News Feed

บล.คิงส์ฟอร์ด : บทวิเคราะห์ภาวะตลาดหุ้นรายวัน

3 เม.ย. 2568 09:12:08 277

Market Wrap-Up

SET วันที่ 2 เม.ย.68 ปิด +4.67 จุด อยู่ที่ 1,172.69 จุด มูลค่าการซื้อขาย 24,952 ลบ. ต่างชาติซื้อ 1,564 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 184 ลบ. รายย่อยขาย 335 ลบ. และสถาบันขาย 1,044 ลบ. NVDR มียอดซื้อสุทธิ 838 ลบ.โดยมียอดซื้อในหุ้น TRUE,KTB,SCB,BBL,CPALL และยอดขายหุ้น PTTEP,VGI,ADVANC,MTC,AOT มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 1,197 ลบ. หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ OSP,SKY,TPIPP โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Short ใน Index Futures จำนวน 4,822 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Long สุทธิรวม 69,595 สัญญา ต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดพันธบัตรไทย 3,134 ลบ.
ตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA +0.56%, S&P500 +0.67%, Nasdaq +0.87% ได้แรงหนุนจากสินค้าฟุ่มเฟือย +2.02%,อุตสาหกรรม +0.93% ขณะที่อุปโภค -0.18%, บริการสื่อสาร -0.14% ก่อนทราบ ม.ปรับขึ้นภาษีศุลกากรของ ปธน.ทรัมป์ ส่วนตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนสหรัฐ มี.ค. เพิ่มขึ้น 155,000 สูงกว่าคาด 120,000 ราย ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 -0.50% จากแรงขายกลุ่มบริการสุขภาพ -1.7%, ยานยนต์ & ชิ้นส่วน -0.1% หลังถูกสหรัฐเก็บภาษีนำเข้าในอัตรา 25% มีผลวันที่ 3 เม.ย.

Market View

ตลาดหุ้นสหรัฐวานนี้ปรับขึ้น ก่อนทราบของ ม.ปรับขึ้นภาษีศุลกากรของ ปธน.ทรัมป์ โดยจะเก็บภาษีศุลกากรพื้นฐานกับทุกประเทศที่ 10% มีผลวันที่ 5 เม.ย. และเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้กับกลุ่มเป้าหมาย เช่น จีน 34%, อินเดีย 26%, เกาหลีใต้ 25%, ญี่ปุ่น 24%, ไต้หวัน 32%, EU 20%, เวียดนาม 46%, อินโดนีเซีย 32% และไทย 36% ซึ่งเป็น ม.ตอบโต้เพียงครึ่งเดียวกับประเทศคู่ค้าเหล่านี้ที่เก็บภาษีศุลกากรกับสินค้าสหรัฐ เพื่อแก้ปัญหาขาดดุลการค้าของสหรัฐมูลค่า 9.18 แสน ล.ดอลลาร์สหรัฐ แต่มีความเสี่ยงที่เศรษฐกิจสหรัฐอาจเข้าสู่ภาวะถดถอย สัปดาห์นี้วันศุกร์ติดตามตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐ มี.ค. และถ้อยแถลงของ ปธ.เฟดในงานประจำปีของ SABEW เพื่อจับสัญญาณทางเศรษฐกิจสหรัฐ & ผลกระทบจาก ม.ปรับขึ้นภาษีศุลกากร
ตลาดหุ้นยุโรปวานนี้ได้ปรับลดลง จากความกังวล ม.ปรับขึ้นภาษีศุลกากรของสหรัฐ ซึ่ง EU ถูกเรียกเก็บในอัตรา 20% และรถยนต์ถูกเก็บภาษีนำเข้าที่ 25% มีผลบังคับใช้วันนี้ ขณะที่ ปธ.ECB เตือน ม.ปรับขึ้นภาษีของสหรัฐ จะส่งผลลบต่อภาวะเศรษฐกิจโลก
ตลาดหุ้นเอเขียวานนี้ดัขนีเซี่ยงไฮ้ +0.05%, ฮั่งเส็ง -0.02%, นิเกอิ +0.28% ปิดทรงตัวระหว่างรอ ม.ภาษีศุลกากรตอบโต้ของสหรัฐ ซึ่ง ปธน.ทรัมป์ได้ประกาศเก็บภาษีจีนเพิ่มอีก 34% ส่งผลให้ภาษีนำเข้าสินค้าจีนปรับขึ้นอยู่ที่ 54% ใกล้เคียงกับเป้าหมายที่อัตรา 60% ส่วนญี่ปุ่นถูกเก็บภาษีนำเข้าที่อัตรา 24% ส่งผลให้นิเกอิเช้านี้ -3.0%
SET วานนี้ +0.40% ปริมาณการซื้อขาย 49 หมื่น ลบ. ต่างชาติซื้อ 1,564 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 184 ลบ. รายย่อยขาย 335 ลบ. และสถาบันขาย 1,044 ลบ. โดยดัชนีได้แรงหนุนจากกลุ่มอิเล็ก ฯ +1.1% รับข่าวตัวเลขส่งออกเซมิคอนดักเตอร์ของเกาหลีใต้ มี.ค. +11.9% YoY ส่งผลบวกเชิงจิตวิทยาต่อหุ้น DELTA ขณะที่กลุ่มไฟแนนท์ก็มีแรงซื้อเก็งกำไร จากคาดการณ์การประชุม กนง.วันที่ 30 เม.ย. มีโอกาสจะลดดอกเบี้ย เพื่อลดผลกระทบจากภัยแผ่นดินไหว ส่งผลให้ต้นทุนการเงินของกลุ่มไฟแนนท์ลดลงด้วย โดยภาพรวมนักลงทุนรอ ม.ปรับขึ้นภาษีศุลกากรของสหรัฐ ซึ่งล่าสุดประเทศไทยถูกเก็บภาษีศุลกากรที่อัตรา 36% สูงกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่ราว 20 – 25% เนื่องจากสหรัฐประเมินไทยใช้ ม.ด้านภาษีและไม่ใช่ภาษีต่อสินค้าสหรัฐที่อัตรา 72% จากปัจจัยดังกล่าวถือว่าเป็น Negative Surprise และอาจส่งลบต่อ GDP ไทยปีนี้มากกว่าระดับ 1%

Daily Strategy

ประเมินแนวรับดัชนี SET ที่ 1,135 – 1,148 แนวต้าน 1,180 โดยดัชนีมีโอกาสปรับลดลง หลังถูกสหรัฐเรียกเก็บภาษีนำเข้าในอัตราที่สูงกว่าคาด ซึ่งอาจส่งผลลบต่อ GDP ไทยปีนี้มากกว่าระดับ 1% และยังต้องรอการเจรจาการค้ากับสหรัฐเพื่อลดผลกระทบดังกล่าว แนะนำพักเงินในกลุ่มปลอดภัย เช่น CPALL,BJC,BH,BDMS,BCP
MTC* (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 55.75 บาท) บริษัทรายงานกำไรสุทธิ 4Q67 ที่ 54 พันล้านบาท +4%QoQ, +14%YoY หนุนจากการควบคุมคุณภาพสินทรัพย์ได้ดี โดย NPL ลดลง ได้อานิสงส์บวกจากมาตรการแจกเงิน ทำให้ลูกหนี้มีความสามารถในการชะระเงินได้ดีขึ้น สำหรับแนวโน้มปี 68 ผู้บริหารคาดการณ์สินเชื่อโต 10-15% มีแผนเปิดสาขาเพิ่ม 600 สาขา จากสิ้นปี 67 ที่ 8,172 สาขา ขณะที่ credit cost มีแนวโน้มลดลงการตั้งสำรองที่ผ่อนคลายลง ส่วน NIM อาจถูกกดดันบ้างแต่ต้นทุนทางการเงินที่ยังอยู่ในระดับสูง ทั้งนี้อิงจาก consensus ตลาดคาดกำไรสุทธิปี 68 ที่ 6.7 พันล้านบาท +14%YoY
NSL* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 83บาท) กำไรสุทธิ 4Q67 อยู่ที่ 147 ลบ. +44%YoY +9%QoQหนุนด้วย High Season, ม.กระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐฯหนุนกำลังซื้อผู้บริโภค รวมถึงสินค้าใหม่ๆยังตาม trend เช่น ข้าวโพดอบชีสเบคอน,ช็อกโกแลตดูไบ(Bake a Wish) ส่วนปี68 คาดว่าจะมีปัจจัยบวกต่อเนื่องจากโรงงานใหม่ที่พึ่งเสร็จสิ้นใน 4Q67(NSL FOODS สาขา5)รวมถึงการออกสินค้าใหม่ๆ ซึ่ง 1Q68 จะมีสินค้าใหม่ เช่น ช็อกโกแลตโมจิทาร์ต, โรตีข้าวโพดชีส เป็นต้น โดย NSL วางเป้ารายได้ปี68 โตราว +16-17%YoY ทั้งนี้ตลาดคาดว่าปี68 และ69 กำไรสุทธิของ NSL* จะอยู่ที่ระดับ 602 ลบ. (+11%YoY) และ 679 ลบ.(+13%YoY)

Daily Key Factors

Oil Update(+) WTI พ.ค. +$0.51 อยู่ที่ $71.71 / บาร์เรล, Brent มิ.ย. +$0.46 อยู่ที่ $74.95/บาร์เรล สัญญาน้ำมันได้แรงหนุนจาก Dollar Index อ่อนค่า -0.33% อยู่ที่ 103.805 และรอผลการประชุม JMMC ของกลุ่มโอเปกพลัสในวันที่ 3 เม.ย. ที่อาจเพิ่มกำลังการผลิต 135,000 บาร์เรล/วัน ใน พ.ค.

Gold Update(+) Comex Gold มิ.ย.+$20.20 อยู่ที่ $3,166.20 /ออนซ์ ทองคำเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย ในช่วงที่ยังมีความไม่แน่นอนต่อนโยบายการค้าของสหรัฐ และมีความเสี่ยงเศรษฐกิจสหรัฐอาจเข้าสู่ภาวะถดถอย

Fund Flow(+) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP วานนี้ ซื้อสุทธิ +41.22 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซื้อหุ้นไทย +45.76 ล.ดอลลาร์สหรัฐ ตลาดหุ้น และขายหุ้นฟิลิปปินส์ -4.54 ล.ดอลลาร์สหรัฐ

(0) ค่าเงินบาทเช้านีอ่อนค่าอยู่ที่ 34.33 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(0) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ลดลงอยู่ที่ 4.067 %

(-) ดัชนี BDI วานนี้ -4 จุด อยู่ที่ 1,583

(-) BitCoinเช้านี้ -2.20% อยู่ที่ 83,277 ดอลลาร์สหรัฐ

(0)เช้านี้ติดตาม Caixin PMI ภาคบริการจีน มี.ค. คาด 51.5 & ก.พ. 51.4

Economic Calendar

ในประเทศ

31 มี.ค. ธปท. รายงานภาวะเศรษฐกิจและการเงินไทย

สัปดาห์ที1 ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค

(เม.ย.)

ต่างประเทศ

31 มี.ค. CN ดัชนี PMI ภาคการผลิตของจีน (มี.ค.)

01 เม.ย. EU ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) (ปีต่อปี) (มี.ค.)

US ตำแหน่งงานว่างเปิดใหม่จาก JOLTS (ก.พ.)

US ดัชนี PMI ภาคการผลิตจากสถาบันไอเอสเอ็ม (ISM) (มี.ค.)

02 เม.ย. US การเปลี่ยนแปลงการจ้างงานภาคนอกภาคเกษตรกรรม(ADP)(มี.ค.)

03 เม.ย. US สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ

US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก

US ดัชนี PMI ภาคการบริการจากสถาบันไอเอสเอ็ม (ISM) (มี.ค.)

04 เม.ย. CN เทศกาลเช็งเม้ง

US อัตราการว่างงาน (มี.ค.)

US รายได้เฉลี่ยต่อชั่วโมง (เดือนต่อเดือน) (มี.ค.)

Theme Strategy

Theme หุ้นเด่น 1H68 เน้น หุ้นในธุรกิจใหม่ที่เป็น Trend ในอนาคต อย่าง Data Center รวมถึงหุ้นที่มีแนวโน้มกำไรปกติ 4Q67-1Q68 คาดออกมาดี และ หุ้นที่รับความผันผวนได้ดีจากความเสี่ยง Trade War/ธนาคารกลางหลักมีแนวโน้มชะลอการลดดอกเบี้ย

(1) กลุ่มธนาคารที่มี Sentiment บวกจากธนาคารกลางหลักมีแนวโน้มชะลอการลดดอกเบี้ย/มี Yield สูง BBL, KTB, KBANK, TISCO*, TTB*

(2) กลุ่มการอุปโภคบริโภค ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ CPALL, CPAXT*, CRC, NSL*, TNP*, OSP*

(3) กลุ่มโรงพยาบาล BDMS, BH, PR9*, SKR

(4) กลุ่มมีโอกาสเกี่ยวข้องกับการลงทุน Data Center/ธุรกิจ Trend อนาคต ADVANC,INTUCH*,TRUE,GULF*,AMATA

(5) กลุ่มสินค้า IT ที่ได้ประโยชน์จากการเปลี่ยนถ่ายเทคโนโลยี(เช่น AI function/ 4G to 5G) SYNEX*, ADVICE*, SIS*

(6) กลุ่มที่มี Sentiment บวกจาก Entertainment Complex BTS*, VGI*, MBK*, BA

**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย

Asset Allocation: Equity 55% Fixed Income 30% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 5%

Today Fundamental Research: -

Monthly Portfolio April 2025: CPALL, SYNEX*, KLINIQ, DOHOME*, BDMS

Analysts

Apichai Raomanachai