Market Wrap-Up
- SET วันที่ 3 เม.ย.68 ปิด -10.88 จุด อยู่ที่ 1,161.81 จุด มูลค่าการซื้อขาย 41,064 ลบ. ต่างชาติขาย 2,100 ลบ. สถาบันขาย 1,859 ลบ. พอร์ตโบรกซื้อ 142 ลบ. และรายย่อยซื้อ 3,817 ลบ. NVDR มียอดขายสุทธิ 68 ลบ.โดยมียอดซื้อในหุ้น KBANK,DELTA,KTB,SAWAD,AMATA และยอดขายหุ้น TRUE,GULF,PTT,OSP,CCET มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 1,918 ลบ. หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ TU,SCC,BEM โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Short ใน Index Futures จำนวน 28,744 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Long สุทธิรวม 40,851 สัญญา ต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดพันธบัตรไทย 3,826 ลบ.
- ตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA -3.98%, S&P500 -4.84%, Nasdaq -5.97% จากแรงขายกลุ่มพลังงาน -7.5%, เทคโนโลยี -6.8% หลัง ปธน.ทรัมป์ประกาศขึ้นภาษีศุลกากรพื้นฐานกับทุกประเทศที่ 10% และภาษีตอบโต้กับ 60 กว่าประเทศที่เกินดุลการค้ากับสหรัฐ ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 -2.57% จากแรงขายกลุ่มธนาคาร, ทรัพยากรพื้นฐาน, พลังงาน และสินค้าหรูหรา หลัง EU ถูกสหรัฐเรียกเก็บภาษีศุลกากรในอัตรา 20%
Market View
- ตลาดหุ้นสหรัฐวานนี้ปรับลดลงแรง หลัง ปธน.ทรัมป์เรียกเก็บภาษีศุลกากรพื้นฐานกับทุกประเทศที่ 10% เริ่มวันที่ 5 เม.ย. และภาษีแบบตอบโต้กับ 60 กว่าประเทศเริ่มวันที่ 9 เม.ย. ส่งผลให้นักลงทุนกังวลภาวะเศรษฐกิจสหรัฐอาจชะลอตัว โดย GDPNow คาด US GDP Q1/68 จะหดตัว -3.7% และมีโอกาสที่ Q2/68 จะหดตัวต่อเนื่อง ส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะ Technical Recession ขณะที่หุ้น Magnificent 7 ที่มีฐานการผลิตในต่างประเทศ เช่น Apple, Nvidia, Tesla ปรับลดลงแรง จาก ม.ขึ้นภาษีศุลกากรนำเข้า ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจค่ำวันนี้ติดตามตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐ มี.ค. คาด 139,000 & ก.พ. 151,000 ราย , อัตราว่างงานสหรัฐ มี.ค. คาดที่ 1% และถ้อยแถลงของ ปธ.เฟดในงานประจำปีของ SABEW เพื่อจับสัญญาณทางเศรษฐกิจสหรัฐ
- ตลาดหุ้นยุโรปวานนี้ DAX เยอรมัน -3.0%, CAC-40 ฝรั่งเศส -3.3% หลังสหรัฐเรียกเก็บภาษีศุลกากรแบบตอบโต้กับ EU ที่อัตรา 20% หลังวานนี้ได้ถูกเรียกเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ที่ 25% ซึ่งส่งผลลบต่อผลประกอบการ บจ.ใน Stoxx600 เนื่องจากมีสัดส่วนรายได้ 12% ที่พึ่งพาตลาดสหรัฐ โดยนักลงทุนคาดการประชุม ECB วันที่ 17 เม.ย. มีโอกาสปรับลดดอกเบี้ยลง และคาด ECB มีโอกาสลดดอกเบี้ยปีนี้ราว 58%
- ตลาดหุ้นเอเขียวานนี้ ดัชนีเซี่ยงไฮ้ -0.24% จากแรงขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีจีน หลังสหรัฐเรียกเก็บภาษีศุลกากรสินค้านำเข้าจีนเพิ่มอีก 34% จากเดิมที่ 20% รวมเป็น 54% ซึ่งใกล้เคียงกับเป้าหมายที่ ปธน.ทรัมป์ตั้งเป้าไว้ที่ 60% ซึ่งท่าทีจีนล่าสุดอาจจะใช้ ม.ตอบโต้กลับทางสหรัฐ ส่วนดัชนีนิเกอิวานนี้ -2.7% ต่ำสุดในรอบ 8 เดือน หลังสหรัฐเก็บภาษีแบบตอบโต้ที่ 24% และเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ที่ 25%
- SET วานนี้ -0.93% ปริมาณการซื้อขาย 1 หมื่น ลบ. ต่างชาติขาย 2,100 ลบ. สถาบันขาย 1,859 ลบ. พอร์ตโบรกซื้อ 142 ลบ. และรายย่อยซื้อ 3,817 ลบ. หลังประเทศไทยถูกสหรัฐเรียกเก็บภาษีศุลกากรแบบตอบโต้ที่อัตรา 37% เนื่องสหรัฐประเมินไทยได้ใช้ ม.ด้านภาษี & ไม่ใช่ภาษีต่อสินค้านำเข้าจากสหรัฐที่อัตรา 72% ซึ่งเป็นอัตราที่สูงกว่าที่รัฐบาลไทยประเมินในกรณีแย่สุดที่ 25% ส่งผลให้หุ้นกลุ่มที่พึ่งพาการส่งออก เช่น อิเล็ก ฯ, เกษตร, อาหาร และนิคมอุต ฯ ที่พึ่งพาการลงทุนจาก ตปท. ปรับลดลง ขณะที่กลุ่มธนาคารก็ถูกแรงขาย จากความกังวลคุณภาพสินทรัพย์ของผู้ประกอบการส่งออกของไทยอาจแย่ลง ส่งผลให้ NPL อาจปรับสูงขึ้นและยังจำเป็นต้องสำรอง ECL ระดับสูง โดยเม็ดเงินได้ไหลเข้าสู่กลุ่ม Domestic Play & Defensive เช่น ค้าปลีก, ไอซีที, รพ. และโรงไฟฟ้า ที่มีความผันผวนน้อยกว่า ระหว่างรอรัฐบาลดำเนินการเจรจาการค้ากับทางสหรัฐ
Daily Strategy
- ประเมินแนวรับดัชนี SET ที่ 1,140 – 1,150 แนวต้าน 1,170 คาดดัชนีมีโอกาสปรับลดลงตามความผันผวนของตลาดสหรัฐ กอปรกับ GDP ไทยปีนี้มีโอกาสเติบโตต่ำกว่าระดับ 0% ส่งผลให้คาดการณ์กำไร บจ.ปีนี้มีโอกาสถูกปรับลดลง แนะนำพักเงินในกลุ่มปลอดภัย เช่น CPALL,CPAXT,BJC,BH,BDMS และกลุ่มไฟแนนท์ SAWAD,MTC,TIDLOR อาจได้ประโยชน์จากต้นทุนดอกเบี้ยที่ลดลง หาก กนง.ปรับลดดอกเบี้ยในวันที่ 30 เม.ย.
- FM* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 7.20 บาท) กลุ่มส่งออกไก่มีปัจจัยหนุนจากประเทศตะวันตกและเอเชียเหนือได้รับผลกระทบจากโรคไข้หวัดนกระบาด ซึ่งทำให้ปริมาณส่งออกจากไทยเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ FM ตั้งเป้ารายได้ในปี 68 เติบโต +12-15%YoY แบ่งเป็น ธุรกิจไก่ปรุงสุก (Cook added value : CAV) +20-25% จาก demand ที่สูงขึ้น และการขยายกำลังการผลิตในปีก่อน ส่วนธุรกิจไก่สดชำแหละ +5-7% จากการขยายตลาดส่งออกใหม่ๆ นอกจากนี้คาด GPM ยังได้อานิสงส์จากต้นทุนอาหารสัตว์ที่ลดลงทั้งกากถั่วเหลืองและข้าวโพด สำหรับแผนระยะยาวบริษัทตั้งเป้าหมายยอดขาย 1 หมื่นล้านบาทในปี 70 จากการขยายฐานลูกค้าในกลุ่มร้านอาหาร quick service restaurant และลูกค้าใหม่ที่มีศักยภาพ โดยจะลงทุนเพิ่มประสิทธิภาพกำลังการผลิต และทำระบบ automation ด้านฐานะทางการเงินเข้มแข็งด้วย D/E ต่ำ ROE สูง สามารถจ่าย Yield ได้สูง และ Valuation ปัจจุบันไม่แพง
- TACC* (ซื้อ /ราคาเป้าหมาย Bloomberg Consensus 6.00 บาท) เข้าสู่ฤดูร้อนเป็น High Season ของกลุ่มเครื่องดื่ม คาดว่าภาพรวมการดำเนินงานยังมีแรงหนุนต่อเนื่องจากธุรกิจ B2B จาก 7-11 ขณะที่สินค้าใหม่ๆยังมีต่อเนื่อง โดยล่าสุด 6 มีนาคม - 30 เมษายน 2568 ออกเครื่องดื่มใหม่ "น้ำผึ้งมะนาว" (Honey Lime) ด้าน TACC* เอง ปีนี้ ตั้งเป้าผลักดันรายได้ให้เติบโต Double Digit ทะลุ 2,000 ลบ. ทั้งนี้ ปัจจุบัน ตลาดคาดว่าในปี68 และ69 กำไรสุทธิของ TACC* จะอยู่ที่ระดับ 276 ลบ.(+11.61%YoY) และ 324 ลบ.(+39%YoY) ตามลำดับ
Daily Key Factors
Oil Update(+) WTI พ.ค. +$0.51 อยู่ที่ $71.71 / บาร์เรล, Brent มิ.ย. +$0.46 อยู่ที่ $74.95/บาร์เรล สัญญาน้ำมันได้แรงหนุนจาก Dollar Index อ่อนค่า -0.33% อยู่ที่ 103.805 และรอผลการประชุม JMMC ของกลุ่มโอเปกพลัสในวันที่ 3 เม.ย. ที่อาจเพิ่มกำลังการผลิต 135,000 บาร์เรล/วัน ใน พ.ค.
Gold Update(+) Comex Gold มิ.ย.+$20.20 อยู่ที่ $3,166.20 /ออนซ์ ทองคำเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย ในช่วงที่ยังมีความไม่แน่นอนต่อนโยบายการค้าของสหรัฐ และมีความเสี่ยงเศรษฐกิจสหรัฐอาจเข้าสู่ภาวะถดถอย
Fund Flow(+) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP วานนี้ ซื้อสุทธิ +41.22 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซื้อหุ้นไทย +45.76 ล.ดอลลาร์สหรัฐ ตลาดหุ้น และขายหุ้นฟิลิปปินส์ -4.54 ล.ดอลลาร์สหรัฐ
(0) ค่าเงินบาทเช้านีอ่อนค่าอยู่ที่ 34.33 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(0) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ลดลงอยู่ที่ 4.067 %
(-) ดัชนี BDI วานนี้ -4 จุด อยู่ที่ 1,583
(-) BitCoinเช้านี้ -2.20% อยู่ที่ 83,277 ดอลลาร์สหรัฐ
(0)เช้านี้ติดตาม Caixin PMI ภาคบริการจีน มี.ค. คาด 51.5 & ก.พ. 51.4
Economic Calendar
ในประเทศ
04 เม.ย. กระทรวงพาณิชย์ แถลงดัชนีเศรษฐกิจการค้า
สัปดาห์ที2 ม.หอการค้าไทย แถลงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค, ดัชนีความเชื่อมั่น
หอการค้าไทย
สภาธุรกิจตลาดทุนไทย แถลงผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนและ
อัพเดตสถานการณ์ลงทุน
ตลท. แถลงสรุปภาพรวมภาวะตลาดหลักทรัพย์
ต่างประเทศ
04 เม.ย. CN เทศกาลเช็งเม้ง
US อัตราการว่างงาน (มี.ค.)
US รายได้เฉลี่ยต่อชั่วโมง (เดือนต่อเดือน) (มี.ค.)
10 เม.ย. US สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ
US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก
US รายงานการประชุมของ FOMC
US ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)(มี.ค.)
11 เม.ย. US ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) (มี.ค.)
Theme Strategy
Theme หุ้นเด่น 1H68 เน้น หุ้นในธุรกิจใหม่ที่เป็น Trend ในอนาคต อย่าง Data Center รวมถึงหุ้นที่มีแนวโน้มกำไรปกติ 4Q67-1Q68 คาดออกมาดี และ หุ้นที่รับความผันผวนได้ดีจากความเสี่ยง Trade War/ธนาคารกลางหลักมีแนวโน้มชะลอการลดดอกเบี้ย
(1) กลุ่มธนาคารที่มี Sentiment บวกจากธนาคารกลางหลักมีแนวโน้มชะลอการลดดอกเบี้ย/มี Yield สูง BBL, KTB, KBANK, TISCO*, TTB*
(2) กลุ่มการอุปโภคบริโภค ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ CPALL, CPAXT*, CRC, NSL*, TNP*, OSP*
(3) กลุ่มโรงพยาบาล BDMS, BH, PR9*, SKR
(4) กลุ่มมีโอกาสเกี่ยวข้องกับการลงทุน Data Center/ธุรกิจ Trend อนาคต ADVANC,INTUCH*,TRUE,GULF*,AMATA
(5) กลุ่มสินค้า IT ที่ได้ประโยชน์จากการเปลี่ยนถ่ายเทคโนโลยี(เช่น AI function/ 4G to 5G) SYNEX*, ADVICE*, SIS*
(6) กลุ่มที่มี Sentiment บวกจาก Entertainment Complex BTS*, VGI*, MBK*, BA
**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย
Asset Allocation: Equity 55% Fixed Income 30% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 5%
Today Fundamental Research: -
Monthly Portfolio April 2025: CPALL, SYNEX*, KLINIQ, DOHOME*, BDMS
Analysts
Apichai Raomanachai
Fundamental and Technical Investment Analysis ID No. 002939
Tel 02-829-6999 Ext 2200
Email : apichai.ra@kfsec.co.th
Nopporn Chaykaew
Fundamental Analysis ID No. 043964
Tel 02-829-6999 Ext 2203
Email : noppoen.ch@kfsec.co.th
Nattawat Poosunthornsri
Fundamental Analysis ID No. 087077
Tel 02-829-6999 Ext 2204
Email : nattawat.po@kfsec.co.th