---กลับสู่กำไรหลังไม่มีการตั้งสำรองอีก---
บริษัทได้เคลียร์ Overhang ต่างๆไปแล้วในปี 67 ทำให้ขาดทุนสุทธิ 2.4 พันล้านบาท โดยหลักเป็นการตั้งสำรองในโครงการ CFP ที่บริษัทเป็นผู้รับเหมาช่วง 1 พันล้านบาท, ค่าซ่อมแซมและตั้งสำรองฯโครงการอุโมงค์หนองบอน 1.8 พันล้านบาท และปรับต้นทุนรถไฟฟ้าสายสีชมพูและเหลือง 1.1 พันล้านบาท
เปลี่ยนวิธีบันทึกบัญชีโครงการรถไฟฟ้าสายชมพูและเหลืองเป็นเงินลงทุนที่รับปันผล (จากเดิมเป็นส่วนแบ่งผลกำไร/ขาดทุน) ทำให้จะไม่ต้องรับรู้ส่วนแบ่งผลขาดทุนปีละ 500-600 ล้านบาท มีผลในช่วง 2H68F เราคาดว่าในปี 68F จะรับรู้ส่วนแบ่งผลขาดทุน 210 ล้านบาท และไม่มีผลขาดทุนในปี 69 ทั้งนี้แม้ว่า STECON ถือหุ้นในโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูและเหลือง 15% แต่ต้องบันทึกบัญชีเป็นส่วนแบ่งผลกำไร/ขาดทุนเพราะมีส่งผู้บริหารเข้าไปเป็นกรรมการจีงถูกตีความว่ามีอำนาจบริหาร แต่ผู้บริหารจะลาออกจากเป็นกรรมการในปีนี้จึงเปลี่ยนวิธีบันทีกบัญชีได้
คาดมีกำไรสุทธิใน 1Q68F เท่ากับ 200-230 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 171 ล้านบาทใน 1Q67 และขาดทุนสุทธิ 2.2 พันล้านบาทใน 4Q67 เป็นผลจากธุรกิจหลักดีขึ้น มีปันผลรับจาก GULFI ที่ 222 ล้านบาท ซึ่งสามารถชดเชยกับส่วนแบ่งผลขาดทุนจากโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูและเหลืองที่ 110-120 ล้านบาทได้
ได้รับผลกระทบจากราคาซีเมนต์ที่ปรับขึ้น 20% ไม่มาก ทั้งนี้ราคาซีเมนต์ปรับขึ้นราว 400 บาท/ตัน (ราว 20% มีผลมี.ค.68) แต่ผู้บริหารระบุว่ากระทบไม่มาก เพราะต้นทุนซีเมนต์คิดเป็น 3-4% ของต้นทุนการรับเหมาก่อสร้าง นอกจากนั้นบริษัทได้ซื้อซีเมนต์และล็อกราคาล่วงหน้าไว้แล้ว 1-2 ปี
ปี 68F คาดจะกลับมาทำกำไรสุทธิ 762 ล้านบาท เทียบกับขาดทุนสุทธิในปี 67 โดยหลักมาจากรายได้จากธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง, อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ในระดับปกติ 6.3-6.4%, ส่วนแบ่งผลขาดทุนจากรถไฟฟ้าน้อยลงเป็น 210 ล้านบาทในปี 68F และเป็นศูนย์ในปี 69F
ประกาศทำโครงการซื้อหุ้นคืน ไม่เกิน 900 ล้านหุ้น วงเงินไม่เกิน 150 ล้านหุ้น (ไม่เกิน 9.87% ของจำนวนหุ้นเรียกชำระแล้ว) ระยะเวลาซื้อคืน 18 มี.ค.-17 ก.ย.68
คงคำแนะนำซื้อ ให้ราคาพื้นฐาน 8.40 บาท อิงกับ P/BV ปีนี้ที่ 0.7 เท่า โดยปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 68F-69F ขึ้น 101%/99% สะท้อนส่วนแบ่งผลขาดทุนจากโครงการรถไฟฟ้าสีชมพูและเหลืองที่ลดลงในปี 68F และไม่มีในปี 69F
นักวิเคราะห์ : ศศิกานต์ อุดมเวศย์ : sasikarnudomvej@dbs.com : Tel. 02 857 7833