Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส ชี้ ใครได้-ใครเสีย...จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวในเมียนมาที่ส่งผลกระทบมาไทย

236

 

บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส วิเคราะห์ ใครได้-ใครเสีย...จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวในเมียนมาที่ส่งผลกระทบมาประเทศไทย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ได้ประกาศระงับการซื้อ ขายในทุกตลาดหลังเกิด เหตุการณ์ แผ่นดินไหว สืบเนื่องจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวขนาด 7.7 แมกินจูด ที่เกิดขึ้นในประเทศเมียนมา เมื่อเวลา 13 :20 น.ของวันศุกร์ที่ 28 มี.ค.68 ซึ่งส่งผลให้หลายพื้นที่ในประเทศไทยรับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือน โดยเฉพาะอาคารสูงในกรุงเทพฯและปริมณฑล ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ได้ประกาศระงับการซื้อขายในทุกตลาด ได้แก่ SET, mai และTFEX เพื่อความปลอดภัยจากเหตุการณ์ดังกล่าวและอาฟเตอร์ช็อก รวมถึงประเมินสถานการณ์ & ความเสียหายที่เกิดขึ้น โดยก่อนการระงับการซื้อขาย SET Index ปรับตัวลดลง -1.05% ปิดที่ 1 ,175.45 จุด

 

ยังอยู่ระหว่างประเมินความเสียหาย ณ เวลา 13.30 น.ของวันที่ 30 มี.ค.68 (ครบ 48 ชั่วโมงหลังเกิดเหตุการณ์ แผ่นดินไหว) มีรายงานจากศูนย์เอราวัณจากเหตุแผ่นดินไหวในเมียนมาที่ส่งผลกระทบถึงประเทศไทยระบุว่า มีผู้เสียชีวิตแล้ว 17 ราย บาดเจ็บ 32 ราย และสูญหายอีก 83 ราย ในสถานที่อาคารสูงรวม 11 แห่งในกรุงเทพมหานคร สำหรับมูลค่าความเสียหายจากเหตุแผ่นดินไหวในไทยทั้งหมดยังไม่ชัดเจนเพราะหลายแห่งอยู่ระหว่างประเมินมูลค่า

 

สถาบันการเงิน รัฐและธนาคารพาณิชย์อ อกมาตรการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุแผ่นดิน ไหว โดยสถาบันการเงินรัฐมีทั้งการพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ย, ลดดอกเบี้ย, ให้สินเชื่อเพื่ซ่อมบำรุงแซม ฯลฯ ส่วนธ.พ.มีการลดค่างวดให้กับลูกหนี้บ้านี้เป็นเวลา 12 เดือน ลดดอกเบี้ยเป็น 0% เป็นเวลา 3 เดือน หลังจากนั้นให้ดอกเบี้ยต่าอีก 33 เดือนและสำหรับลูกหนี้ SME ลดดอกเบี้ยและค่างวดในการชำระหนี้ พักการชำระเงินต้นและดอกเบี้ยขยายระยะเวลาผ่อนชำระ/ปรับตารางผ่อนชำระหนี้ เป็นต้น

 

ความเห็นเชิงกลยุทธ์ DBSVTH : เราคาดว่าความผันผวนของตลาดจะมากขึ้น เมื่อตลาดหุ้น กลับมาเปิดทำ การในวนัจันทร์ที่ 31 มี.ค.68 สำหรับผลกระทบต่อกลุ่มอุตสาหกรรมและหุ้นต่าง ๆ คาดว่าจะเป็นดังนี้ 1. กลุ่มประกันภัย - คาดว่าจะได้รับผลกระทบมาก จากภาระการจ่ายสินไหมทดแทนจำนวนมาก จากความเสียหาย
ของสิ่งก่อสร้างและอาคารตางๆ ที่มีการทำประกันไว้ ซึ่งหลายบริษัทประกันมีการทำ

 

สำหรับการพังถล่มของอาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน ส่งผลให้เกิดการเรียกรองค่าสินไหมทดแทนจำนวนมาก(วงเงินประกันมูลค่าโครงการอยุ่ที่ 2,136 ล้านบาท) ตามรายงานของในประเทศ มีบริษัทประกัน 4 รายที่ต้องรับผิดชอบ คือ 1) TIPH ( บมจ.ทิพยประกันภัย) 40% โดยผู้ถือหุ้นใหญ่ คือ PTT 13.46%, KTB 10%, 2) BKIH ( บมจ.กรุงเทพประกันภัย) 25% โดยผู้ถือหุ้นใหญ่ คือ BBL 9.99%, BLA 2.01% และตระกูลโสภณพนิช, 3) INSURE
(บมจ.อินทรประกันภัย) 25% โดยผู้ถือหุ้นใหญ่ คือคุณเจริญ สิริวัฒนภักดี ผ่าน Thai Group Holding 62.55%, 4)บริษัทวิริยะประกันภัย 10% ถือหุ้นในบริษัทจดทะเบียนหลายแห่ง เช่น THRE (3.17%), BDMS (4.27%), SIRI(6.86%), TQM (3.10%), XPG (9.02%), PF (7.5%), BAREIT (1.94%), IIG (4.6%)

 

ส่วนกรณีกระแสข่าวที่ว่า หากโครงการสำนักงานสตง.ก่อสร้างไม่ได้มาตรฐาน จะส่งผลกระทบต่อการรับประกันั้นนในทางทฤษฎี ทางนายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย กล่าวว่า หากโครงการก่อสร้างไม่ได้มาตรฐาน เช่น วัสดุที่ไม่ได้มาตรฐาน บริษัทประกันภัยจะไม่คุ้มครอง แต่การจะบอกว่าไม่ได้มาตรฐาน รวมทั้งข้อยกเว้นต่าง ๆ บริษัทประกันภัยไม่สามารถวินิจฉัยได้เอง ต้องใช้การประเมินจากสภาวิชาชีพต่าง ๆและหน่วยงานภาครัฐ

 

ดร.สมพร สืบถวิลกุล นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย คาดว่ามูลค่าการชดเชยความเสียหายของบริษัทประกันภัยต่อเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งนี้น่าจะต่ำกว่า 100,000 ล้านบาท ซึ่งต่ำกว่าโควิดที่ราว 150,000 ล้านบาท

 

2. กลุ่มทพี่ กัอาศัย - ได้รับผลกระทบทางลบ โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมประเภท High rise จากความกังวลเรื่องความปลอดภัยของโครงสร้างและความล่าช้าของโครงการหุ้นที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบมากคือบริษัทที่มีโครงการคอนโดเป็นสัดส่วนสูง 70-90% คือ NOBLE, ORI, ANAN, LPN บริษัทที่มีรายได้คอนโด 30-50% เป็น AP, SIRI,SPALI, SC ด้าน LH, QH, PSH จะมีสัดส่วนคอนโดน้อย ส่วนใหญ่เป็นบ้านแนวราบ และทาวเฮาส์ ...เราคาดว่ายอดขายและยอดโอนรับรู้รายได้คอนโดจะชะลอตัวลง และผู้ประกอบการน่าจะมีการทำโปรโมชั่นเพื่อระบายสต็อกยังผลให้จะมีความเสี่ยงต่ออัตรากำไรที่อาจจะลดลงบาง อย่างไรก็ดี LPN แม้ว่ามีคอนโดเป็นสัดส่วนที่สูง แต่ตามกระแสข่าวระบุว่าโครงการได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวไม่มาก ด้านโครงการแนวราบ ทั้งทาวเฮาส์ และบ้านเดียวรวมถึงคอนโด Low rise (ไม่เกิน 9 ชั้น) มโอกาสได้รับผลบวกเล็กน้อย

 

3. กลุ่มท่องเที่ยวและโรงแรม - อาจมีการชะลอตัวในระยะส้น จากนักท่องเที่ยวกังวลเรื่องความปลอดภัย หุ้นที่ถูกกระทบ ได้แก่ ERW, CENTEL, SPA ส่วน MINT ได้รับผลกระทบน้อยกว่า เพราะมีสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศสูง

 

4. กลุ่มที่เกี่ยวกับการบิน - มโอกาสชะลอตัวในช่วง สั้น โดยความกังวลเรื่องความปลอดภัย ทำให้นักท่องเที่ยวอาจชะลอการเดินทางไปก่อน หุ้นที่ได้รับผลกระทบ คือ AOT, AAV, BA

 

5. กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง - คาดว่าจะได้รับผลกระทบแบบผสม โดย ITD ได้รับผลกระทบเชิงลบเนื่องจากเป็นผู้รับเหมาสร้างอาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินร่วมกับ China Railway No.10 Engineering Group (โดยแบงค์หลักของ ITD เป็น BBL) ด้าน SYNTEC น่าจะได้รับผลกระทบทางลบ จากแนวโน้มการก่อสร้างคอนโดเปิดใหม่ที่อาจจะลดลง ส่วน CK และSTECON อาจเป็นผู้ได้ประโยชน์จากการฟื้นฟูและก่อสร้างใหม่ สำหรับโครงการหลวงพระบางของ CK บริษัทแจ้งว่าไม่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหว

 

6. กลุ่มซีเมนต์และวัสดุก่อสร้าง - มีแนวโน้มได้รับประโยชน์ในระยะส้น จากความต้องการใช้ซีเมนต์กระเบื้องและยางมะตอยที่จะเพิ่มขึ้นในการซ่อมแซมและสร้างทดแทน หุ้นที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ SCC, SCCC, TPIPL, DCC,SCGD, TASCO เป็นต้น

 

7. กลุ่มค้ำปลีกและสินค้าอุปโภคบริโภค - คาดว่าได้รับผลกระทบแบบผสม โดยหุ้นที่เกี่ยวข้องกับการอุปโภคบริโภคในชีวิตประจำวันและเป็นสินค้าจำเป็นจะได้รับผลกระทบจำกัด เช่น CPALL, BJC ส่วนหุ้นค้าปลีกวัสดุก่อสร้างอาจได้รับผลดีจากการซ่อมแซม เช่น HMPRO, DOHOME, GLOBAL ด้านหุ้นศูนย์การค้า คือ CPN, CRC ระยะส้นผู้ใช้บริการอาจเข้าไปใช้บริการน้อยลง เพราะกังวลเรื่องความปลอดภัย ส่วนความเสียหายของอาคารหางสรรพสินค้าบริษัทระบุว่ามีประกันภัยรองรับกรณีแผ่นดินไหว สำหรับ MEGA ได้รับผลกระทบมากเนื่องจากมีธุรกิจในเมียนมาส่วน OSP, CBG, GLOBAL บริษัทยืนยันว่าไม่มีสินทรัพย์เสียหาย แต่อาจได้รับผลกระทบจากยอดขาย/ส่วนแบ่งกำไรจากเมียนมาที่ลดลง

 

8. กลุ่มีพลังงาน - คาดว่าได้รับผลกระทบจำกัด โดยทาง PTT และPTTEP แจ้งว่า แท่นผลิตก๊าซของบริษัทในอ่าวไทย และอ่าวเมาะตะมะ ประเทศเมียนมายังผลิตก๊าซได้ตามปกติ ส่วน OR แจ้งว่า คลังน้ำมันและคลังปิโตรเลียม 22แห่งทั่วประเทศ ไม่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหว

 

9. กลุ่มโรงพยาบาล - คาดว่าได้รับผลกระทบไม่มากเนื่องจากในประเทศไทยมีผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งนี้ไม่เยอะ ส่วนคนไข้ต่างชาติอาจจะชะลอตัวบ้างในช่วง สั้น เพราะกังวลเรื่องความปลอดภัย

 

10. กลุ่มขนส่งทางราง - คาดว่าได้รับผลกระทบจำกัด จากการปิดให้บริการชั่วคราว 1 -3 วัน ซึ่งขณะนี้กลับมาให้บริการเป็นปกติเกือบทั้งหมดแล้ว ยกเว้นสายสีชมพูที่คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในวันที่ 31 มี.ค.68

 

11. บริษัทหลักทรัพย์ - ได้รับผลกระทบจำกัด จากการระงับการซื้อขายชั่วคราวประมาณครึ่งวันในวันศุกร์ที่ 28 มี.ค.68 และกลับมาเปิดดำเนินการปกติในวันจันทร์ที่ 31 มี.ค.68

 

นักวิเคราะห์ &กลยุทธ์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค : arparporns@dbs.com : Tel 02 587 7829



 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

บทความล่าสุด

ปลุกหุ้นใหญ่ By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ ตลาดหุ้นไทย สูตรเดิม มักใช้ได้เสมอ ใช้หุ้นDELTA นำ ตามด้วย .....

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้