Today’s NEWS FEED

News Feed

HotNews: GUNKUL ยันโรงไฟฟ้าทุกโรง ปลอดภัยจากเหตุแผ่นดินไหว / NER ตั้งเป้ายอดขายปีนี้โต 24% ทุ่ม 2 พันลบ. เดินหน้าสร้างโรงงานแห่งที่ 3

1,226

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (31 มีนาคม 2568)-------บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ GUNKUL ผู้นำด้านพลังงานสีเขียวแบบ ครบวงจรใหญ่ที่สุดอันดับ 2 ของไทย ยืนยันเหตุการณ์แผ่นดินไหวไม่มีผลกระทบต่อสินทรัพย์ ภายใต้โครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานสีเขียวที่ดำเนินงานโดยบริษัทฯ ทั้งหมด ได้แก่ โครงการ พลังงานลมจำนวน 3 โครงการ กำลังการผลิตรวม 170 เมกะวัตต์ และโครงการพลังงานแสง อาทิตย์ (Solar) ทั้งโซลาร์ ฟาร์ม (Solar Farm) และโซลาร์ รูฟท็อป (Solar rooftop) โดยได้เร่ง ตรวจสอบตามมาตรฐาน และมีมาตรการเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างระวังและใกล้ชิด

 

คุณนฤชล ดำรงปิยวุฒิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ GUNKUL เผยว่า จากเหตุการณ์เหตุแผ่นดินไหวโดยมีจุดศูนย์กลางอยู่ที่ประเทศเมียนมา เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 ซึ่งส่งผลต่อตึกสูงในกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล รับรู้แรงสั่นสะเทือน เกิดการสั่นไหว รู้สึกได้ถึงจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งเป็นที่ตั้งโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมทั้ง 3 โครงการ ทั้งนี้ GUNKUL ในฐานะผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนมีที่กำลังการผลิตไฟฟ้าพลังงานสีเขียวสูงเป็นอันดับสองของประเทศไทย ขอยืนยืนว่าสินทรัพย์และบุคลากรในโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานสีเขียวที่ดำเนินงานโดยบริษัทฯ ทั้งโครงการพลังงานลม และโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar) ทุกโครงการ ไม่ได้รับผลกระทบ จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวดังกล่าว ยังสามารถผลิตและจำหน่ายกระแสไฟฟ้าได้ตามปกติทุกโครงการ โดยไม่เกิดความเสียหายใดเลย หลังจากบริษัทฯ ได้ดำเนินการตรวจสอบตามมาตรฐาน ประกอบด้วย

โครงการพลังงานลมจำนวน 3 โครงการ มีกำลังการผลิตทั้งหมด 170 เมกะวัตต์ โดยหลังเกิดเหตุ ในระหว่างวันที่ 28 - 29 มีนาคม 2568 ทีมวิศวกรของบริษัทฯ ได้เข้าตรวจสอบโครงสร้างเบื้องต้น (Visual Inspection) กับต้นกังหันลมทั้ง 83 ต้น โดยบริเวณฐานกังหันลมรวมถึงโครงสร้างต้นกังหันลม ไม่พบรอย แตกร้าวที่ผิดปกติ นอกจากนี้ ณ ช่วงเวลาที่เกิดเหตุแผ่นดินไหว ไม่มีสัญญาณแจ้งเตือนการทำงานผิดปกติ ต้นกังหันลมทุกต้นสามารถผลิตและจำหน่ายกระแสไฟฟ้าเข้าระบบของการไฟฟ้าฯ ได้ตามปกติ แม้ใน ขณะเกิดเหตุดังกล่าว

นอกจากนี้ยังได้ดำเนินการตรวจสอบอุปกรณ์ในลานไกสถานีไฟฟ้า (Switchyard) 115kV สายส่ง 115kV จนถึงจุดเชื่อมต่อกับการไฟฟ้า และถนนภายในของทั้ง 3 โครงการพลังงานลมเพิ่มเติม เบื้องต้น ไม่พบความผิดปกติแต่อย่างใดที่จะส่งผลกระทบต่อการผลิตกระแสไฟฟ้าเพื่อจำหน่าย

โครงการพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar) ในเบื้องต้นในการตรวจสอบผลกระทบและความเสียหาย ของโครงการ Solar ทั้งหมดในประเทศแล้ว ทั้งโครงการโซลาร์ ฟาร์ม (Solar Farm) ทั้ง 24 แห่ง ภายใน ประเทศ และโครงการโซลาร์ รูฟท็อป (Solar Rooftop) ซึ่งสามารถผลิตและจำหน่ายกระแส ไฟฟ้าได้ตามปกติ ไม่พบความผิดปกติแต่อย่างใด ที่จะส่งผลกระทบต่อการผลิตกระแสไฟฟ้า

"ดิฉันขอขอบพระคุณทุกท่าน จากทุกภาคส่วนเป็นอย่างสูงที่แสดงความห่วงใย และขอยืนยันว่า โรงไฟฟ้าพลังงานลมและโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ไม่ได้รับผลกระทบใดๆ จากเหตุแผ่นดินไหว และสามารถผลิตไฟฟ้าได้ตามปกติ นอกจากนี้ ปริมาณการผลิตไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าพลังงานลม ในไตรมาสที่ 1 คาดว่าเพิ่มขึ้นพอสมควรจากช่วงเดียวกันของปีก่อนอีกด้วย ทั้งนี้ บริษัทฯ จะติดตาม และเฝ้าระวัง สถานการณ์อย่างใกล้ชิด และขอแสดงความห่วงใยพร้อมทั้งส่งกำลังใจ ให้กับผู้ที่ได้ รับผลกระทบ จากภัยธรรมชาติในครั้งนี้ด้วย" คุณนฤชล กล่าวสรุป

นอกจากกลุ่มธุรกิจผลิตไฟฟ้าแล้ว ในอีก 2 กลุ่มธุรกิจของ GUNKUL ได้แก่ กลุ่มธุรกิจก่อสร้างโรงไฟฟ้า และกลุ่มโรงงานผลิตอุปกรณ์ไฟฟ้า โรงงานผลิตอุปกรณ์ไฟฟ้าของบริษัทฯ ในพื้นที่ตลิ่งชัน คลังสินค้า และ สำนักงานใหญ่ ก็ได้มีการตรวจสอบผลกระทบและความเสียหายต่อทั้งสินทรัพย์และบุคลากรด้วยแล้ว เช่นเดียวกัน โดยไม่ได้รับผลกระทบที่เกิดความเสียหาย ที่กระทบต่อโครงสร้างในส่วนของสินทรัพย์ อาคาร และไม่กระทบต่อการปฏิบัติงานเช่นเดียวกัน

 


NER เผยกลยุทธ์เสริมแกร่งปี 2025 ตั้งเป้าโต 24%
เดินหน้าสร้างโรงงานแห่งที่ 3 รองรับออเดอร์ทั้งในและต่างประเทศ

 

บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NER เผยผลประกอบการปีที่ผ่านมา (2567) กำไร 1,652 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.91% ตั้งเป้ายอดขายปีนี้ เติบโต 24% หรือ 500,000 ตัน พร้อมตอกย้ำศักยภาพการดำเนินธุรกิจที่แข็งแกร่งและกลยุทธ์บริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ เดินหน้าเตรียมขยายกำลังการผลิตสร้างโรงงานผลิตยางแท่งและยางผสมแห่งที่ 3 ในไตรมาส 2 ด้วยงบลงทุน 2,000 ล้านบาท เพื่อรองรับออเดอร์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เน้นผลักดันกลยุทธ์เสริมแกร่งทางธุรกิจและสร้างความยั่งยืน

นายชูวิทย์ จึงธนสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NER ผู้นำการดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่าย ยางแผ่นรมควัน ยางแท่ง ยางผสม และสินค้าปลายน้ำแผ่นยางพาราปูพื้นคุณภาพสูง เพื่อจำหน่ายไปยังผู้ผลิตในอุตสาหกรรมยานยนต์ กลุ่มผู้ค้าคนกลาง ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เปิดเผยว่า ในปี 2568 บริษัทฯ ตั้งเป้าผลิตอยู่ที่ 500,000 ตัน หรือยอดขายประมาณ 34,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24% และพร้อมเดินหน้าด้วยกลยุทธ์เสริมความแกร่งด้านการลงทุน โดยเตรียมสร้างโรงงานใหม่ แห่งที่ 3 ซึ่งผลิตยางแท่งและยางผสม พร้อมทุ่มงบ 2,000 ล้านบาท เพื่อรองรับตลาดยางพาราที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และรองรับออเดอร์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศจีนที่เป็นลูกค้าหลักมีการสั่งซื้อเพิ่มขึ้น พร้อมขยายฐานลูกค้ารายใหม่มากขึ้นในภูมิภาคเอเชียที่มีความต้องการยางพาราสูงขึ้น

NER คาดการณ์ว่าเมื่อโรงงานผลิตยางแท่งแห่งที่ 3 ก่อสร้างแล้วเสร็จจะเริ่มทยอยติดตั้งสายการผลิต โดยในปี พ.ศ. 2569 กำลังการผลิตจะเพิ่มขึ้นเป็น 675,000 ตันต่อปี (เพิ่มขึ้นจากปี พ.ศ. 2568 อีก 159,400 ตัน) และในปี พ.ศ. 2570 เมื่อเดินเครื่องเต็มกำลังการผลิต จะเพิ่มขึ้นเป็น 835,600 ตันต่อปี (เพิ่มขึ้นจากปี พ.ศ. 2569 อีก 160,600 ตัน) สรุปแล้วโรงงานแห่งใหม่นี้จะเพิ่มกำลังการผลิตรวมของบริษัทจาก 515,600 ตันต่อปี เป็น 835,600 ตันต่อปี หรือเพิ่มขึ้นทั้งหมด 320,000 ตันต่อปี คิดเป็นอัตราการเติบโต 62% ซึ่งจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งในการแข่งขันในตลาดโลก โรงงานแห่งใหม่นี้จึงมีบทบาทสำคัญในการผลักดันศักยภาพการผลิตของบริษัทฯ ให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง รองรับคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นทั้งจากลูกค้ารายเดิมและรายใหม่ในตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชีย

 

นอกจากนี้ NER ยังส่งเสริมเกษตรกรในการปลูกยางพาราที่ได้มาตรฐานตามข้อกำหนด EUDR เพื่อให้มีวัตถุดิบเพียงพอต่อการผลิตทั้งในด้านคุณภาพและปริมาณ รวมทั้งปรับกลยุทธ์ด้านการลดปริมาณการป้องกันความเสี่ยง จาก 100% เป็น 80% เพื่อเพิ่มโอกาสในการทำกำไร จากสถานการณ์วัตถุดิบที่มีปริมาณตึงตัว ที่ผ่านมา NER จะทำการป้องกันความเสี่ยงด้านราคา 100% ของยอดขาย ถึงแม้จะทำให้กำไรมีความสม่ำเสมอ แต่ต้องแลกด้วยการเก็บสินค้าคงคลังยางพาราที่สูง เพราะปกติต้องเก็บยางพารา 4-5 เดือน ก่อนถึงวันส่งมอบสินค้า ทำให้ NER มีมูลค่าสินค้าคงคลังสูงกว่าคู่แข่ง แต่เมื่อราคายางเป็นเทรนด์ขาขึ้น NER จะไม่ได้ประโยชน์ เพราะได้ล็อกทั้งต้นทุนและราคาขายยางพาราไปแล้ว

NER เชื่อมั่นว่าการขยายกำลังการผลิตในครั้งนี้จะเป็นก้าวสำคัญในการเสริมสร้างความมั่นคงและยั่งยืนทางธุรกิจในระยะยาว อีกทั้งยังเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ผลักดันให้บริษัทก้าวขึ้นเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมยางพาราระดับภูมิภาคอย่างมั่นคง พร้อมกันนี้ NER ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาและดูแลพนักงานของเราในทุกระดับอย่างต่อเนื่อง ผ่านการสร้างแรงจูงใจในการทำงาน พร้อมสนับสนุนให้พนักงานเติบโตไปพร้อมกับองค์กรอย่างมั่นคงและยั่งยืน นอกจากนี้ NER ยังดำเนินกิจกรรมทางด้าน ESG อย่างต่อเนื่องเพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้คนในพื้นที่ที่บริษัทดำเนินธุรกิจอยู่ควบคู่ไปกับการพัฒนาสังคม โดยยึดมั่นใน เป้าหมายหลักของการดำเนินธุรกิจ “NER สร้างคุณค่าที่มากกว่ายาง” และ วิสัยทัศน์ “เราคือผู้ผลิตยางธรรมชาติชั้นนำระดับโลก ที่มุ่งสร้างคุณค่าและอนาคตที่ยั่งยืนให้กับทุกชุมชนที่มีเรา” ทั้งนี้ บริษัทฯ มุ่งมั่นสู่การเป็นผู้นำด้านการผลิตยางธรรมชาติคุณภาพสูงที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล โดยดำเนินธุรกิจด้วยความสุจริต โปร่งใส และยุติธรรม พร้อมตระหนักถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และสังคมในทุกมิติ บริษัทฯ จะเดินหน้าเติบโตอย่างมั่นคงสร้างความยั่งยืนในอุตสาหกรรมยางพาราอย่างต่อเนื่อง นายชูวิทย์ จึงธนสมบูรณ์ กล่าวในท้ายสุด

 

///จบ///

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

1200 แตก By: แม่มดน้อย

แม่ดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ และแล้ว ดัชนีตลาดหุ้นไทย ก็แตก 1,200 จุด ด้วยพ่อใหญ่อย่าง DELTA แม่ใหญ่ AOT เป็นหัวหอก....

FTI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติไฟเขียวทุกวาระ จ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น

FTI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติไฟเขียวทุกวาระ จ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้