Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.บัวหลวง : รอบด้านตลาดหุ้น

249



สรุปภาพตลาดวานนี้


หุ้นไทยบวกแรงตามตลาดโลก หลังสหรัฐฯ ระงับการใช้ภาษีฯ 90 วัน เปิดช่องการเจรจา หุ้นใหญ่นำบวกแรง DELTA KCE HANA GULF PTTEP ITC เป็นต้น และหุ้นกลาง-เล็กหลายบริษัทเล่นปิด Gap ที่ลงมาแรงเกินไปก่อนหน้า

แนวโน้มตลาดวันนี้

ลดความร้อนแรง ก่อนหยุดยาวสงกรานต์
การที่สหรัฐฯ เลื่อนเก็บภาษีออกไป 90 วัน ทำให้หุ้นโลกรีบาวด์วานนี้ และหากดูจากหุ้นไทยที่ขึ้นแรง เป็นกลุ่มที่เล่นกลับปิด Gap ที่ลงมาเป็นส่วนใหญ่ และเป็นกลุ่มที่เคยถูกมองว่าเสียประโยชน์จากภาษีทรัมป์ เช่น อิเล็กทรอนิกส์ ปิโตรเคมี ยาง อาหารสัตว์-อาหารทะเล เป็นต้น ดังนั้น ยังตัดสินไม่ได้ว่า สิ้นสุดขาลงแล้ว หรือแค่เป็นลักษณะ Dead Cat Bounce ต้องรอดูความต่อเนื่องระยะหนึ่ง


ประเด็นที่ยังไม่แน่นอนของการเจรจาระหว่างคู่หลักอย่างสหรัฐฯ-จีน ยังคงมีอยู่ โดยเฉพาะจากภาษีที่ตั้งกำแพงต่อจีนถึง 145% และเริ่มมีบริษัทสหรัฐฯ ชะลอการซื้อของจากจีนแล้ว ซึ่งสุดท้ายจะกระทบไปที่ Supply Chain ในเอเชียอยู่ดี (เราส่งออกไปจีน 12% อันดับสอง รองจากสหรัฐฯ ที่ 18%) ทำให้ช่วง 1-2 วันนี้ จะเห็นจีนออกมาตอบโต้ หรือ การเจรจารูปแบบใด


ภาพ SET ในเชิงเทคนิคก็เห็นว่ายังติดแนวต้านใกล้ๆ 1150 อยู่ และคาดว่าร้อนแรงลงในวันนี้ เพราะเป็นวันสุดท้ายก่อนหยุดยาวสงกรานต์ ที่อยู่บนความไม่แน่นอนของสถานการณ์การค้าโลกอยู่แล้วด้วย ประกอบกับนโยบายกำหนด Floor/Ceiling +/-15% ของตลาดจะจบวันนี้ (และรอว่าจะต่ออายุหรือไม่)
ดังนั้น วันนี้ควรจะลดสัดส่วนการเก็งกำไรลง และไปอยู่ในหุ้นที่สามารถ “ถือข้ามสงกรานต์” ได้อย่างปลอดภัยมากกว่าการเทรดเพียงอย่างเดียว (เทรดควรจบ ในวัน หรือเลือกธีมที่ยัง Laggard) โดยหลักๆ จะเป็นกลุ่ม

1) Defensive ที่ความผันผวนของกำไรจากประเด็นสงครามการค้าต่ำ เช่น ADVANC TRUE CPALL CPAXT และ
2) กลุ่มที่เพิ่งฟื้นตัวและอาจจะมีปัจจัยหนุนพิเศษ เช่น GFPT (ไม่ได้กระทบจาก US โดยตรงมาก และอาจจะเป็นหลุมหลบภัยของกลุ่มเกษตรฯ หากมีประเด็นเจรจากลับเข้ามาอีก) HMPRO (มาตรการช่วยซ่อมบ้านและคอนโด) OR (มีศักยภาพในการซื้อหุ้นคืน ตามที่เราเคยวิเคราะห์ไว้) STECON (แนวโน้มกำไร 1Q25 แกร่ง และมี Sentiment บวกจากข่าวช่วงนี้ รวมทั้งโอกาสที่รัฐฯ จะเร่งลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรักษา GDP Growth ไว้) เป็นต้น


นอกจากการเจรจาการค้า แนะนำติดตามพัฒนาการสำคัญช่วงวันหยุดนี้อย่าง การเมืองสหรัฐฯ ทั้งการชุมนุมประท้วงการใช้มาตรการการค้าที่รุนแรงเกินไป รวมทั้งการโต้กลับจากฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง อย่างกรณีร้องให้สอบสวนทรัมป์ กรณี Insider Trading, การอ่อนตัวของ Dollar Index, รวมทั้งการทยอย ปรับลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางประเทศต่างๆ

 

 


กลยุทธ์การลงทุน

หลังเราเริ่มเก็บหุ้นเข้าพอร์ตฯ เรายังติดตามพัฒนาการสำคัญ เพื่อใช้กำหนดทิศทางในการปรับพอร์ตรอบถัดไป
1) การเจรจาจากที่ ทรัมป์ เผย มี 75 ประเทศพร้อมยอมเจรจา และหาหุ้นที่มาตรการภาษีตอบโต้กลายเป็นบวกต่อต้นทุนและสินค้านำเข้า
2) การเมืองสหรัฐฯจากการชุมนุม การใช้อำนาจสภาฯ อาจพลิกสถานการณ์ ทำให้ภาษีตอบโต้ ถูกดอง เพราะกลัวเสียคะแนนเสียงเลือกตั้งกลางเทอม รวมทั้งมีประเด็นครหาว่าทรัมป์ใช้ Insider trading หรือไม่ ก่อนประกาศระงับขึ้นภาษีฯ
3) การตอบโต้ และการเจรจากับจีน ว่าจะจบลงตรงไหน แบบไหน รวมทั้งดัชนีชี้นำทิศทางสินทรัพย์ต่างๆ เช่น Dollar Index
4) คนเริ่มคาดการณ์กันแล้วว่า ธนาคารกลางต่างๆ จะเร่งลดดอกเบี้ย รวมทั้ง เฟด ด้วย ส่วนไทยมีลุ้นลดปลายเดือนนี้ ซึ่งอาจทำให้บรรยากาศลงทุนหุ้นไทยดีขึ้นกว่าเดิม
5) การต่ออายุมาตรการห้าม Short Sell (เว้นกลุ่มที่ขึ้นทะเบียนฯ) ของตลาด

วิเคราะห์ทางเทคนิค

หุ้นโลกฟื้น SET ดีดเด้ง…ไม่รอแล้วนะ คาดเป็น big shot รีบาวด์ลูกใหญ่ หลังถูกเทกระจาด ร่วงหนักสุดนับตั้งแต่ปี covid ปัจจุบันดัชนีผ่านการ drawdown ปรับตัวลงมาแล้วทั้งสิ้นถึง -22% YTD ส่วนมุมองกราฟเทคนิค…มีโอกาสเกิดภาพ V-shape recovery! ลงลึก เด้งแรง+เร็ว ประเมินจุดต้านตามตัวเลข Fibonacci retracement 23.6% และ 38.2% จะอยู่บริเวณ 1,155 จุด และ 1,200 จุดตามลำดับ…
Note: ดัชนีวันนี้อาจพักก่อนวันหยุดยาว โซนรับ 1,120 สู้ไหว ลุ้นกราฟ week ปิดสวยๆ ปิด high กันครับ

 

What to watch
Dollar Index อ่อนตัวลงระดับ 100.5 หรือต่ำสุดในรอบ 6 เดือน เป็นตัวชี้นำว่ามีการเทขายสินทรัพย์ในรูปดอลลาร์ออกมามาก โดยเฉพาะพันธบัตรสหรัฐฯ ซึ่งอาจจะส่งผลต่อความเชื่อมั่นในระยะถัดไป
สว. สหรัฐฯ บางราย เสนอให้สอบสวนทรัมป์ กรณี Insider Trading หรือไม่ จากการระงับการขึ้นภาษีฯ และทรัมป์ได้โพสต์ใน Truth Social ชี้นำการซื้อหุ้นก่อนประกาศ // ตามต่อว่าจะเป็นประเด็นสอบสวนขึ้นจริงจัง หรือจบแค่นี้
สหรัฐฯ สรุปการขึ้นภาษีนำเข้าจีน 145% (ไม่ใช่ 125% แบบที่คนเข้าใจ เพราะต้องรวมลงโทษกรณีเฟนทานิลด้วย 20%) และหลายฝ่ายมองว่าหากไม่มีการเจรจา เป็นเหมือนการยุติการค้าระหว่างกัน โดยหลายบริษัทในสหรัฐฯ ก็เริ่มขอยกเลิกออเดอร์จากจีนแล้ว ทำให้เริ่มมีความกังวลจากหลายประเทศว่าจะเกิดการนำสินค้ามาระบายไปในประเทศต่างๆ
จีน ได้เพิ่มรายชื่อ 12 บริษัท สหรัฐฯ เข้าบัญชีคุมการส่งออก อ้างภัยความมั่นคง โดยต้องยื่นคำขอให้อนุมัติล่วงหน้าก่อนส่งออก รวมทั้งลดการนำเข้าภาพยนต์จากสหรัฐฯ // รอติดตามฝั่งสหรัฐฯ จะมีการใช้มาตรการ Non-tariff อะไรมาตอบโต้ และจะมีผลเชื่อมโยงหุ้นกลุ่มไหน
ด้าน EU ชะลอมาตรการตอบโตสหรัฐฯ ออกไป 90 วัน เช่นกัน เพื่อให้ล้อไปกับที่ทรัมป์ยอมถอย

ทรัมป์ ปรับเกณฑ์การส่งออกอาวุธ เพื่อรองรับการจำหน่ายให้กับชาติพันธมิตรให้ง่ายขึ้น (เป็นหนึ่งในสัญญาณสินค้าที่จะใช้เจรจา)
ตัวเลข CPI สหรัฐฯ มี.ค. รายงานวานนี้ที่ +2.4% YoY (และ Core CPI +2.8% YoY) ต่ำกว่าที่ตลาดคาดที่ +2.5% YoY (และ +3.0% YoY ตามลำดับ)

หุ้นแนะนำวันนี้

TRUE คงแนะหุ้นกลุ่มปลอดภัย และฐานกำไรดูแกร่งขึ้นต่อ เพราะใกล้ช่วงหยุดยาวไทย และเป็นหัวเลี้ยวหัวต่อของการต่อรองระหว่าง US-จีน ที่อาจเกิดขึ้นช่วงเราหยุด
แนวรับ 11.5 ต้าน 12.2 และ 12.8 Stop loss 11.0

 

 

 

 

 

รายงานพื้นฐานวันนี้

Finance Sector
เส้นทางข้างหน้ายากยิ่งขึ้น
เราคาดว่ากลุ่มการเงินจะได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจชะลอตัวลง จากการปรับขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ โดยเราไปศึกษาข้อมูลในอดีตพบว่าทิศทาง NPLs/loans ratio ของกลุ่ม Retail Finance มีความสัมพันธ์ในทางตรงข้าม (negative correlation) ที่ค่อนข้างสูงกับทิศทางการเติบโตของ GDP และรายได้ของเกษตกร ซึ่งก็แปลว่าทิศทาง NPLs มักจะปรับเพิ่มขึ้น ในช่วงที่เศรษฐกิจและ/หรือรายได้ของเกษตรกรชะลอตัว ทำให้เรามีการปรับลดประมาณการกำไรกลุ่ม Retail Finance ลงเล็กน้อย 2% จากการปรับเพิ่มสมมติฐาน credit cost ปี 2025 ขึ้น 14 bps

ส่วนกลุ่มบริหารสินทรัพย์ เราประเมินว่าลูกค้าในกลุ่มบริหารสินทรัพย์เป็นกลุ่มที่ค่อนข้างเปราะบาง เนื่องจากเคยผ่านการเป็นหนี้เสียมาแล้ว โดยเราไปศึกษาข้อมูลในอดีตพบว่าทิศทางการจัดเก็บเงินสดของ JMT จะได้รับผลกระทบในช่วงที่การส่งออกและ/หรือรายได้เกษตรกรชะลอตัว ส่วนการจัดเก็บเงินสดของ BAM ก็จะได้รับผลกระทบในช่วงที่ธนาคารเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ ทำให้เราปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปีนี้ของกลุ่มบริหารสินทรัพย์ลง 5%

Fundamental view: เรายังคงน้ำหนักการลงทุนกลุ่ม Retail Finance “เท่าตลาด” และเลือก MTC และ TIDLOR เป็น top picks ของกลุ่ม เนื่องจากเราคาดว่าทิศทางคุณภาพสินทรัพย์จะยังอยู่ในเกณฑ์ดีต่อเนื่องในปีนี้

ส่วนกลุ่มบริหารสินทรัพย์เราได้ปรับลดน้ำหนัการลงทุนลงจาก “เท่าตลาด” เป็น “น้อยกว่าตลาด” และปรับลดคำแนะนำ JMT ลงเป็น ขาย (เดิม ซื้อ) และยังคงแนะนำ ขาย BAM

 


Residential Property Sector
โอกาสออกสุดท้าย
ปกติแล้วไตรมาส 1 จะเป็นไตรมาสที่ต่ำที่สุดของกลุ่มอสังหาฯ แต่ไม่ใช่สำหรับในปีนี้ เรามองว่ากลุ่มอสังหากำลังจะเผชิญการปรับฐานครั้งใหญ่ใน 2Q25 โดยเฉพาะยอด presales ที่จะเจอปัญหา 3 อย่างด้วยกัน 1) วันหยุดยาวในเดือนเมษายน 2) แผ่นดินไหวที่กระทบต่อกำลังซื้อคอนโด และ 3) สุญญากาศของคนที่อยากซื้อบ้าน แต่รอมาตรการ LTV ที่จะเริ่มใช้ใน เดือนพฤษภาคมนี้

ดังนั้นเรามองว่าตอนนี้เป็นจังหวะในการลดการถือหุ้น (Exit) อสังหาฯ โดยเฉพาะตัวที่มีผลการดำเนินงานด้อยกว่าเพื่อน โดยเราแนะนำขาย LH SC และ SPALI แต่ยังคงคำแนะนำถือ AP กับ SIRI ที่เป็น presales ยังเติบโตเด่นกว่ากลุ่ม


หากมาดู presales ยอดรวม 1Q25 อยู่ที่ 4.3 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% YoY และ 6% QoQ โดย SIRI ทำ presales ได้ที่ 1.3 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 40% YoY และ 31% QoQ ตามมาด้วย AP ที่ 1.2 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 25% QoQ และ 18% QoQ ที่เหลือปรับตัวลดลง โดยเฉพาะ SC และ LH ที่ปรับตัวลงแรงกว่า 30% YoY และในส่วนกำไร เรามองว่ากำไร 1Q25 รวมจะออกมาทำจุดต่ำสุดในรอบ 10 ปี หลายบริษัท เช่น LH PSH และ SC
Fundamental View: ดังนั้น เราจึงได้มีการปรับประมาณการกำไรใหม่ของ LH SC และ SPALI และปรับคำแนะนำเป็นขาย โดยมีราคาเป้าหมายใหม่ของ LH ที่ 3.5 บาท SC ที่ 2 บาท และ SPALI ที่ 16 บาท

 


Electronics Sector
คลื่นอีกหลายลูก
เราประเมินการพักเรื่องภาษีส่งผลบวกต่อกลุ่ม และหนุนการรีบาวด์ของหุ้น ตามที่ได้กล่าวถึงในรายงานฉบับวันที่ 9 เม.ย. จากนี้เราประเมินหุ้นในกลุ่มจะมีการย่อสลับเด้งก่อนที่จะมีการขายทำกำไรในช่วงงบ 1Q25 ซึ่งคาดน่าจะอ่อนแอ และรีบาวด์อีกครั้งเพื่อรับประเด็นบวกจากการเร่งออเดอร์ใน 2Q25
อย่างไรตามจะตามมาด้วยการชะลอตัวลงของออเดอร์ในช่วง 3Q25 ไม่ว่าผลการเจรจาจะออกมาเป็นอย่างไร ในด้านของการแข่งขันคู่แข่งของแต่ละบริษัทล้วนผู้ฐานการผลิตในจีน แต่ยังมีฐานการผลิตในที่อื่น คาดจะเห็นการย้านฐานในกลุ่มก่อน แต่ในด้านของ DELTA มีโอกาสที่จะเห็นการย้ายคำสั่งซื้อบางส่วนจากบริษัทแม่ แต่คาดจะมาด้วย Royalty fee ที่สูง


สรุปประเด็นจาก Quick take

SCGP
เอสซีจี แพคเกจจิ้ง
มุมมองต่อการประชุมนักวิเคราะห์
ขัอมูลจากการประชุมนักวิเคราะห์ confirm มุมมองของเราต่อแนวโน้มกำไร 1Q25 ที่จะดีขึ้น QoQ (คาดกำไรสุทธิ 712 ล้านบาท, ลดลง 59% YoY แต่ turnaround QoQ)

View From Fundamental: แนวโน้มการเติบโต QoQ ของกำไร 1Q25 และแนวโน้มที่ดีต่อเนื่องใน 2Q25 น่าจะเป็นปัจจัยหนุนราคาหุ้น

 

วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค
นภนต์ ใจแสน นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน
ภูวดล ภูสอดเงิน, AISA นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

1200 แตก By: แม่มดน้อย

แม่ดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ และแล้ว ดัชนีตลาดหุ้นไทย ก็แตก 1,200 จุด ด้วยพ่อใหญ่อย่าง DELTA แม่ใหญ่ AOT เป็นหัวหอก....

FTI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติไฟเขียวทุกวาระ จ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น

FTI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติไฟเขียวทุกวาระ จ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้