูง BBL, KTB, KBANK, TISCO*, TTB*
(2) กลุ่มการอุปโภคบริโภค ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ CPALL, CPAXT*, CRC, NSL*, TNP*, OSP*
(3) กลุ่มโรงพยาบาล BDMS, BH, PR9*, SKR
(4) กลุ่มมีโอกาสเกี่ยวข้องกับการลงทุน Data Center/ธุรกิจ Trend อนาคต ADVANC,INTUCH*,TRUE,GULF*,AMATA
(5) กลุ่มสินค้า IT ที่ได้ประโยชน์จากการเปลี่ยนถ่ายเทคโนโลยี(เช่น AI function/ 4G to 5G) SYNEX*, ADVICE*, SIS*
(6) กลุ่มที่มี Sentiment บวกจาก Entertainment Complex BTS*, VGI*, MBK*, BA
**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย
Asset Allocation: Equity 50% Fixed Income 35% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 5%
Today Fundamental Research: -
Monthly Portfolio April 2025: CPALL, SYNEX*, KLINIQ, DOHOME*, BDMS
Analysts
Apichai Raomanachai
Fundamental and Technical Investment Analysis ID No. 002939
Tel 02-829-6999 Ext 2200
Email : apichai.ra@kfsec.co.th
Nopporn Chaykaew
Fundamental Analysis ID No. 043964
Tel 02-829-6999 Ext 2203
Email : noppoen.ch@kfsec.co.th
Nattawat Poosunthornsri
Fundamental Analysis ID No. 087077
Tel 02-829-6999 Ext 2204
Email : nattawat.po@kfsec.co.th
|