บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด ออกบทวิเคราะห์ เปิดเผยว่าคาด บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด(มหาชน) SCC จะรายงานกําไร 1Q25 ที่ 812 ล้านบาท -67% YoY แต่พลิกจาก 4Q24 ที่ขาดทุน 512 ล้านบาท
1) คาดธุรกิจซีเมนต์แอนด์กรีนโซลูชันส์และ SCGD ในไตรมาสที่มี EBITDA อยู่ที่3.2 พันล้านบาท -41% YoY, +7% QoQ โดยลดลง YoY จากสถานการณ์ตลาดสินค้าวัสดุก่อสร้างโดยรวมในประเทศที่ยังหดตัว โดยเฉพาะกลุ่มที่อยู่อาศัยที่ได้รับผลกระทบจากหนี้ครัวเรือนที่ยังอยู่ในระดับสูงในขณะที่ปรับดีขึ้น QoQ จาก Seasonal ที่ดีขึ้น และบริษัทได้มีการปรับส่วนลดให้กับ Distributors ลดลง (ราคาขายสงูขึ้น) ประมาณ 400 บาทต่อตันตังแต่ช่วง มี.ค. เป็นต้นมา Ê
2) คาดธุรกิจปิโตรเคมีในไตรมาสที่มี EBITDA อยู่ที่ 348 ล้านบาท -70% YoY, -70% QoQโดยลดลง YoY จาก Spread ที่ยังถกูกดดันและค่าใช้จ่ายLSP ในขณะที่ลดลง QoQ จากปริมาณขายที่ปรับลดลง จากในช่วง 4Q24 ยังมีสินค้าที่ผลิตจากโครงการ LSP อยู่แต่บริษัทได้หยุดโครงการดังกล่าวไปตั้งแต่ช่วง
ต.ค. 24 ทังนี้คาดว่าปริมาณขายจะอยู่ราว4.1 แสนตัน +34% YoY, -26% QoQ
ไม่มีแผนการซื้อหุ้นคืน
บริษัทยังคงมุ่งเน้นในการรักษาcash flow ของบริษัทให้อยู่ในสถานะที่แข็งแกร่ง ตัดขายธุรกิจที่ไม่จําเป็นออกไป และการ Deleveraging ดังนนจึงไม่มีแผนในการที่จะซื้อหุ้นคืนแต่ยังคงเน้นการดูแลผู้ถือหุ้นผ่านการจ่ายปันผลที่สม่ำเสมอ
คงราคาเป้าหมายที่ 194 บาท อิง PBV ที่ 0.65 เท่า ซึ่งเป็นระดับสมัยเกิดวิกฤต Subprime ปี 2008 และยังคงคําแนะนํา Trading Buy ปัจจุบันราคาหุ้น Trade PBV ต่ำกว่า -2SD ในอดีตแล้วซึ่งถึงว่าราคาค่อนข้างถูกมากแต่ต้องถือระยะยาว ระยะกลางกําไรอาจจะยังไม่ฟื้น แต่ถ้าผ่านพ้นรอบของวัฏจักรปิโตรเคมีขาลงไปแล้ว จะกลับมาฟื้นตัวโดดเด่นได้อีกครั้ง
ความเสี่ยง: ความผันผวนของ Spread ปิ โตรเคมีและการชะลอตัวของเศรษฐกิจ
แม้ปัจจัย Trade War ยังเป็นปัจจัยเสี่ยงที่มีความไม่แน่นอน แต่ราคาน้ำมันที่ปรับลดลงมาค่อนข้างมากจะส่งผลดีต่อบริษัทโดยต้นทุน Naphtha ที่มีราคาอ้างอิงกับน้ำมันจะปรับลดลงด้วย โดยทุกๆ USD100/ton Naphtha ที่ลดลง คาดว่า EBITDA ของบริษัทจะเพิ่มขึ้นราว 4 พันล้านบาทต่อปี นอกจากนี้จากราคาน้ำมันที่ปรับลดลงส่งผลให้ส่วนต่าง HDPE-Naphthaปรับดีขึ้น และถ้าส่วนต่างดังกล่าวถึง USD400/ton บริษัทก็จะสามารถกลับมาเดินเครื่องโครงการ LSP ได้ทันที และแนวโน้มค่าเงินบาทที่อ่อนค่าจะส่งผลดีเช่นกัน โดยทุกๆ 1 บาทที่อ่อนค่าลง EBITDA ของบริษัทจะเพิ่มขึ้นราว 1 พันล้านบาท ทั้งนี้ เรายงัคงประมาณการกําไรปี 2025 ที่ 1 หมื่นล้านบาท