Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.คิงส์ฟอร์ด : บทวิเคราะห์ภาวะตลาดหุ้นรายวัน

198

Market Wrap-Up

  • SET วันที่ 28 มี.ค.68 ปิด -12.45 จุด อยู่ที่ 1,175.45 จุด มูลค่าการซื้อขาย 17,293 ลบ. ต่างชาติขาย 2,264 ลบ.   พอร์ตโบรกขาย 222 ลบ. สถาบันซื้อ 527 ลบ. และรายย่อยซื้อ 1,959 ลบ. NVDR มียอดขายสุทธิ 1,715 ลบ.โดยมียอดซื้อในหุ้น OR,TRUE,BBL,IVL,TISCO และยอดขายหุ้น DELTA,CCET,PTT,SCB,PTTEP มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 839 ลบ. หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ TDEX,UNIQ,TAIWANAI13 โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Short ใน Index Futures จำนวน 1,848 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Long สุทธิรวม 28,835 สัญญา
  • ตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA -1.69%, S&P500 -1.97%, Nasdaq -2.70% จากแรงขายกลุ่มบริการสื่อสาร -3.8%, สินค้าฟุ่มเฟือย -3.2% หลัง US Core PCE ก.พ. สูงกว่าคาด และกังวล ม.ปรับขึ้นภาษีศุลกากรของ ปธน.ทรัมป์ในวันที่ 2 เม.ย. ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 -0.77% จากแรงขายกลุ่มท่องเที่ยว, เทคโนโลยี, เหมืองแร่ จากความกังวลสหรัฐเรียกเก็บภาษีศุลกรกรรถยนต์อัตรา 25% ในวันที่ 3 เม.ย.  

Market View

  • DJIA -1%, S&P500 -1.5%, Nasdaq -2.6% WoW หลัง ปธน.ทรัมป์ประกาศเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์จากต่างประเทศในอัตรา 25% ในวันที่ 3 เม.ย. และชิ้นส่วนยานยนต์ในวันที่ 3 พ.ค. กอปรเตรียมประกาศขึ้นภาษีศุลกากรแบบตอบโต้ในวันที่ 2 เม.ย. ส่งผลให้นักลงทุนกังวลอาจส่งผลให้เงินเฟ้อสหรัฐอาจสูงขึ้น และภาวะเศรษฐกิจเสี่ยงเข้าสู่ภาวะถดถอย ขณะที่รายงาน US Core PCE ก.พ. ปรับขึ้นอยู่ที่ 8% & ม.ค. 2.7% YoY และผลสำรวจของผู้บริโภคต่อเงินเฟ้อสหรัฐ 1 ปีข้างหน้า มี.ค. ปรับขึ้นอยู่ที่ 5.0% & ก.พ. 4.3% สูงสุดในรอบ 2 ปีครึ่ง ส่งผลให้หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี, สินค้าฟุ่มเฟือยปรับลดลง แต่เทรดเดอร์คาดมีโอกาส 68.9% ที่เฟดจะปรับลดดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุม มิ.ย. สัปดาห์นี้ติดตาม US PMI ภาคผลิต & บริการ มี.ค., วันศุกร์ ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐ มี.ค. คาด 135,000 & ก.พ. 151,000 ราย, อัตราว่างงานสหรัฐ มี.ค.คาดทรงตัวที่ 4.1%
  • Stoxx600 -1.4% WoW โดยกลุ่มยานยนต์ยุโรป เช่น Stellantis, BMW, Porsche ปรับลดลง หลังสหรัฐเตรียมเรียกเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์อัตรา 25% ในวันที่ 3 เม.ย. กอปร ปธน.ทรัมป์เผยอาจเรียกเก็บภาษีศุลกากรกับสหภาพยุโรปในอัตราที่สูงกว่าคาด ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจนั้น อัตราว่างงานเยอรมัน มี.ค. ปรับขึ้นอยู่ที่ 3% & ก.พ. 6.2% YoY บ่งชึ้ตลาดแรงงานชะลอตัว อย่างไรก็ตามตัวเลข CPI ฝรั่งเศส มี.ค. ทรงตัว 0.9% YoY และ CPI สเปน มี.ค.ลดลงอยู่ที่ 2.2% & ก.พ. 2.9% YoY ดังนั้นจึงมีโอกาสที่ ECB จะลดดอกเบี้ยในการประชุม เม.ย.
  • MSCI Asia Pacific X Japan +1.3% WoW โดยดัชนีเซี่ยงไฮ้ -0.4%, ฮั่งเส็ง -1.1% Wow หลังหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี, อินเตอร์เน็ตจีนถูกแรงขายทำกำไร ส่วนดัชนีนิเกอิ -1.48% WoW, ดัชนี Kospi เกาหลีใต้ -3.2% WoW จากแรงขายกลุ่มผู้ผลิตรถยนต์ เช่น Toyota, Nissan, Honda, Hyundai ที่อาจถูกสหรัฐเรียกเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ และกลุ่มเทคโนโลยีเอเชีย เช่น TSMC ปรับลดลงจากความกังวลอุปสงค์ชิป AI ในสหรัฐอาจเข้าสู่ภาวะฟองสบู่ สัปดาห์นี้ติดตาม PMI ภาคการผลิต & บริการจีน, ญี่ปุ่น มี.ค., ดัขนีอุต ฯ รายใหญ่ญี่ปุ่น Q1/68
  • SET -0.94% WoW ปริมาณการซื้อขายเฉลี่ย/วัน 5 หมื่น ลบ. -40.0% WoW ต่างชาติขาย 4,106 ลบ. สถาบันขาย 1,108 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 270 ลบ. และรายย่อยซื้อ 5,484 ลบ. WoW โดยกลุ่มที่ปรับลดลง เช่น บรรจุภัณฑ์ -5.9%, ปิโตรเคมี -5.8%, วัสดุก่อสร้าง -4.6% WoW ซึ่งเป็นกลุ่ม Global Play ที่คาดจะถูกกระทบจาก ม.ปรับขึ้นภาษีศุลกากรของสหรัฐในวันที่ 2 เม.ย. ซึ่งประเทศไทยอยู่ในข่ายอาจถูกเรียกเก็บภาษีด้วย ส่วนกลุ่มท่องเที่ยว, ขนส่ง, รพ. ก็ปรับลดลง หลังจำนวนนักท่องเที่ยวจีนปีนี้อาจเที่ยวไทยน้อยกว่าคาด ขณะที่กลุ่มอสังหาฯ -3.5% WoW หลังวันศุกร์ที่ผ่านมาเกิดเหตุแผ่นดินไหวในพม่า ส่งผลต่ออาคารสูงในไทยเกิดการสั่นไหว และเกิดเหตุตึก สตง.ที่กำลังก่อสร้างเกิดเหตุถล่ม แต่โดยภาพรวมโครงสร้างสำคัญ ๆ ของไทยไม่ได้รับความเสี่ยหาย ซึ่งจากสถิติเหตุแผ่นดินไหวในไทยตั้งแต่ปี 2478 เกิดขึ้น 10 ครั้ง และมีความรุนแรงไม่เกิน 7 ริกเตอร์ และหากประเมินผลกระทบของแผ่นไหวในไทย 3 ครั้งล่าสุดในช่วง 16 พ.ค.50, 24 มี.ค. 54 และ 5 พ.ค.57 ความรุนแรงระดับ 6 ริกเตอร์ ส่งผลต่อลบดัชนี SET ผันผวนด้านลบระหว่างวันราว -0.4 ถึง -0.9% ส่วนประเด็นที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้ คือ ผลกระทบต่อ ม.ปรับขึ้นภาษึของสหรัฐในวันที่ 2 เม.ย. และความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติ หลังเกิดเหตุ ตึก สตง.ถล่ม ซึ่งอาจเกิดจากการก่อสร้างที่ไม่ได้มาตราฐานของบริษัท JV ของไทย & จีน     

 Daily Strategy

  • ประเมินแนวรับ SET ไว้ที่ 1,140 – 1,150 ปรับลดลงตามดัชนีภูมิภาคเช้านี้ที่ลดลงราว 2 – 3% โดยมีแนวต้านที่ 1,180 ระยะสั้นแนะนำซื้อเก็งกำไรกลุ่มอุปกรณ์ วัสดุก่อสร้าง เช่น HMPRO, DOHOME, GLOBAL,SCGD และหลีกเลี่ยงกลุ่มอสังหา ฯ, ประกันภัย
  • HMPRO* (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 10.90 บาท) ราคาหุ้นมีปัจจัยหนุนจากการประกาศซื้อหุ้นคืนวงเงินไม่เกิน 7 พันล้านบาท สำหรับปี 68 ผู้บริหารตั้งเป้ายอดขายเติบโต 3-5% โดยมีอัตราการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ที่ 2-3% มีแผนเปิดโฮมโปร 7 สาขาและเมก้าโฮม 5 สาขา ด้วยงบลงทุน 7-8 พันล้านบาท ส่วน GPM คาดว่าจะสูงขึ้นจากปีก่อนจากสัดส่วนสินค้าที่เป็น private brand เพิ่มขึ้น ทั้งนี้อิงจาก consensus ปี 68 ตลาดคาดกำไรสุทธิอยู่ที่ 87 พันล้านบาท +6%YoY เติบโตแบบค่อยเป็นค่อยไปท่ามกลางความม้าทายจากกำลังซื้อที่ชะลอตัว แต่ราคาหุ้นอยู่ในโซนต่ำแล้ว คาดได้รับประโยชน์จากการซ่อมแซมบ้านและอาคารหลังเกิดแผ่นดินไหว
  • DOHOME* (ซื้อ/ ราคาเป้าหมาย Bloomberg Consensus 8.38 บาท) กลุ่มสินค้าวัสดุก่อสร้าง/ของแต่งบ้าน มีโอกาสที่จะมี Demand สูงขึ้นจากการซ่อมแซมหลังเกิดภัยพิบัติธรรมชาติ ด้านผลการดำเนินงานปกติใน 1Q68 คาดว่าจะเห็นการฟื้นตัวได้หนุนด้วยลูกค้ากลุ่มรับเหมา/การเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐฯ ด้าน DOHOME*เอง วางเป้าในปี2568 SSSG +single mid digit%/ขยายสาขา(large store)อีก 3 สาขา(จาก 24 สาขา)/เน้นกลยุทธการขายสินค้า house brand ที่มี margin ดีกว่า โดยวางเป้าสัดส่วน house brand ปี68 ที่ 21% ทั้งนี้ ตลาดคาดว่าในปี68 และ69 กำไรสุทธิของ DOHOME* จะอยู่ที่ระดับ 864 ลบ.(+28%YoY) และ 960 ลบ.(+11%YoY) ตามลำดับ

 

Daily Key Factors

Oil Update(-) WTI พ.ค. -$0.56 อยู่ที่ $69.36 / บาร์เรล, Brent พ.ค. -$0.40 อยู่ที่ $73.63/บาร์เรล สัปดาห์ที่ผ่านมา WTI +1.6%, Brent +1.9% WoW หลังสหรัฐประกาศจะเก็บภาษีศุลกากร 25% กับประเทศที่ซื้อน้ำมันจากเวเนซุเอลา ส่งผลให้กำลังการผลิตน้ำมันของเวเนซุเอลาอาจลดลงราว 2 แสน บาร์เรล/วัน ขณะที่กลุ่มโอเปกพลัสกำลังพิจารณาเพิ่มกำลังการผลิตใน เม.ย.

 

Gold Update(+) Comex Gold มิ.ย.+$23.40 อยู่ที่ $3,114.30 /ออนซ์ สัปดาห์ที่ผ่านมาสัญญาทองคำ +2.96% WoW โดยทองคำเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย ในช่วงที่มีความไม่แน่นอนต่อ ม.ปรับขึ้นภาษีของสหรัฐในวันที่ 2 เม.ย. ขณะที่ US Core PCE ก.พ.ปรับขึ้นอยู่ที่ 0.4% & ม.ค. 0.3% MoM แต่นักลงทุนยังคาดเฟดมีโอกาสลดดอกเบี้ย 0.63% ในปีนี้

 

Fund Flow(+) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP สัปดาห์ที่ผ่านมา ซื้อสุทธิ +40.94 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นไทย -121.02 ล.ดอลลาร์สหรัฐ ซื้อหุ้นอินโดฯ +196.17 ล.ดอลลาร์สหรัฐ และขายหุ้นฟิลิปปินส์ -34.21 ล.ดอลลาร์สหรัฐ

 

(0) ค่าเงินบาทเช้านีอ่อนค่าอยู่ที่ 33.97 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(0) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ลดลงอยู่ที่ 4.20 %

(-) ดัชนี BDI วานนี้ -19 จุด อยู่ที่ 1,602

(-) BitCoinเช้านี้ -0.89% อยู่ที่ 82,062 ดอลลาร์สหรัฐ

 

Economic Calendar

 

ในประเทศ

31 มี.ค.       ธปท. รายงานภาวะเศรษฐกิจและการเงินไทย

สัปดาห์ที1  ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค

(เม.ย.)

 

ต่างประเทศ

31 มี.ค.       CN ดัชนี PMI ภาคการผลิตของจีน (มี.ค.)

01 เม.ย.     EU ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) (ปีต่อปี) (มี.ค.) 

                    US ตำแหน่งงานว่างเปิดใหม่จาก JOLTS (ก.พ.)

US ดัชนี PMI ภาคการผลิตจากสถาบันไอเอสเอ็ม (ISM) (มี.ค.)

02 เม.ย.     US การเปลี่ยนแปลงการจ้างงานภาคนอกภาคเกษตรกรรม(ADP)(มี.ค.)

03 เม.ย.     US สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ

                    US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก

                    US ดัชนี PMI ภาคการบริการจากสถาบันไอเอสเอ็ม (ISM) (มี.ค.)

04 เม.ย.     CN เทศกาลเช็งเม้ง

                    US อัตราการว่างงาน (มี.ค.)

                    US รายได้เฉลี่ยต่อชั่วโมง (เดือนต่อเดือน) (มี.ค.)

 

 

 

Theme Strategy

Theme หุ้นเด่น 1H68 เน้น หุ้นในธุรกิจใหม่ที่เป็น Trend ในอนาคต อย่าง Data Center รวมถึงหุ้นที่มีแนวโน้มกำไรปกติ 4Q67-1Q68 คาดออกมาดี และ หุ้นที่รับความผันผวนได้ดีจากความเสี่ยง Trade War/ธนาคารกลางหลักมีแนวโน้มชะลอการลดดอกเบี้ย  

 

(1) กลุ่มธนาคารที่มี Sentiment บวกจากธนาคารกลางหลักมีแนวโน้มชะลอการลดดอกเบี้ย/มี Yield สูง BBL, KTB, KBANK, TISCO*, TTB*

 

(2) กลุ่มการอุปโภคบริโภค ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ CPALL, CPAXT*, CRC, NSL*, TNP*, OSP*

 

(3) กลุ่มโรงพยาบาล BDMS, BH, PR9*, SKR

 

(4) กลุ่มมีโอกาสเกี่ยวข้องกับการลงทุน Data Center/ธุรกิจ Trend อนาคต ADVANC,INTUCH*,TRUE,GULF*,AMATA

 

(5) กลุ่มสินค้า IT ที่ได้ประโยชน์จากการเปลี่ยนถ่ายเทคโนโลยี(เช่น AI function/ 4G to 5G) SYNEX*, ADVICE*, SIS*

 

(6) กลุ่มที่มี Sentiment บวกจาก Entertainment Complex BTS*, VGI*, MBK*, BA

 

 

**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย

 

Asset Allocation: Equity 55% Fixed Income 30% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 5%

 

Today Fundamental Research: -

 

 

Monthly Portfolio February 2025: CPALL, SYNEX*, KLINIQ, DOHOME*, TEGH*

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

Analysts

Apichai Raomanachai  

Fundamental and Technical Investment Analysis ID No.  002939

Tel  02-829-6999  Ext  2200

Email : apichai.ra@kfsec.co.th

Nopporn Chaykaew     

Fundamental Analysis ID No.  043964

Tel  02-829-6999  Ext  2203

Email : noppoen.ch@kfsec.co.th

Nattawat Poosunthornsri  

Fundamental Analysis ID No.  087077

Tel  02-829-6999  Ext  2204

Email : nattawat.po@kfsec.co.th

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

1200 แตก By: แม่มดน้อย

แม่ดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ และแล้ว ดัชนีตลาดหุ้นไทย ก็แตก 1,200 จุด ด้วยพ่อใหญ่อย่าง DELTA แม่ใหญ่ AOT เป็นหัวหอก....

FTI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติไฟเขียวทุกวาระ จ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น

FTI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติไฟเขียวทุกวาระ จ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้