สรุปภาพตลาดวานนี้

SET ยังอยู่ในโหมดเซ็งๆ วานนี้ ทั้งดัชนีที่ไม่ไปไหน และปริมาณการซื้อขายที่เบาบางลง โดยเป็นการเล่นหุ้นในกลุ่มธนาคาร และสลับมาเล่นรีบาวน์หุ้นใหญ่ที่ถูกขายวันก่อน เช่น SCC และเก็งกำไรหุ้นที่มีประเด็นรายตัวอย่าง BTS (ประเด็นคอมเพล็กซ์ฯ) ERW (กระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ) เป็นต้น ส่วนด้านแรงขายกดตลาด DELTA AOT และ BDMS ส่วนหุ้นปริมาณการซื้อขายเด้งขึ้นกว่าปกติ พร้อมราคา เช่น AU BTG COM7 เป็นต้น

แนวโน้มตลาดวันนี้
ทิตย์หน้ารู้เรื่อง!
อาทิตย์หน้าตลาดหุ้นฯ ควรจะหมดข้ออ้าง เรื่องรอความชัดเจนมาตรการตอบโต้ทางภาษีที่ ปธน.ทรัมป์ เล็งจะใช้กับประเทศที่เก็บภาษีอมเริกา หลังวันที่ 2 เม.ย.นี้แม้ว่าเมื่อวานจะเห็นข่าวเรื่อง ภาษียานยนต์ที่ อเมริกาเรียกเก็บสูงถึง 25% กับนานาชาติไปแล้ว แต่ดูเหมือนหุ้นไทยยังเคลื่อนไหวในกรอบแคบ และยังรอดูว่ามาตรการภาษีตอบโต้ไทยโดยตรง จะเป็นอย่างไร...

แต่อย่างน้อยในระยะเวลาสั้นๆ ที่หุ้นไทยประกาศ ซื้อหุ้นคืน อาจทำให้ราคาหุ้นดีดเด้งขึ้นได้บ้างในระหว่างการเทรด เช่น PTT HMPRO TTB STECON รวมไปถึงอีกหลาย บจ.ที่ประกาศซื้อหุ้นคืนไปแล้วจำนวนมาก ITEL SNNP PRM TOA TU SSP PSL MGC MAJOR ฯลฯ แม้ว่าสุดท้ายราคาหุ้นอาจไม่ได้บวกขึ้นต่อเนื่องหลังจากวันประกาศ
อิงจากรายงาน กลยุทธ์เมื่อวาน เราได้ศึกษาความเป็นไปได้ของ บจ. ที่เข้าข่ายมีโอกาสจะซื้อหุ้นคืนเป็นตัวถัดไป แบ่งออกเป็น กลุ่มมีศักยภาพสูง ได้แก่ HANA, OR, GFPT, และ PTTGC และกลุ่มรองลงมา BANPU, IRPC, AMATA, GLOBAL, ILM, CPN, SCGD, SCGP, และ SPRC รอบนี้เราคงต้องหันกลับมาพิจารณาหุ้นที่เข้าข่ายมาแนะนำติดมือไว้บ้าง เพราะมีโอกาสที่ราคาหุ้นจะ ดีดเด้งได้บ้าง ถ้ามีการประกาศซื้อหุ้นคืน

กลยุทธ์การลงทุน
เลือกสะสมหุ้นรายตัว (Hold ระยะยาวหน่อย) จากเกณฑ์
1) ราคาหุ้นทรงตัวได้ดี Outperform ในเชิงเทคนิคคอล ไม่ Overbought
2) ความถูกของราคาหุ้นเมื่อเทียบมูลค่าทางบัญชี (PBV) และเทียบกับ Bands
3) แนวโน้มผลการดำเนินงานระยะสั้น ดูแล้วไม่น่าจะสร้างความผิดหวัง
4) โอกาสที่กำไรระยะสั้นจะดีกว่าที่คิด เพราะมีปัจจัยหนุนเฉพาะตัว เช่น มาตรการ ช้อปช่วยชาติ แจกเงินหมื่น ในช่วงไตรมาสแรก หนุนกำไรโตต่อเนื่อง 4Q24-1Q25
5) มีปันผลระหว่างกาล

วิเคราะห์ทางเทคนิค
SET Index ขึ้นลงสลับวัน ยังไม่ไปไหน เกาะเส้น EMA 10 วัน อยู่ในโหมดสร้างฐาน เรายังคาดว่าดัชนีเคลื่อนที่อยู่ภายใต้คลื่นขาลงลูกที่ 5 “Corrective wave” หลังผ่านการ drawdown ลงมาทั้งสิ้น 22% มีความเป็นไปได้ที่ดัชนีกำลังฟอร์มตัวอยู่ในคลื่น 4 ย่อย (ลุ้นรีบาวด์) หรือจบคลื่น 5 ย่อย แล้วมีโอกาสกลับตัวเปลี่ยนขึ้นโดยมีเงื่อนไขต้องรอทะลุบริเวณ 1,200 จุด (EMA 25 วัน) ให้ได้เสียก่อน
Note: จับตาวันที่ 2 เมษายนนี้ Trump อาจใช้แนวทางยืดหยุ่นในการดำเนินนโยบายทางการค้า แต่ยังไม่แน่นอน! ส่วนปัจจัยในประเทศ…รัฐบาลออกมาตรการรัวๆ หลังสภาลงมติไว้วางใจท่านนายก จะมีมาตรการไหนส่งผลบวกต่อหุ้นบ้าง...

What to watch
รัฐบาล ผ่าน พรก. เป็น กม.ให้อำนาจ กลต. ตรวจสอบรายการ Naked shorted ได้แล้ว หลังจากที่ผ่านมาขาดอำนวจในการตรวจสอบธุรกรรมต่างชาติ
สว.เรียก กลต. ตลท. ชี้แจง และทบทวนมาตรการ เพื่อเร่งสร้างความเชื่อมั่นหุ้นไทย
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ เตรียมประกาศใช้ภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) ตามที่วางแผนไว้ในวันที่ 2 เม.ย. อย่างไรก็ดี สื่อสหรัฐฯ รายงานว่า ภาษีศุลกากรซึ่งจะเรียกเก็บเป็นรายภาคอุตสาหกรรม เช่น ภาษีนำเข้ารถยนต์และเซมิคอนดักเตอร์นั้น มีแนวโน้มว่าจะไม่ประกาศใช้ในเวลาเดียวกัน
ปธน.ทรัมป์กล่าวกับผู้สื่อข่าวที่ทำเนียบขาวเมื่อวันศุกร์ (21 มี.ค.) ว่าจะมีการใช้ความยืดหยุ่นต่อแผนการเรียกเก็บภาษีตอบโต้ซึ่งสหรัฐฯ มีกำหนดบังคับใช้ในวันที่ 2 เม.ย. พร้อมกับกล่าวว่าเขามีแผนที่จะพูดคุยกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน หลังจากที่จีนประกาศเรียกเก็บภาษีสินค้าเกษตรนำเข้าจากสหรัฐฯ เพื่อตอบโต้สหรัฐฯ ที่เรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีน
อเมริการายงาน GDP 4Q (3rd) 2.4% ตามคาด (+2.4% q-q) จาก 2.3%
วันศุกร์ รายงานเงินเฟ้ออเมริกา PCE คาด +0.3% m-m
ครม.เห็นชอบ พรบ.Entertainment complex เตรียมเสนอสภา เดือนเหน้า, ส่วน โครงการเที่ยวด้วยกัน รอฟื้น คาดว่าจะผ่าน ครม.ในเร็วๆนี้

หุ้นแนะนำวันนี้
HANA หนึ่งในหุ้นที่ BLS คาดมีโอกาส และมีศักยภาพจะซื้อหุ้นคืนได้
แนวรับ 16.5 แนวต้าน 18/19 ตัดขาดทุน 15

รายงานพื้นฐานวันนี้

Energy Sector
จะเล่นหุ้นพลังงานยุคทรัมป์ 2.0 อย่างไร
วิเคราะห์นโยบายพลังงานในธีม “Unleashing American Energy” ของทรัมป์ 2.0 ต่อหุ้นกลุ่มพลังงาน
นโยบายส่งเสริมการผลิตพลังงานและสำรวจแหล่งพลังงาน: กดดันราคาน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ ผลกระทบ: (-) PTTEP / (+) IVL, PTTGC, SCC
สนับสนุนการส่งออก LNG: กดดันราคาก๊าซ LNG ผลกระทบ: (+) PTT, BGRIM, GPSC, WHAUP
ยกเลิกนโยบายบังคับใช้รถ EV: เพิ่มความต้องการใช้น้ำมันเบนซิน หนุน GRM ผลกระทบ: (+) BCP, IRPC, SPRC, TOP
ตั้งกำแพงภาษีต่อพลังงานหมุนเวียน: หนุนความต้องการใช้ไฟจากฟอสซิล ผลกระทบ: (+) BANPU, BCPG, EGCO, GULF
ระงับโครงการพลังงานลมใหม่: หนุนไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงฟอสซิลต่อเนื่อง ผลกระทบ: (+) BANPU, BCPG, EGCO, GULF
Fundamental view: นโยบายของทรัมป์มีแนวโน้มส่งผลบวกต่อหุ้นพลังงาน โรงกลั่น และโรงไฟฟ้าของไทย โดยเฉพาะในช่วง 2Q25 ที่ค่าการกลั่น (GRM) เข้าสู่ High Season และราคาหุ้นยัง Laggard

เราแนะนำให้สะสมหุ้นกลุ่มโรงกลั่น โดยในกลุ่มพลังงาน เราชอบ TOP และ PTT ที่มีแนวโน้มกำไรมั่นคงและ Valuation ถูก ส่วน PTTEP ยังถูกกดดันจากราคาน้ำมันที่ไม่น่าขึ้นแรงอีกครั้งในเร็ว ๆ นี้

Commerce Sector
ผลกระทบจากสงครามการค้า
กลุ่มไหนกระทบ: ยุค Trump 2.0 อาจซ้ำรอยเดิม รอบก่อน (ปี 2018) ที่ทำให้จีนเร่งส่งออกมายังไทย ซึ่งนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่มขึ้นจาก CAGR 4% (2013–17) เป็น 9% (2018–24) โดยเฉพาะกลุ่ม Non-food เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า เฟอร์นิเจอร์ เสื้อผ้า และเหล็ก ที่ขายผ่าน e-Commerce มากขึ้น เราประเมินว่า หาก SSSG ของกลุ่ม Non-food ปี 2025 ต่ำกว่าสมมติฐาน 1% จะกระทบกำไรหลักราว 2–3%

อย่างไรก็ตาม เราคิดว่าในกลุ่มค้าปลักยังมีสินค้าจำเป็น โดยเฉพาะ CPALL ที่มีแนวโน้มที่ดี ซึ่ง จะได้ประโยชน์จากเงินดิจิทัลเฟส 3 ที่ไม่สามารถถอนเป็นเงินสดได้ และจำกัดการใช้จ่ายในร้านค้า ขนาดเล็กในเขตภูมิลำเนาหรือกรุงเทพฯ ทำให้ CPALL ที่มีร้าน 7-Eleven กว่า 15,245 สาขาทั่วประเทศได้ประโยชน์สูงสุด ส่วน CPAXT ก็ได้อานิสงส์เช่นกัน โดยคาดว่าการแจกเงินจะเริ่มใน 2Q25

นอกจากนี้ แนวโน้มกำไรหลัก 1Q25 ของกลุ่มฯ ฟื้นตัวไม่เท่ากัน คาดว่าโดยรวมจะเพิ่มขึ้น YoY แต่ลดลง QoQ (ตามฤดูกาล) โดย กลุ่มสินค้าจำเป็นจะนำการเติบโต ขณะที่กลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย และตกแต่งบ้าน จะยังอ่อนแอ (กำไร 1Q25 อาจเพียงทรงตัว YoY)

Fundamental view: เรายังคงน้ำหนัก "เท่าตลาด" (NEUTRAL) สำหรับกลุ่มค้าปลีก แต่ให้น้ำหนักกับสินค้าจำเป็นมากกว่าในช่วง 1H25 โดย CPALL และ CPAXT เป็น Top Picks

วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค
นภนต์ ใจแสน นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน
ภูวดล ภูสอดเงิน, AISA นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน