Market Wrap-Up
- SET วันที่ 1 เม.ย.68 ปิด +9.93 จุด อยู่ที่ 1,168.02 จุด มูลค่าการซื้อขาย 26,391 ลบ. ต่างชาติซื้อ 1,450 ลบ. พอร์ตโบรกซื้อ 19 ลบ. สถาบันขาย 1,010 ลบ. และรายย่อยขาย 458 ลบ. NVDR มียอดซื้อสุทธิ 843 ลบ.โดยมียอดซื้อในหุ้น PTTEP,ADVANC,TRUE,SCB,CPALL และยอดขายหุ้น SCC,PTT,MTC,MINT,SCGP มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 1,158 ลบ. หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ JMART,GUNKUL,CPF โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Long ใน Index Futures จำนวน 20,672 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Long สุทธิรวม 74,417 สัญญา ต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดพันธบัตรไทย 1,259 ลบ.
- ตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA -0.03%, S&P500 +0.38%, Nasdaq +0.87% ได้แรงหนุนจากกลุ่ม Magnificent 7 ปรับขึ้น นำโดย Tesla +3.6% ขณะที่กลุ่มบริการสุขภาพ, สายการบินปรับลดลง โดยตลาดหุ้นสหรัฐทรงตัว รอการประกาศเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้ในวันนี้ ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 +1.07% ได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มธนาคารและเทคโนโลยี ขณะที่กลุ่มสื่อสารปรับลดลง
Market View
- ตลาดหุ้นสหรัฐวานนี้ทรงตัว ระหว่างรอการประกาศเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้ในวันนี้ โดยมีข่าวว่าที่ปรึกษาทำเนียบขาวร่างแผนเก็บภาษีราว 20% กับสินค้านำเข้ามูลค่ารวม 3 ลล.ดอลลาร์/ปี ส่งผลให้นักลงททุนกังวลเศรษฐกิจอาจชะลอตัว โดย Goldman Sachs ชี้มีโอกาส 35% & เดิมคาด 20% ที่เศรษฐกิจสหรัฐจะเข้าสู่ภาวะถดถอยใน 12 เดือนข้างหน้า, US Core PCE คาดปรับขึ้นอยู่ที่ 3.5% และอัตราว่างงานคาดที่ 4.5% ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจวานนี้ ISM เผยด PMI ภาคการผลิตสหรัฐ มี.ค. อยู่ที่ 49.0 & ก.พ. 50.3 และ JOLTs ตัวเลขเปิดรับสมัครงานสหรัฐ ก.พ.ลดลง 194,000 อยู่ที่ 7.57 ล.ราย & คาด 7.61 ล.ราย สัปดาห์นี้ติดตามตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนสหรัฐ มี.ค., ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐ มี.ค. และวันศุกร์ติดตามถ้อยแถลงของ ปธ.เฟดในงานประจำปีของ SABEW เพื่อจับสัญญาณทางเศรษฐกิจสหรัฐ
- ตลาดหุ้นยุโรปวานนี้ได้แรงหนุนจากกลุ่มธนาคารแลเทคโนโลยี ระหว่างรอ ม.ปรับภาษีของสหรัฐ ซึ่งคาดอาจถูกเก็บในอัตรา 20% ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจวานนี้ PMI ภาคการผลิตยูโรโซน มี.ค. ปรับขึ้นอยู่ที่ 48.6 & ก.พ. 47.6 แต่ยังอยู่ในโซนถดถอย ขณะที่ข้อมูล CPI ยูโรโซน มี.ค. ลดลงอยู่ที่ 2% & ก.พ. 2.3% YoY ส่งผลให้เทรดเดอร์คาด ECB มีโอกาสลดดอกเบี้ย 0.58% ในปีนี้
- ตลาดหุ้นเอเขียวานนี้ดัขนีเซี่ยงไฮ้ & ฮั่งเส็ง +0.38% หลัง Caixin รายงาน PMI ภาคการผลิตจีน มี.ค. 2 & ก.พ. 50.8 ซึ่งเป็นการขยายตัวสูงสุดในรอบ 4 เดือน จากคำสั่งซื้อเพื่อการส่งออกที่สูงขึ้น ขณะที่ดัชนีนิเกอิวานนี้ปิดทรงตัว +0.02% ยังกังวลต่อการปรับขึ้นภาษีศุลกากรตอบโต้ของสหรัฐ หลังถูกเรียกเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ในอัตรา 25% ในวันที่ 3 เม.ย.ส่วนผลการประชุม ธ.กลางออสเตรเลียวานนี้มีมติคงดอกเบี้ยที่ 4.1% ตามคาด
- SET วานนี้ +0.86% ปริมาณการซื้อขาย 6 หมื่น ลบ. ต่างชาติซื้อ 1,450 ลบ. พอร์ตโบรกซื้อ 19 ลบ. สถาบันขาย 1,010 ลบ. และรายย่อยขาย 458 ลบ. โดยดัชนีได้แรงหนุนจากกลุ่มพลังงานที่ปรับขึ้นตามราคาน้ำมัน หลังสหรัฐขู่จะเก็บภาษีศุลกากรที่ 25% กับประเทศที่ซื้อน้ำมันจากรัสเซีย ในกรณีที่รัสเซ๊ยพยายามขัดชวางข้อตกลงสันติภาพกับยูเครน ซึ่งรัสเซียเป็นผู้ผลิตน้ำมันอันดับ 3 ของโลก และอาจส่งผลให้อุปทานน้ำมันตึงตัวขึ้น ส่วนกลุ่มไอซีทีก็มีแรงซื้อเก็งกำไร จากคาดการณ์การประมูลคลื่น 6 ความถี่ มีโอกาสจะได้มูลค่าเท่าเดิม หรือต่ำกว่าเล็กน้อย เนื่องจากมีคู่แข่งเพียง 2 ราย ส่งผลให้ต้นทุนการประมูลของผู้ให้บริการมีแนวโน้มลดลง ขณะที่กลุ่มไฟแนนท์, อสังหา ฯ ก็เริ่มฟื้นตัว หลังราคาหุ้นได้มีการปรับลดลงรับผลกระทบภัยแผ่นดินไหวไปแล้ว โดยนักลงทุนให้ความสนใจต่อ ม.ปรับขึ้นภาษีศุลกากรของสหรัฐ ที่จะประกาศในเวลา 3.00 น.ช่วงค่ำวันนี้ โดยแหล่งข่าวจากที่ปรึกษาทำเนียบขาวได้ร่างแผนเก็บภาษีในอัตราราว 20% กับสินค้านำเข้าสหรัฐมูลค่ารวม 3 ลล.ดอลลาร์/ปี ส่งผลให้ไทยอาจถูกเรียกเก็บภาษีในอัตราเฉลี่ยที่ 20% & เดิมเฉลี่ยถูกเก็บที่ 2 % ซึ่งส่งผลให้ลบต่อ GDP ไทยปีนี้ราว -0.5% ถึง -0.8% จากการประเมินเบื้องต้นของสถาบันวิจัยเศรษฐกิจของไทย
Daily Strategy
- ประเมินแนวรับดัชนี SET ที่ 1,160 แนวต้าน 1,175 – 1,180 คาดการฟื้นตัวของ SET ยังจำกัด ระหว่างรอประเมินผลกระทบจาก ม.ขึ้นภาษีของสหรัฐ แนะนำพักเงินในกลุ่มปลอดภัย เช่น CPALL,BJC,BCP / กลุ่มไอซีที ADVANC, TRUE คาดต้นทุนการประมูลคลื่นรอบใหม่มีโอกาสถูกลง/ เก็งกำไร VGI ถูกนำเข้า SET50 และ ROJNA เข้า SET 100 หลังการควบรวม GULF & INTUCH
- ADVANC (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 294 บาท) กำไรสุทธิ ที่ 26 พันล้านบาท (+5.36%QoQ, +32.22%YoY) ทั้งนี้รายได้ที่เติบโตขึ้นได้รับแรงหนุนจากการรับรู้รายได้ TTTBB รายได้อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงอยู่ที่ ในส่วนของรายได้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงเติบโตร้อยละ 51 เมื่อเทียบกับปีก่อน จากการรวมรายได้TTTBB เต็มไตรมาส และการเติบโตของธุรกิจ โดยเติบโตต่อเนื่องร้อยละ 2.2 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน จากการขยายฐานลูกค้า และ การเพิ่มขึ้นของ ARPU ส่วนรายได้บริการลูกค้าองค์กรและรายได้อื่น เติบโต 31% ในปี 2568 ประเมินว่ารายได้ของบริษัทจะอยู่ที่ 2.24 แสนล้านบาทเป็นกำไรสุทธิอยู่ที่ 3.7 หมื่นล้านบาท (+5.9%YoY)
- CPF (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย00 บาท) กำไรสุทธิ 4Q67 อยู่ที่ 4,173 ลบ.(+3,346%YoY, -42.91%QoQ,) โดย QoQ มีปัจจัยกดดันกำไรจาก รายการขาดทุนจากการด้อยค่าราว -2,467 ลบ.(ไก่จีน/สัตว์น้ำเวียดนาม) รายได้และ GPM มีแรงหนุนจากราคาสุกรในไทยและเวียดนามที่ประคองตัวในโซนทำกำไรต่อจาก 3Q67 และปรับตัวดีขึ้นชัดเจน YoY ประกอบกับต้นทุนอาหารสัตว์บกยังไม่สูง ส่งผลให้ GPM 4Q67 +646bsp YoY +29 bsp QoQ ด้านแนวโน้มกำไรช่วง 1Q68 เราคาดว่าจะยังอยู่ในเกณฑ์ดีหนุนด้วยราคาสุกร โดยเดือนมี.ค.68 ราคาสุกรไทยอยู่ที่ 82.00 บาท/กก.(+34%YoY, +4%MoM) ขณะที่ต้นทุนเลี้ยงยังคงไม่สูง
Daily Key Factors
Oil Update(-) WTI พ.ค. -$0.28 อยู่ที่ $71.20 / บาร์เรล, Brent พ.ค. -$0.28 อยู่ที่ $74.49/บาร์เรล รอ ม.ปรับขึ้นภาษีศุลกากรตอบโต้ของสหรัฐในช่วงค่ำวันนี้ ส่วนการประชุม JMMC ของกลุ่มโอเปกพลัสในวันเสาร์นี้ คาดมีมติเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันจำนวน 135,000 บาร์เรล/วัน ใน พ.ค. ขณะที่ API รายงานสต็อคน้ำมันดิบสหรัฐสัปดาห์ที่ผ่านมาเพิ่มขึ้น 6.03 ล.บาร์เรล
Gold Update(-) Comex Gold มิ.ย.-$4.30 อยู่ที่ $3,146.0 /ออนซ์ ถูกแรงขายทำกำไรหลังทองคำปรับขึ้นแรง เนื่องจากเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย ในช่วงที่ยังมีความไม่แน่นอนต่อนโยบายการค้าของสหรัฐ และมีความเสี่ยงเศรษฐกิจสหรัฐอาจเข้าสู่ภาวะถดถอย
Fund Flow(+) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP วานนี้ ซื้อสุทธิ +42.39 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซื้อหุ้นไทย +42.39 ล.ดอลลาร์สหรัฐ ตลาดหุ้นอินโด ฯ & ฟิลิปปินส์ปิดทำการในวันหยุด
(0) ค่าเงินบาทเช้านีอ่อนค่าอยู่ที่ 34.17 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(0) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ลดลงอยู่ที่ 4.190 %
(-) ดัชนี BDI วานนี้ -11 จุด อยู่ที่ 1,587
(+) BitCoinเช้านี้ +2.90% อยู่ที่ 85,044 ดอลลาร์สหรัฐ
Economic Calendar
ในประเทศ
31 มี.ค. ธปท. รายงานภาวะเศรษฐกิจและการเงินไทย
สัปดาห์ที1 ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค
(เม.ย.)
ต่างประเทศ
31 มี.ค. CN ดัชนี PMI ภาคการผลิตของจีน (มี.ค.)
01 เม.ย. EU ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) (ปีต่อปี) (มี.ค.)
US ตำแหน่งงานว่างเปิดใหม่จาก JOLTS (ก.พ.)
US ดัชนี PMI ภาคการผลิตจากสถาบันไอเอสเอ็ม (ISM) (มี.ค.)
02 เม.ย. US การเปลี่ยนแปลงการจ้างงานภาคนอกภาคเกษตรกรรม(ADP)(มี.ค.)
03 เม.ย. US สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ
US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก
US ดัชนี PMI ภาคการบริการจากสถาบันไอเอสเอ็ม (ISM) (มี.ค.)
04 เม.ย. CN เทศกาลเช็งเม้ง
US อัตราการว่างงาน (มี.ค.)
US รายได้เฉลี่ยต่อชั่วโมง (เดือนต่อเดือน) (มี.ค.)
Theme Strategy
Theme หุ้นเด่น 1H68 เน้น หุ้นในธุรกิจใหม่ที่เป็น Trend ในอนาคต อย่าง Data Center รวมถึงหุ้นที่มีแนวโน้มกำไรปกติ 4Q67-1Q68 คาดออกมาดี และ หุ้นที่รับความผันผวนได้ดีจากความเสี่ยง Trade War/ธนาคารกลางหลักมีแนวโน้มชะลอการลดดอกเบี้ย
(1) กลุ่มธนาคารที่มี Sentiment บวกจากธนาคารกลางหลักมีแนวโน้มชะลอการลดดอกเบี้ย/มี Yield สูง BBL, KTB, KBANK, TISCO*, TTB*
(2) กลุ่มการอุปโภคบริโภค ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ CPALL, CPAXT*, CRC, NSL*, TNP*, OSP*
(3) กลุ่มโรงพยาบาล BDMS, BH, PR9*, SKR
(4) กลุ่มมีโอกาสเกี่ยวข้องกับการลงทุน Data Center/ธุรกิจ Trend อนาคต ADVANC,INTUCH*,TRUE,GULF*,AMATA
(5) กลุ่มสินค้า IT ที่ได้ประโยชน์จากการเปลี่ยนถ่ายเทคโนโลยี(เช่น AI function/ 4G to 5G) SYNEX*, ADVICE*, SIS*
(6) กลุ่มที่มี Sentiment บวกจาก Entertainment Complex BTS*, VGI*, MBK*, BA
**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย
Asset Allocation: Equity 55% Fixed Income 30% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 5%
Today Fundamental Research: -
Monthly Portfolio April 2025: CPALL, SYNEX*, KLINIQ, DOHOME*, TEGH*
Analysts
Apichai Raomanachai
Fundamental and Technical Investment Analysis ID No. 002939
Tel 02-829-6999 Ext 2200
Email : apichai.ra@kfsec.co.th
Nopporn Chaykaew
Fundamental Analysis ID No. 043964
Tel 02-829-6999 Ext 2203
Email : noppoen.ch@kfsec.co.th
Nattawat Poosunthornsri
Fundamental Analysis ID No. 087077
Tel 02-829-6999 Ext 2204
Email : nattawat.po@kfsec.co.th