Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.ทิสโก้ : NEO คงคำแนะนำ “ซื้อ” มูลค่าเหมาะสม 40.50 บาท

263

 

Company Note
Neo Corporate

ตลาดต่างประเทศกลับมาฟื้นตัวแต่อัตรากำไรลดลงตามต้นทุนที่เพิ่มขึ้น

ภาพรวมรายได้คาดเติบโต 5% YoY ตามสมมติฐานปี 2025F ของเรา (ต่ำกว่าเป้าหมายระยะสั้น-กลางของ NEO ที่ 10%) ส่งผลให้แนวโน้มกำไรสุทธิยังไม่น่าตื่นเต้นเบื้องต้นคาดอยู่ที่ 215 ล้านบาทเพราะเริ่มรับรู้ต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้นรวมถึงค่าเสื่อมราคาจากโรงงานแห่งใหม่ อย่างไรก็ดีเราคาดรายได้จากการส่งออกจะเริ่มกลับมาฟื้นตัวได้ YoY จากฐานต่ำและการเพิ่มสินค้าใหม่ๆ ในขณะที่แนวโน้ม 2Q25F คาดว่าผลประกอบการจะยังอ่อนตัว YoY จากฐานสูงและทรงตัว QoQ เพราะสัดส่วนสินค้า Household ที่เพิ่มขึ้นมีอัตรากำไรต่ำกว่ากลุ่ม เริ่มรับรู้ค่าเสื่อมราคาและดอกเบี้ยจากโรงงานใหม่เต็มไตรมาสรวมถึงต้นทุนวัตถุดิบที่ยังทรงตัวในระดับสูงในช่วงต้นปี ในขณะที่เรามองว่าตลาด Pet Care ยังไม่มีนัยสำคัญต่อผลประกอบการในช่วง 1-3 ปีแรกเนื่องจากขนาดของตลาดที่เล็กกว่า FMCG ที่ NEO อยู่ในปัจจุบันมาก

คาดกำไรสุทธิ 1Q25F ที่ 215 ล้านบาท (-20% YoY, -11% QoQ)

เรายังเห็นการเติบโตของตลาดน้ำยาปรับผ้านุ่มที่ระดับ 11% YoY ในช่วงม.ค.-ก.พ.25 สวนทางกับผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่ลดลง 7% YoY (รูปที่ 4,5) อย่างไรก็ดีเราคาด NEO จะยังสามารถรักษาการเติบโตของรายได้ที่ 5% YoY เป็น 2,593 ล้านบาท จากการเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดในกลุ่ม Personal Care ต่อเนื่องบวกกับการกลับมาเติบโตของผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม Household (ที่มียอดขายทรงตัวตลอด 4 ไตรมาสที่ผ่านมา) และการออกสินค้าใหม่อย่างต่อเนื่องกว่า 50 Skus ส่วนยอดขายต่างประเทศคาดเริ่มกลับมาเติบโต YoY ได้เช่นกัรจากฐานต่ำและการเพิ่มสินค้าในกลุ่ม Personal มากขึ้น ขณะที่เราคาด GPM จะอ่อนตัวลงเป็น 41.0% จาก 45.9% ใน 1Q24 เพราะเริ่มรับรู้ต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้นรวมถึงค่าเสื่อมราคาจากโรงงาน Personal Care แห่งใหม่ราว 10 วัน ส่วน SG&A to sales คาดยังควบคุมได้ดีที่ราว 30.8% ใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 31.5%

แนวโน้ม 2Q25F ปัจจัยลบยังกดดันผลประกอบการ

นอกจากฐานสูงในปีก่อนที่มี GPM สูงสุด 46.8% เรายังเห็นความท้าทายหลายประเด็นนอกจากภาวะเศรษฐกิจในประเทศที่มีความเปราะบางที่คาดจะยังกดดันแนวโน้มผลประกอบการได้แก่ 1)เริ่มรับรู้ค่าเสื่อมราคาราว 25 ล้านบาทจากโรงงาน Personal Care แห่งใหม่เต็มไตรมาส 2)การเริ่มทำการตลาดเต็มรูปแบบของแบรนด์ LoviTails 3)ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการเข้าตลาด Modern Trade ในประเทศเวียดนาม

ประเมินมูลค่า

เราคงคำแนะนำ “ซื้อ” ด้วยมูลค่าเหมาะสม 2025F ที่ 40.50 (จากเดิม 46.75 บาท) โดยใช้ P/E ที่ 14.4x (จากเดิมที่ 16.4x) เนื่องจากราคาในปัจจุบันยังมี Upside สูง 47% เพื่อสะท้อนภาวะตลาดที่ปรับตัวลดลงรวมถึง ความเสี่ยงได้แก่ การแข่งขันด้านราคารุนแรง, สินค้าบางส่วนถูกควบคุมด้านราคา, ต้นทุนมีความผันผวนสูงและความสำเร็จของการออกผลิตภัณฑ์ใหม่

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

1200 แตก By: แม่มดน้อย

แม่ดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ และแล้ว ดัชนีตลาดหุ้นไทย ก็แตก 1,200 จุด ด้วยพ่อใหญ่อย่าง DELTA แม่ใหญ่ AOT เป็นหัวหอก....

FTI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติไฟเขียวทุกวาระ จ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น

FTI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติไฟเขียวทุกวาระ จ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้