Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส ชี้ ใครได้-ใครเสีย...จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวในเมียนมาที่ส่งผลกระทบมาไทย

591

 

บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส วิเคราะห์ ใครได้-ใครเสีย...จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวในเมียนมาที่ส่งผลกระทบมาประเทศไทย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ได้ประกาศระงับการซื้อ ขายในทุกตลาดหลังเกิด เหตุการณ์ แผ่นดินไหว สืบเนื่องจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวขนาด 7.7 แมกินจูด ที่เกิดขึ้นในประเทศเมียนมา เมื่อเวลา 13 :20 น.ของวันศุกร์ที่ 28 มี.ค.68 ซึ่งส่งผลให้หลายพื้นที่ในประเทศไทยรับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือน โดยเฉพาะอาคารสูงในกรุงเทพฯและปริมณฑล ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ได้ประกาศระงับการซื้อขายในทุกตลาด ได้แก่ SET, mai และTFEX เพื่อความปลอดภัยจากเหตุการณ์ดังกล่าวและอาฟเตอร์ช็อก รวมถึงประเมินสถานการณ์ & ความเสียหายที่เกิดขึ้น โดยก่อนการระงับการซื้อขาย SET Index ปรับตัวลดลง -1.05% ปิดที่ 1 ,175.45 จุด

 

ยังอยู่ระหว่างประเมินความเสียหาย ณ เวลา 13.30 น.ของวันที่ 30 มี.ค.68 (ครบ 48 ชั่วโมงหลังเกิดเหตุการณ์ แผ่นดินไหว) มีรายงานจากศูนย์เอราวัณจากเหตุแผ่นดินไหวในเมียนมาที่ส่งผลกระทบถึงประเทศไทยระบุว่า มีผู้เสียชีวิตแล้ว 17 ราย บาดเจ็บ 32 ราย และสูญหายอีก 83 ราย ในสถานที่อาคารสูงรวม 11 แห่งในกรุงเทพมหานคร สำหรับมูลค่าความเสียหายจากเหตุแผ่นดินไหวในไทยทั้งหมดยังไม่ชัดเจนเพราะหลายแห่งอยู่ระหว่างประเมินมูลค่า

 

สถาบันการเงิน รัฐและธนาคารพาณิชย์อ อกมาตรการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุแผ่นดิน ไหว โดยสถาบันการเงินรัฐมีทั้งการพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ย, ลดดอกเบี้ย, ให้สินเชื่อเพื่ซ่อมบำรุงแซม ฯลฯ ส่วนธ.พ.มีการลดค่างวดให้กับลูกหนี้บ้านี้เป็นเวลา 12 เดือน ลดดอกเบี้ยเป็น 0% เป็นเวลา 3 เดือน หลังจากนั้นให้ดอกเบี้ยต่าอีก 33 เดือนและสำหรับลูกหนี้ SME ลดดอกเบี้ยและค่างวดในการชำระหนี้ พักการชำระเงินต้นและดอกเบี้ยขยายระยะเวลาผ่อนชำระ/ปรับตารางผ่อนชำระหนี้ เป็นต้น

 

ความเห็นเชิงกลยุทธ์ DBSVTH : เราคาดว่าความผันผวนของตลาดจะมากขึ้น เมื่อตลาดหุ้น กลับมาเปิดทำ การในวนัจันทร์ที่ 31 มี.ค.68 สำหรับผลกระทบต่อกลุ่มอุตสาหกรรมและหุ้นต่าง ๆ คาดว่าจะเป็นดังนี้ 1. กลุ่มประกันภัย - คาดว่าจะได้รับผลกระทบมาก จากภาระการจ่ายสินไหมทดแทนจำนวนมาก จากความเสียหาย
ของสิ่งก่อสร้างและอาคารตางๆ ที่มีการทำประกันไว้ ซึ่งหลายบริษัทประกันมีการทำ

 

สำหรับการพังถล่มของอาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน ส่งผลให้เกิดการเรียกรองค่าสินไหมทดแทนจำนวนมาก(วงเงินประกันมูลค่าโครงการอยุ่ที่ 2,136 ล้านบาท) ตามรายงานของในประเทศ มีบริษัทประกัน 4 รายที่ต้องรับผิดชอบ คือ 1) TIPH ( บมจ.ทิพยประกันภัย) 40% โดยผู้ถือหุ้นใหญ่ คือ PTT 13.46%, KTB 10%, 2) BKIH ( บมจ.กรุงเทพประกันภัย) 25% โดยผู้ถือหุ้นใหญ่ คือ BBL 9.99%, BLA 2.01% และตระกูลโสภณพนิช, 3) INSURE
(บมจ.อินทรประกันภัย) 25% โดยผู้ถือหุ้นใหญ่ คือคุณเจริญ สิริวัฒนภักดี ผ่าน Thai Group Holding 62.55%, 4)บริษัทวิริยะประกันภัย 10% ถือหุ้นในบริษัทจดทะเบียนหลายแห่ง เช่น THRE (3.17%), BDMS (4.27%), SIRI(6.86%), TQM (3.10%), XPG (9.02%), PF (7.5%), BAREIT (1.94%), IIG (4.6%)

 

ส่วนกรณีกระแสข่าวที่ว่า หากโครงการสำนักงานสตง.ก่อสร้างไม่ได้มาตรฐาน จะส่งผลกระทบต่อการรับประกันั้นนในทางทฤษฎี ทางนายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย กล่าวว่า หากโครงการก่อสร้างไม่ได้มาตรฐาน เช่น วัสดุที่ไม่ได้มาตรฐาน บริษัทประกันภัยจะไม่คุ้มครอง แต่การจะบอกว่าไม่ได้มาตรฐาน รวมทั้งข้อยกเว้นต่าง ๆ บริษัทประกันภัยไม่สามารถวินิจฉัยได้เอง ต้องใช้การประเมินจากสภาวิชาชีพต่าง ๆและหน่วยงานภาครัฐ

 

ดร.สมพร สืบถวิลกุล นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย คาดว่ามูลค่าการชดเชยความเสียหายของบริษัทประกันภัยต่อเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งนี้น่าจะต่ำกว่า 100,000 ล้านบาท ซึ่งต่ำกว่าโควิดที่ราว 150,000 ล้านบาท

 

2. กลุ่มทพี่ กัอาศัย - ได้รับผลกระทบทางลบ โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมประเภท High rise จากความกังวลเรื่องความปลอดภัยของโครงสร้างและความล่าช้าของโครงการหุ้นที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบมากคือบริษัทที่มีโครงการคอนโดเป็นสัดส่วนสูง 70-90% คือ NOBLE, ORI, ANAN, LPN บริษัทที่มีรายได้คอนโด 30-50% เป็น AP, SIRI,SPALI, SC ด้าน LH, QH, PSH จะมีสัดส่วนคอนโดน้อย ส่วนใหญ่เป็นบ้านแนวราบ และทาวเฮาส์ ...เราคาดว่ายอดขายและยอดโอนรับรู้รายได้คอนโดจะชะลอตัวลง และผู้ประกอบการน่าจะมีการทำโปรโมชั่นเพื่อระบายสต็อกยังผลให้จะมีความเสี่ยงต่ออัตรากำไรที่อาจจะลดลงบาง อย่างไรก็ดี LPN แม้ว่ามีคอนโดเป็นสัดส่วนที่สูง แต่ตามกระแสข่าวระบุว่าโครงการได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวไม่มาก ด้านโครงการแนวราบ ทั้งทาวเฮาส์ และบ้านเดียวรวมถึงคอนโด Low rise (ไม่เกิน 9 ชั้น) มโอกาสได้รับผลบวกเล็กน้อย

 

3. กลุ่มท่องเที่ยวและโรงแรม - อาจมีการชะลอตัวในระยะส้น จากนักท่องเที่ยวกังวลเรื่องความปลอดภัย หุ้นที่ถูกกระทบ ได้แก่ ERW, CENTEL, SPA ส่วน MINT ได้รับผลกระทบน้อยกว่า เพราะมีสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศสูง

 

4. กลุ่มที่เกี่ยวกับการบิน - มโอกาสชะลอตัวในช่วง สั้น โดยความกังวลเรื่องความปลอดภัย ทำให้นักท่องเที่ยวอาจชะลอการเดินทางไปก่อน หุ้นที่ได้รับผลกระทบ คือ AOT, AAV, BA

 

5. กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง - คาดว่าจะได้รับผลกระทบแบบผสม โดย ITD ได้รับผลกระทบเชิงลบเนื่องจากเป็นผู้รับเหมาสร้างอาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินร่วมกับ China Railway No.10 Engineering Group (โดยแบงค์หลักของ ITD เป็น BBL) ด้าน SYNTEC น่าจะได้รับผลกระทบทางลบ จากแนวโน้มการก่อสร้างคอนโดเปิดใหม่ที่อาจจะลดลง ส่วน CK และSTECON อาจเป็นผู้ได้ประโยชน์จากการฟื้นฟูและก่อสร้างใหม่ สำหรับโครงการหลวงพระบางของ CK บริษัทแจ้งว่าไม่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหว

 

6. กลุ่มซีเมนต์และวัสดุก่อสร้าง - มีแนวโน้มได้รับประโยชน์ในระยะส้น จากความต้องการใช้ซีเมนต์กระเบื้องและยางมะตอยที่จะเพิ่มขึ้นในการซ่อมแซมและสร้างทดแทน หุ้นที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ SCC, SCCC, TPIPL, DCC,SCGD, TASCO เป็นต้น

 

7. กลุ่มค้ำปลีกและสินค้าอุปโภคบริโภค - คาดว่าได้รับผลกระทบแบบผสม โดยหุ้นที่เกี่ยวข้องกับการอุปโภคบริโภคในชีวิตประจำวันและเป็นสินค้าจำเป็นจะได้รับผลกระทบจำกัด เช่น CPALL, BJC ส่วนหุ้นค้าปลีกวัสดุก่อสร้างอาจได้รับผลดีจากการซ่อมแซม เช่น HMPRO, DOHOME, GLOBAL ด้านหุ้นศูนย์การค้า คือ CPN, CRC ระยะส้นผู้ใช้บริการอาจเข้าไปใช้บริการน้อยลง เพราะกังวลเรื่องความปลอดภัย ส่วนความเสียหายของอาคารหางสรรพสินค้าบริษัทระบุว่ามีประกันภัยรองรับกรณีแผ่นดินไหว สำหรับ MEGA ได้รับผลกระทบมากเนื่องจากมีธุรกิจในเมียนมาส่วน OSP, CBG, GLOBAL บริษัทยืนยันว่าไม่มีสินทรัพย์เสียหาย แต่อาจได้รับผลกระทบจากยอดขาย/ส่วนแบ่งกำไรจากเมียนมาที่ลดลง

 

8. กลุ่มีพลังงาน - คาดว่าได้รับผลกระทบจำกัด โดยทาง PTT และPTTEP แจ้งว่า แท่นผลิตก๊าซของบริษัทในอ่าวไทย และอ่าวเมาะตะมะ ประเทศเมียนมายังผลิตก๊าซได้ตามปกติ ส่วน OR แจ้งว่า คลังน้ำมันและคลังปิโตรเลียม 22แห่งทั่วประเทศ ไม่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหว

 

9. กลุ่มโรงพยาบาล - คาดว่าได้รับผลกระทบไม่มากเนื่องจากในประเทศไทยมีผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งนี้ไม่เยอะ ส่วนคนไข้ต่างชาติอาจจะชะลอตัวบ้างในช่วง สั้น เพราะกังวลเรื่องความปลอดภัย

 

10. กลุ่มขนส่งทางราง - คาดว่าได้รับผลกระทบจำกัด จากการปิดให้บริการชั่วคราว 1 -3 วัน ซึ่งขณะนี้กลับมาให้บริการเป็นปกติเกือบทั้งหมดแล้ว ยกเว้นสายสีชมพูที่คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในวันที่ 31 มี.ค.68

 

11. บริษัทหลักทรัพย์ - ได้รับผลกระทบจำกัด จากการระงับการซื้อขายชั่วคราวประมาณครึ่งวันในวันศุกร์ที่ 28 มี.ค.68 และกลับมาเปิดดำเนินการปกติในวันจันทร์ที่ 31 มี.ค.68

 

นักวิเคราะห์ &กลยุทธ์ : อาภาภรณ์ แสวงพรรค : arparporns@dbs.com : Tel 02 587 7829



 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

บทความล่าสุด

PTG คว้าหุ้นยั่งยืน "ระดับสูงสุด AAA" จาก SET ESG Ratings ปี 2568

PTG คว้าหุ้นยั่งยืน "ระดับสูงสุด AAA" จาก SET ESG Ratings ปี 2568

IND ส่งต่อพลังบุญ มอบรถกระบะให้วัดป่าลัน ใช้สืบสานงานศาสนา

IND ส่งต่อพลังบุญ มอบรถกระบะให้วัดป่าลัน ใช้สืบสานงานศาสนา

มัลติมีเดีย

หุ้นอินไซด์ทอลค์ : อัพเดทชีวิต WGE

หุ้นอินไซด์ทอลค์ : อัพเดทชีวิต WGE

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้