Market Wrap-Up
- SET วันที่ 10 เม.ย.68 ปิด +45.77 จุด อยู่ที่ 1,133.95 จุด มูลค่าการซื้อขาย 50,222 ลบ.สถาบันซื้อ 1,407 ลบ. พอร์ตโบรกซื้อ 1,652 ลบ. ต่างชาติซื้อ 957 ลบ. และรายย่อยขาย 4,017 ลบ. NVDR มียอดซื้อสุทธิ 13 ลบ.โดยมียอดซื้อในหุ้น PTT,ADVANC,CRC,CPF,TRUE และยอดขายหุ้น KBANK,KTB,SCB,GULF,CPALL มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 35 ลบ.หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ TDEX,HKCE01,CBG โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Long ใน Index Futures จำนวน 13,167 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Long สุทธิรวม 53,400 สัญญา ต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดพันธบัตรไทย 1,008 ลบ.
- ตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA -2.50%, S&P500 -3.46%, Nasdaq -4.31% จากแรงขายกลุ่มพลังงาน -6.4%, เทคโนโลยี -4.5% แม้ว่า ปธน.ทรัมป์จะเลือน ม.เก็บภาษีศุลกากรตอบโต้ออกไป 90 วัน แต่นักลงทุนยังกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจสหรัฐเสี่ยงถดถอย ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 +3.7% ได้แรงหนุนจากกลุ่มธนาคาร +5.2%, เหมืองแร่ +3.8% และพลังงาน +2.5% หลัง ปธน.ทรัมป์เลือนการเก็บภาษีศุลกากรเป็นเวลา 90 วัน
Market View
- ตลาดหุ้นสหรัฐวานนี้ปรับลดลง แม้ว่า ปธน.ทรัมป์จะเลื่อนการเก็บภาษีศุลกากรแบบตอบโต้ออกไป 90 วัน แต่ยังเรียกเก็บภาษีนำเข้ากับสินค้าจีนที่อัตรา 145% ส่งผลให้นักลงทุนกังวลเศรษฐกิจสหรัฐอาจเสี่ยงเข้าสู่ภาวะถดถอยได้ โดยดัชนี VIX Index ปรับขึ้นอยู่ที่ระดับ 40.72 บ่งชี้ความผันผวนยังอยู่ระดับสูง ขณะที่รายงาน US CPI มี.ค. ลดลงอยู่ที่4% & ก.พ. 2.8% & คาด 2.5% YoY แต่มิเชล โบว์แมน คณะกรรมการเฟดให้ความเห็นยังต้องรอประเมินผลกระทบจากนโยบายการค้าของ ปธน.ทรัมป์ ส่วนค่ำวันนี้ติดตาม ม.มิชิแกนจะรายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐ เม.ย. คาด 54.0 & มี.ค. 57.0 , คาดการณ์เงินเฟ้อสหรัฐ 1 ปีข้างหน้า มี.ค. คาดที่ 5.1% & ก.พ. 5.0 % และรายงานกำไร Q1/68 ของ JPMorgan, Morgan Stanly, Wells Fargo
- ตลาดหุ้นยุโรปวานนี้ปรับขึ้น ได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มธนาคาร, เหมืองแร่ และพลังงาน หลัง ปธน.ทรัมป์เลื่อนการเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้ออกไป 90 วัน ก่อนที่ EU กำลังจะตอบโต้สหรัฐด้วยการปรับขึ้นภาษีมูลค่า 2.1 หมื่น ล.ยูโร อย่างไรก็ตาม EU ถูกสหรัฐเรียกเก็บภาษีศุลกากรรถยนต์ที่ 25% และภาษีพื้นฐาน 10% ซึ่งยังต้องรอผลการเจรจากับผู้แทนการค้าสหรัฐ ขณะที่วันพฤหัสหน้า 17 มี.ค. ติดตามผลการประชุม ECB คาดมีโอกาสลดดอกเบี้ยลง 0.25% และเทรดเดอร์ยังคาด ECB มีโอกาสลดดอกเบี้ยอีก 3 ครั้งในปีนี้
- ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ ดัชนีนิเกอิ +9.13%, Kospi เกาหลีใต้ +6.6% ได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวของกลุ่มเทคโนโลยี, เซมิคอนดักเตอร์ หลัง ปธน.ทรัมป์เลื่อนการเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้เป็นเวลา 90 วัน ซึ่งช่วยลดแรงกดดันด้านสงครามการค้า ขณะที่ดัชนีเซี่ยงไฮ้ +1.16%, ฮั่งเส็ง +2.06% แม้ว่าจะถูกสหรัฐเก็บภาษีศุลกากรในอัตรา 145% แต่รัฐบาลจีนเตรียมออก ม.กระตุ้นเศรษฐกิจ หลัง CPI จีน มี.ค.-0.1% & ก.พ. -0.7% YoY ลดลงเป็นเดือนที่ 2 บ่งชี้กำลังซื้อผู้บริโภคจีนยังอยู่ในภาวะชะลอตัว
- SET วานนี้ +4.21% ปริมาณการซื้อขาย 5.0 หมื่น ลบ. สถาบันซื้อ 1,407 ลบ. พอร์ตโบรกซื้อ 1,652 ลบ. ต่างชาติซื้อ 957 ลบ. และรายย่อยขาย 4,017 ลบ. ได้แรงหนุนจากหุ้น Big Cap. ในกลุ่มอิเล็กฯ, พลังงาน, ปิโตรเคมี, ไอซีที และธนาคาร หลัง ปธน.ทรัมป์ประกาศเลือน ม.เก็บภาษีศุลกากรตอบโต้เป็นเวลา 90 วัน ส่งผลให้ประเทศคู่ค้าของสหรัฐกว่า 70 ประเทศมีเวลาเจรจาทำข้อตกลง และช่วยลดปัจจัยเสี่ยง Supply Chain ขาดช่วง ซึ่งอาจเป็นปัจจัยเร่งให้อัตราเงินเฟ้อโลกปรับสูงขึ้น โดยนักลงทุนได้เริ่มทำการ Cover Short หลังปัจจัยเสี่ยงสงครามการค้าลดลงระดับหนึ่ง กอปรกับ Valuation ของ SET ก็อยู่ในโซนถูกเทรดที่ F/PE 13X และยังอาจได้แรงซื้อหุ้นในกลุ่ม ESG ที่มีเรตติ้งดี และราคาหุ้นลดลงแรง เช่น กลุ่มนิคมฯ, โรงไฟฟ้า, ปิโตรเคมี, สาธารณูปโภค มีโอกาสจะได้เม็ดเงินหนุนจากกองทุน Thai ESGX ที่จะเปิดขายใน พ.ค. – มิ.ย. นี้ ขณะที่กลุ่มส่งออกอิเล็ก ฯ, สินค้าเกษตร, อาหารแปรรูป, อาหารสัตว์เลี้ยง คาดยอดขายได้ในช่วง Q2 – Q3 นี้ ยังอยู่ในแนวโน้มบวก จากการเร่งสต็อคสินค้าของประเทศคู่ค้าก่อน ม.ปรับขึ้นภาษีของสหรัฐ
Daily Strategy
- วางแนวรับดัชนี SET ที่ 1,110 – 1,120 แนวต้าน 1,140 – 1,150 คาดดัชนีทรงตัวในกรอบ เนื่องจากตลาดหุ้นไทยติดวันหยุดยาวในช่วงสงกรานต์ ขณะที่ตลาดหุ้นต่างประเทศยังมีความผันผวน แนะนำทยอยซื้อกลุ่มอาหาร เช่น CPF,GFPT,TFG,TU,ASIAN,AAI,ITC,XO มีโอกาสเร่งสต็อคสินค้าจากประเทศคู่ค้า / พักเงินในกลุ่มปลอดภัย เช่น ADVANC,GULF,PR9,BCH,OR
- FM* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 7.20 บาท) กลุ่มส่งออกไก่มีปัจจัยหนุนจากประเทศตะวันตกและเอเชียเหนือได้รับผลกระทบจากโรคไข้หวัดนกระบาด ซึ่งทำให้ปริมาณส่งออกจากไทยเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ FM ตั้งเป้ารายได้ในปี 68 เติบโต +12-15%YoY แบ่งเป็น ธุรกิจไก่ปรุงสุก (Cook added value : CAV) +20-25% จาก demand ที่สูงขึ้น และการขยายกำลังการผลิตในปีก่อน ส่วนธุรกิจไก่สดชำแหละ +5-7% จากการขยายตลาดส่งออกใหม่ๆ นอกจากนี้คาด GPM ยังได้อานิสงส์จากต้นทุนอาหารสัตว์ที่ลดลงทั้งกากถั่วเหลืองและข้าวโพด สำหรับแผนระยะยาวบริษัทตั้งเป้าหมายยอดขาย 1 หมื่นล้านบาทในปี 70 จากการขยายฐานลูกค้าในกลุ่มร้านอาหาร quick service restaurant และลูกค้าใหม่ที่มีศักยภาพ โดยจะลงทุนเพิ่มประสิทธิภาพกำลังการผลิต และทำระบบ automation ด้านฐานะทางการเงินเข้มแข็งด้วย D/E ต่ำ ROE สูง สามารถจ่าย Yield ได้สูง และ Valuation ปัจจุบันไม่แพง
- NSL* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 83บาท) กำไรสุทธิ 4Q67 อยู่ที่ 147 ลบ. +44%YoY +9%QoQหนุนด้วย High Season, ม.กระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐฯหนุนกำลังซื้อผู้บริโภค รวมถึงสินค้าใหม่ๆยังตาม trend เช่น ข้าวโพดอบชีสเบคอน,ช็อกโกแลตดูไบ(Bake a Wish) ส่วนปี68 คาดว่าจะมีปัจจัยบวกต่อเนื่องจากโรงงานใหม่ที่พึ่งเสร็จสิ้นใน 4Q67(NSL FOODS สาขา5)รวมถึงการออกสินค้าใหม่ๆ ซึ่ง 1Q68 จะมีสินค้าใหม่ เช่น ช็อกโกแลตโมจิทาร์ต, โรตีข้าวโพดชีส เป็นต้น โดย NSL วางเป้ารายได้ปี68 โตราว +16-17%YoY ทั้งนี้ตลาดคาดว่าปี68 และ69 กำไรสุทธิของ NSL* จะอยู่ที่ระดับ 602 ลบ. (+11%YoY) และ 679 ลบ.(+13%YoY)
Daily Key Factors
Oil Update(-) WTI พ.ค. -$2.28 อยู่ที่ $60.07 / บาร์เรล, Brent มิ.ย. -$2.15 อยู่ที่ $63.33/บาร์เรล แม้ว่า ปธน.ทรัมป์เลื่อนการเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้ออกไป 90 วัน แต่ยังกดดันจีนด้วยการปรับขึ้นภาษีศุลกากรในอัตรา 145% ส่งผลให้จีนอาจลดการนำเข้าน้ำมันดิบจากสหรัฐ โดยตัวเลขส่งออกน้ำมันไปจีน มี.ค. ลดลลงเหลือ 112,000 บาร์เรล/วัน
Gold Update(+) Comex Gold มิ.ย.+$98.10 อยู่ที่ $3,177.50 /ออนซ์ สัญญาทองคำทำจุดสูงสุดใหม่ โดยเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย และได้แรงหนุนจาก Dollar Index อ่อนค่า -1.99% อยู่ที่ 100.866
Fund Flow(-) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP วานนี้ขายสุทธิรวม -18.66 ล.ดอลลาร์สหรัฐ โดยซื้อหุ้นไทย +28.04 ล.ดอลลาร์สหรัฐ , ขายหุ้นอินโด ฯ -44.78 ดอลลาร์สหรัฐ ,ขายหุ้นฟิลิปปินส์ -1.92 ล.ดอลลาร์สหรัฐ
(0) ค่าเงินบาทเช้านีอ่อนค่าอยู่ที่ 34.74 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(0) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ปรับขึ้นอยู่ที่ 4.490 %
(+) ดัชนี BDI วานนี้ +10 จุด อยู่ที่ 1,269
(-) BitCoinเช้านี้ -3.66% อยู่ที่ 79,318 ดอลลาร์สหรัฐ
Economic Calendar
ในประเทศ
สัปดาห์ที3 ส.อ.ท. แถลงดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม
สัปดาห์ที4 ส.อ.ท. แถลงยอดผลิตและส่งออกรถยนต์ รถจักรยานยนต์และชิ้นส่วน
ยานยนต์
กระทรวงพาณิชย์ แถลงภาวะการค้าระหว่างประเทศ
ต่างประเทศ
11 เม.ย. US ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) (มี.ค.)
16 เม.ย. CN ดัชนีจีดีพี (GDP) ของจีน (ปีต่อปี) (ไตรมาส 1)
EU ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) (ปีต่อปี) (มี.ค.)
US ดัชนียอดขายปลีก (มี.ค.)
17 เม.ย. EU การตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย (เม.ย.)
EU การแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนของธนาคารกลางแห่งยุโรป
US สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ
US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก
US ดัชนีภาคการผลิตจากธนาคารกลางรัฐฟิลาเดลเฟีย (เม.ย.)
Theme Strategy
Theme หุ้นเด่น 1H68 เน้น หุ้นในธุรกิจใหม่ที่เป็น Trend ในอนาคต อย่าง Data Center รวมถึงหุ้นที่มีแนวโน้มกำไรปกติ 4Q67-1Q68 คาดออกมาดี และ หุ้นที่รับความผันผวนได้ดีจากความเสี่ยง Trade War/ธนาคารกลางหลักมีแนวโน้มชะลอการลดดอกเบี้ย
(1) กลุ่มธนาคารที่มี Sentiment บวกจากธนาคารกลางหลักมีแนวโน้มชะลอการลดดอกเบี้ย/มี Yield สูง BBL, KTB, KBANK, TISCO*, TTB*
(2) กลุ่มการอุปโภคบริโภค ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ CPALL, CPAXT*, CRC, NSL*, TNP*, OSP*
(3) กลุ่มโรงพยาบาล BDMS, BH, PR9*, SKR
(4) กลุ่มมีโอกาสเกี่ยวข้องกับการลงทุน Data Center/ธุรกิจ Trend อนาคต ADVANC,INTUCH*,TRUE,GULF*,AMATA
(5) กลุ่มสินค้า IT ที่ได้ประโยชน์จากการเปลี่ยนถ่ายเทคโนโลยี(เช่น AI function/ 4G to 5G) SYNEX*, ADVICE*, SIS*
(6) กลุ่มที่มี Sentiment บวกจาก Entertainment Complex BTS*, VGI*, MBK*, BA
**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย
Asset Allocation: Equity 50% Fixed Income 35% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 5%
Today Fundamental Research: -
Monthly Portfolio April 2025: CPALL, SYNEX*, KLINIQ, DOHOME*, BDMS
Analysts
Apichai Raomanachai
Fundamental and Technical Investment Analysis ID No. 002939
Tel 02-829-6999 Ext 2200
Email : apichai.ra@kfsec.co.th
Nopporn Chaykaew
Fundamental Analysis ID No. 043964
Tel 02-829-6999 Ext 2203
Email : noppoen.ch@kfsec.co.th
Nattawat Poosunthornsri
Fundamental Analysis ID No. 087077
Tel 02-829-6999 Ext 2204
Email : nattawat.po@kfsec.co.th