LOW LIQUIDITY & FEAR
TOP PICK CCET / PLANB / ERW
EXTERNAL FACTOR
• ตลาดการเงินยังมีความกังวลต่อเนื่องจากประเด็น “TRADE WAR”
• กรณีสหรัฐฯ ประกาศปรับเพิ่มภาษีนำเข้ารถยนต์ 25% มีผลบงคับใช้ 2 เม.ย. 68หลายประเทศไม่ได้นิ่งเฉย มีทั้งออกมาคัดค้านเล็งตอบโต้กลับ (จีน แคนาดา) ตลอดไปจนถึงจำยอมสำหรัฐฯ เพื่อลดแรงกระแทก (ไต้หวัน)
• อุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์มีสัดส่วนต่อ GDP ที่ 2.0% และมีแรงงานกว่า 8.5 แสนคน (2.1% ของผู่ที่มีงานทำ) ซึ่งการปรับขึ้นภาษีรถยนต์เช่นนี้ อาจทำให้ความเสี่ยงต่อการว่างงานสูงขึ้น และกระทบต่อการบริโภคได้
INTERNAL FACTOR
• ครม.มีความเคลื่อนไหวมากมายเกี่ยวกับแรงกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านโยบายต่างๆ ทั้งครม.อนุมัติหลักการร่าง พ.ร.ก.เพิ่มอำนาจ ก.ล.ต. เพื่อสกัดการปั่นหุ้น เพื่อสร้างความเชื่อมั่นของผู้ลงทุน และความน่าเชื่อถือในตลาดทุน, ครม.เคาะร่าง พรบ.ธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร, เร่งกระตุ้นนักท่องเที่ยวจีนเข้าไทย โดยขยายฟรีวีซ่า
• และโครงการเราเที่ยวด้วยกัน รัฐจ่ายคนละครึ่ง หวังกระตุ้นช่วง LOW SEASON - เร่งกระตุ้นนทท.จีน โดยมีแผนจะเสนอมาตรการนี้ให้ ครม. พิจารณาอนุมัติในเดือน มี.ค.68 ระยะถัดไปเตรียมมีเม็ดเงินกระตุ้นจาก THAIESGX ณ พ.ค.68 ถือเป็นจังหวะที่สำหรับการลงทุนระยะกลาง-ยาว
INVESTMENT STRATEGY
• วันนี้ SET INDEX มีโอกาสผันผวน จาก 3 ส่วน คือ 1). มูลค่าซื้อขายที่ยังเบาบาง และตลาดหุ้นอินโดฯ หยุดซึ้อขายถึงวันที่ 7 เม.ย. 2). นักลงทุนรอประเด็นการตั้งกำแพงภาษีสหรัฐฯ ในวันที่ 2 เม.ย.68และ 3). เป็นวันสุดท้ายที่นักลงทุน ROLLOVER สัญญาฟิวเจอร์ส จากซีรีย์ H ไป M ทำให้ช่วงบ่าย SET INDEX มีโอกาสผันผวนสูง
• ภายใต้มูลค่าซื้อขายเบาบาง และตลาดผันผวน แนะนำTRADING หุ้นมีปัจจัยบวกเฉพาะตัว GPSC, BGRIM,ERW, MINT, CENTEL รวมถึงหลบความผันผวนในหุ้นปันผล AP SPALI TTB
“TRUMP เพิ่มกำแพงภาษี” เพิ่มความกังวลต่อสินทรัพย์เสี่ยง
นับตั้งแต่ ปธน. TRUMP เข้ารับตำแหน่งเมื่อ 20 ม.ค. 68 สหรัฐฯ มีการบังคับใช้มาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากประเทศต่างๆ เริ่มจากจีน รวมถึงกลุ่มสินค้าเหล็ก-อลูมิเนียม ขณะเดียวกันประเทศที่ได้รับผลกระทบ ไม่ได้ปล่อยให้สหรัฐฯ กระทำเพียงฝ่ายเดียว พร้อมกับมีแผนเดินหน้าเรียกเก็บภาษีตอบโต้สหรัฐฯ เช่นกัน นำโดยจีน แคนาดา และยุโรป
โดยล่าสุดวานนี้ กรณีสหรัฐฯ ประกาศปรับเพิ่มภาษีนำเข้ารถยนต์ 25% มีผลบงคับใช้ 2 เม.ย. 68 หลายประเทศไม่ได้นิ่งเฉย มีทั้งออกมาคัดค้านเล็งตอบโต้กลับ ตลอดไปจนถึงจำยอมสำหรัฐฯ เพื่อลดแรงกระแทก
• จีนค้านมาตรการกีดกันการค้า ยืนยันปกป้องการค้าเสรี โดยจีนจะเดินหน้าส่งเสริมนโยบายเปิดกว้างต่อไปและเชิญชวนให้บริษัทต่างชาติเข้ามาลงทุนในจีน
• แคนาดาเล็งตอบโต้สหรัฐฯเก็บภาษีนำเข้ารถ พร้อมตั้งกองทุนช่วยอุตสาหกรรมยานยนต์แคนาดา
• ไต้หวันเตรียมรับมือภาษีทรัมป์ เล็งนำเข้าพลังงานเพิ่ม-ลดภาษีศุลกากร
ในแง่มุมของอุตสหากรรมยานยนต์ ถือว่ามีความสำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในบานเราอย่างยิ่ง ซึ่งอยู่ภายใต้การผลิตสินค้าอุตสาหกรรม (คิดเป็น 25.1% ของ GDP) และอ้างอิงจาก ธปท. การผลิตในธุรกิจยานยนต์มีสัดส่วนต่อ GDP ที่ 2.0%
เมื่อพิจารณาตลาดแรงงานภาคอุตสาหกรรมของไทย ส่วนใหญ่อยู่ในธุรกิจการผลิตสูงถึง 6.6 ล้านคน ซึ่ง EECประเมินว่าปัจจุบันประเทศไทยมีแรงงานกว่า 8.5 แสนคน ทำงานในภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ ครอบคลุมทุกขั้นตอนการผลิต หรือคิดเป็นสัดส่วน 12.8% ของการจ้างงานภาคการผลิต และ 2.1% ของผู่ที่มีงานทำ ซึ่งการปรับขึ้นภาษีรถยนต์เช่นนี้ อาจทำให้ความเสี่ยงต่อการว่างงานสูงขึ้น และกระทบต่อการบริโภคได้
นอกจากนี้ หากพิจาณาอัตราภาษีศุลกากรโดยเฉลี่ยจากทุกสินค้าของสหรัฐฯ ล่าสุดอยู่ที่ 3.3% โดยBLOOMBERG ประเมิน การตั้งกำแพงภาษีของสหรัฐฯ อาจผลักให้อัตราภาษีเฉลี่ยของสหรัฐฯ พุ่งขึ้นไปแตะ 35% ซึ่งจะเป็นเหตุในการกระตุ้นเงินเฟ้อ พร้อมกับกดดันเศรษฐกิจชะลอตัวได้
ความคาดหวังแรงกระตุ้นภายในประเทศมีอะไรบ้าง ... มาดูกัน
วานนี้ครม.มีความเคลื่อนไหวมากมายเกี่ยวกับแรงกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านโยบายต่างๆ ซึ่งมีรายละเอียด ดังนี้
1.ครม.อนุมัติหลักการร่าง พ.ร.ก.เพิ่มอำนาจ ก.ล.ต. เพื่อสกัดการปั่นหุ้น และเพื่อสร้างความเชื่อมั่นของผู้ลงทุนและความน่าเชื่อถือในตลาดทุน ซึ่งมีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 6 ข้อ
(1) การเพิ่มประสิทธิภาพการตรวจสอบและการกำกับดูแลการขายหลักทรัพย์โดยที่ยังไม่มีหลักทรัพย์อยู่ในครอบครอง (การขายชอร์ต)
(2) การยกระดับการทำหน้าที่ของผู้ประกอบวิชาชีพในตลาดทุน เพิ่มความเข้มแข็งของบริษัทที่ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียน
(3) การกำหนดสิทธิของผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ให้ครอบคลุมถึงการดำเนินการแทนผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ในกระบวนการฟื้นฟูกิจการและล้มละลาย
(4) การรายงานข้อมูลการก่อภาระผูกพันในหลักทรัพย์ต่อสำนักงาน ก.ล.ต.
(5) การเพิ่มมาตรการทางกฎหมายเพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบการกระทำความผิดและยับยั้งความเสียหายและการมอบหมายบุคคลอื่นจัดการทรัพย์สินที่ยึดอายัด
(6) การให้เจ้าหน้าที่ ก.ล.ต.เป็นพนักงานสอบสวนในคดี HIGH IMPACT
2.ครม.เคาะร่าง พรบ.ธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร ได้เปิดรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน ซึ่งมีผู้เห็นด้วย 80%ยืนยันว่าเพื่อเป็นการกระตุ้นการท่องเที่ยวของประเทศเป็นหลัก เน้นลงทุนเพื่อท่องเที่ยว-“คาสิโน” ไม่เกิน 10%
3.เร่งกระตุ้นนักท่องเที่ยวจีนเข้าไทย โดยขยายฟรีวีซ่า (อยู่ระหว่างพิจารณา)
4.โครงการเราเที่ยวด้วยกัน รัฐจ่ายคนละครึ่ง หวังกระตุ้นช่วง LOW SEASON - เร่งกระตุ้นนทท.จีน โดยมีแผนจะเสนอมาตรการนี้ให้ ครม. พิจารณาอนุมัติในเดือน มี.ค.68 ซึ่งรายละเอียดเบื้องต้น
• วางกรอบไว้ที่ 1 ล้านสิทธิ จำกัด 10 สิทธิ์ต่อคน
• วงเงินสูงสุด 3,000 บาทต่อคืนต่อสิทธิ์ (ไม่รวมตั๋วเครื่องบิน)
• เป็นการใช้จ่ายในรูปแบบคูปองดิจิทัล แบ่งเป็นการสนับสนุน
• เมืองหลักในอัตรา 60:40 (ประชาชนจ่าย 60% รัฐจ่าย 40%)
• เมืองรองจะเป็นอัตรา 50:50 (รัฐจ่าย 50% ประชาชนจ่าย 50%)
และอาจมีการพิจารณาเงื่อนไขเพิ่มเติม เช่น การจองที่พักในจังหวัดหนึ่ง อาจต้องมีการเดินทางไปยังจังหวัดอื่นด้วยเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวในเมืองรองตามนโยบาย
ดังนั้น ปัจจัยหนุนในระยะถัดไปทั้งฝั่งของเศรษฐกิจไทย และตลาดทุน น่าจะช่วยเรียกความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนไทยได้ไม่ยากนัก + ระยะถัดไปเตรียมมีเม็ดเงินกระตุ้นจาก THAIESGX ณ พ.ค.68 จึงถือเป็นจังหวะสะสมหุ้นพื้นฐานดี ราคาถูก อาทิ SPALI AP SCC PTTEP เป็นต้น
SET ยังถูกปัจจัยกดดัน และขาดสภาพคล่อง
วันนี้ SET INDEX มีโอกาสผันผวน จากปัจจัยต่างๆ ดังนี้
▪ มูลค่าซื้อขายที่ยังเบาบาง โดยสัปดาห์นี้ตลาดหุ้นไทยถูกซื้อขายอยู่ระดับ 2 หมื่นกว่าล้านบาทต่อวัน และตลาดหุ้นอินโดฯ หยุดซึ้อขายถึงวันที่ 7 เม.ย.68
▪ นักลงทุนรอประเด็นการตั้งกำแพงภาษีสหรัฐฯ ในวันที่ 2 เม.ย.68
▪ เป็นวันสุดท้ายที่นักลงทุน ROLLOVER สัญญาฟิวเจอร์ส จากซีรีย์ H ไป M ทำให้ช่วงบ่าย SET INDEX มีโอกาสผันผวนสูง
ภายใต้มูลค่าซื้อขายเบาบาง และตลาดผันผวน แนะนำ TRADING หุ้นมีปัจจัยบวกเฉพาะตัว GPSC, BGRIM, ERW,MINT, CENTEL รวมถึงหลบความผันผวนในหุ้นปันผล AP, SPALI, TTB
Research Division
จัดทำโดย
ภราดร เตียรณปราโมทย์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
ภวัต ภัทราพงศ์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 117985
สิริลักษณ์ พันธ์วงค์
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์