Today’s NEWS FEED

News Feed

กูรูทิสโก้ ประเมินแนวโน้มหุ้นไทยและหุ้นที่คาดจะได้-เสียประโยชน์จากเหตุการณ์แผ่นดินไหว

288


สำนักข่าวหุ้นอินไซด์( 31 มีนาคม 2568)------- บริษัทหลักทรัพย์ทิสโก้ ออกบทวิเคราะห์ เปิดเผยว่า ประเมินแนวโน้มหุ้นไทยและหุ้นที่คาดจะได้-เสียประโยชน์จากเหตุการณ์แผ่นดินไหว


ตามที่เกิดแผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 28 มี.ค. 2025 เวลา 13.20 น. ขนาด 8.2 ความลึก 10 กิโลเมตร จุดศูนย์กลางอยู่ที่เมียนมา และรับรู้แรงสั่นสะเทือนในกรุงเทพฯ และปริมณฑล สร้างความโกลาหลพอสมควรจนทำให้ตลาดหลักทรัพย์ฯ ต้องสั่งหยุดพักการซื้อขายในภาคบ่ายของวันดังกล่าว


เหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งนี้ถูกประเมินว่ารุนแรงที่สุดในรอบเกือบศตวรรษเท่าที่คนกรุงเทพฯ จะรู้สึกได้ในวงกว้าง ถ้าย้อนกลับไปเหตุการณ์ภัยพิบัติที่รุนแรงในประเทศไทยปี 2004 (พ.ศ. 2547) สึนามิ และปี 2011 (พ.ศ. 2554) มหาอุทกภัย SET Index ปรับตัวลงในช่วงสั้นและสามารถฟื้นตัวกลับมาที่ระดับเดิมได้ในเวลาไม่นานเพียง 1 สัปดาห์ และ 2 เดือน ตามลำดับ ซึ่งขึ้นอยู่กับลักษณะของการเกิดเหตุการณ์ภัยพิบัติและผลกระทบเชิงเศรษฐกิจ


สึนามิ : เกิดขึ้นภาคใต้ของไทยในวันที่ 26 ธ.ค. 2004 มีการสูญเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก แต่สำหรับผลกระทบเชิงเศรษฐกิจได้รับจำกัดเฉพาะกลุ่มท่องเที่ยวในภาคใต้ และเหตุการณ์นั้นเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวันเดียวจบ

มหาอุทกภัย : มีการรายงานข่าวมาในช่วงปลายไตรมาส 3 โดยมวลน้ำทยอยไหลลงจากภาคเหนือเข้าสู่กรุงเทพฯ ใช้เวลาหลายสัปดาห์ในช่วงไตรมาส 4 สร้างความเสียหายเป็นจำนวนมากโดยเฉพาะภาคกลางที่มีความหนาแน่นพื้นที่สูง

 


• สำหรับเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งนี้ ตลาดหุ้นไทยจะกลับมาเปิดซื้อขายตามปกติในวันที่ 31 มี.ค. 2025 เราคาด SET Index จะตอบสนองเชิงลบ แต่ผลกระทบน่าจะจำกัดและในระยะสั้นเท่านั้น เนื่องจากเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเพียงวันเดียวและมีเวลาช่วงสุดสัปดาห์ในการย่อยข่าวสาร อย่างไรก็ดี แม้เรามองความผันผวนจะเป็นจังหวะในการเข้าสะสมเพื่อการลงทุนสำหรับระยะกลาง-ยาว แต่ด้วยช่วงนี้เป็นช่วงที่ตลาดหุ้นไทยซบเซาเป็นทุนเดิมอยู่แล้วจากความกังวลทรัมป์จะประกาศใช้มาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) ในวันที่ 2 เม.ย. ซึ่งประเทศไทยจัดเป็นประเทศกลุ่มเสี่ยง เนื่องจากมีการเกินดุลกับสหรัฐฯ และมีส่วนต่างอัตราภาษีระหว่างกันโดยเฉลี่ยที่ค่อนข้างสูง ดังนั้น ในเชิงกลยุทธ์ เราแนะนำเฝ้าระวัง SET Index จะทำปรับตัวลงทำโลว์ใหม่หรือไม่ที่โซนบริเวณ 1155-60 โดยอาจรอความชัดเจนในการเข้าลงทุนหลังวันที่ 2 เม.ย.ไปแล้วก็ยังไม่สาย


• กลุ่มที่ได้คาดว่าจะประโยชน์ : 1. วัสดุก่อสร้าง (Construction Materials) รวมทั้งค้าปลีกปรับปรุง-ซ่อมแซมบ้าน (Home Improvement) เช่น SCC, SCCC, TPIPL, DCC, SCGD, TOA / HMPRO, GLOBAL, DOHOME เนื่องจากอาจมีความต้องการซ่อมแซมและสร้างอาคารใหม่มากขึ้น 2. รับเหมาก่อสร้าง (Contractors) เช่น STEC, CK อาจได้รับงานฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ถนน สะพาน อาคาร และ MENA คาดจะได้รับผลเชิงบวกจากอุปสงค์ในการใช้รถที่มากขึ้นระหว่างการซ่อมแซม และปัจจุบันบริษัทยังมีกองรถเหลือรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นได้ Top Picks : SCCC (เป้าพื้นฐาน 195 บ.), TOA (17.6 บ.) และ HMPRO (13.1 บ.)

 

• กลุ่มที่เสียประโยชน์ : 1. อสังหาริมทรัพย์ (Real Estate) เช่น AP, LH, LPN, ORI, QH, SC, SIRI, SPALI เป็นต้น อาจได้รับผลกระทบจากความกังวลของผู้บริโภคเกี่ยวกับความปลอดภัยของอาคาร 2. โรงแรมและการท่องเที่ยว (Hotels & Tourism) เช่น AOT, CENTEL, ERW, MINT อาจกระทบความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยว ชะลอการเดินทางท่องเที่ยวออกไป 3. การเงิน (Banking & Finance) เช่น BBL, KBANK, SCB, ฯลฯ, MTC TIDLOR, SAWAD อาจต้องเผชิญหนี้เสีย (NPL) เพิ่มขึ้น หากมีลูกค้าที่ได้รับผลกระทบทางการเงินจากแผ่นดินไหว และอาจถูกรัฐบีบให้ช่วยเหลือลูกหนี้มากขึ้น สำหรับกลุ่มเสียประโยชน์หากราคาปรับตัวลงเกินเหตุ มองเป็นจังหวะในการเก็งกำไรระยะสั้น และ/หรือเพื่อการลงทุนระยะกลาง-ยาว ในเชิงกลยุทธ์แนะนำ AP (11.8 บ.), LH (5.8 บ.), SPALI (20 บ.), MINT (43 บ.), KTB (28 บ.), SCB (131 บ.), TTB (2.3 บ.), MTC (53 บ.)

• สำหรับธุรกิจประกันภัย (Insurance) เช่น TIPH, BKIH (ไม่ได้อยู่ภายใต้การวิเคราะห์ของเรา) ส่วนใหญ่อาคารสูงและประกันอัคคีภัยสำหรับที่อยู่อาศัยจะมีการทำประกันภัยและให้ความคุ้มครองความเสียหายจากภัยแผ่นดินไหวอยู่แล้ว ดังนั้นระยะสั้นอาจมีการเคลมเงินประกันเรียกค่าเสียหาย คาดจะกดดันผลประกอบการปีนี้อาจพลิกเป็นขาดทุนหนัก แต่ส่วนใหญ่บริษัทประกันภัยจะบริหารความเสี่ยงด้วยการทำประกันภัยต่ออยู่แล้วตามวิสัยปกติในการดำเนินธุรกิจ ดังนั้นเราไม่คาดว่าจะมีบริษัทประกันถึงขั้นล้มละลาย อย่างไรก็ดี ในระยะถัดไป บริษัทประกันภัยมีโอกาสเพิ่มยอดขายประกันภัยแผ่นดินไหว หรือปรับขึ้นเบี้ยประกัน

• ล่าสุดมีการประเมินความเสียหายเบื้องต้นราว 3-5 พันล้านบาท หลัก ๆ มาจากโครงการก่อสร้างอาคารสำนักงานของ สตง.ที่ถล่มลงมามีมูลค่าโครงการกว่า 2.1 พันล้านบาท โดยมีผู้รับเหมาคือกิจการร่วมค้า ITD กับบริษัทไชน่าเรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) นอกจากนี้ จากการสอบถามบริษัทจดทะเบียนต่าง ๆ ที่อยู่ภายใต้การวิเคราะห์ของเราส่วนใหญ่ชี้แจงว่าไม่ได้รับความเสียหายใด ๆ แต่พร้อมเฝ้าระวังอยู่

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

1200 แตก By: แม่มดน้อย

แม่ดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ และแล้ว ดัชนีตลาดหุ้นไทย ก็แตก 1,200 จุด ด้วยพ่อใหญ่อย่าง DELTA แม่ใหญ่ AOT เป็นหัวหอก....

FTI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติไฟเขียวทุกวาระ จ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น

FTI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติไฟเขียวทุกวาระ จ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้