Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.เอเซีย พลัส : Market Talk

215

 

LOW LIQUIDITY & FEAR
TOP PICK CCET / PLANB / ERW

EXTERNAL FACTOR
• ตลาดการเงินยังมีความกังวลต่อเนื่องจากประเด็น “TRADE WAR”
• กรณีสหรัฐฯ ประกาศปรับเพิ่มภาษีนำเข้ารถยนต์ 25% มีผลบงคับใช้ 2 เม.ย. 68หลายประเทศไม่ได้นิ่งเฉย มีทั้งออกมาคัดค้านเล็งตอบโต้กลับ (จีน แคนาดา) ตลอดไปจนถึงจำยอมสำหรัฐฯ เพื่อลดแรงกระแทก (ไต้หวัน)
• อุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์มีสัดส่วนต่อ GDP ที่ 2.0% และมีแรงงานกว่า 8.5 แสนคน (2.1% ของผู่ที่มีงานทำ) ซึ่งการปรับขึ้นภาษีรถยนต์เช่นนี้ อาจทำให้ความเสี่ยงต่อการว่างงานสูงขึ้น และกระทบต่อการบริโภคได้


INTERNAL FACTOR
• ครม.มีความเคลื่อนไหวมากมายเกี่ยวกับแรงกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านโยบายต่างๆ ทั้งครม.อนุมัติหลักการร่าง พ.ร.ก.เพิ่มอำนาจ ก.ล.ต. เพื่อสกัดการปั่นหุ้น เพื่อสร้างความเชื่อมั่นของผู้ลงทุน และความน่าเชื่อถือในตลาดทุน, ครม.เคาะร่าง พรบ.ธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร, เร่งกระตุ้นนักท่องเที่ยวจีนเข้าไทย โดยขยายฟรีวีซ่า
• และโครงการเราเที่ยวด้วยกัน รัฐจ่ายคนละครึ่ง หวังกระตุ้นช่วง LOW SEASON - เร่งกระตุ้นนทท.จีน โดยมีแผนจะเสนอมาตรการนี้ให้ ครม. พิจารณาอนุมัติในเดือน มี.ค.68 ระยะถัดไปเตรียมมีเม็ดเงินกระตุ้นจาก THAIESGX ณ พ.ค.68 ถือเป็นจังหวะที่สำหรับการลงทุนระยะกลาง-ยาว


INVESTMENT STRATEGY
• วันนี้ SET INDEX มีโอกาสผันผวน จาก 3 ส่วน คือ 1). มูลค่าซื้อขายที่ยังเบาบาง และตลาดหุ้นอินโดฯ หยุดซึ้อขายถึงวันที่ 7 เม.ย. 2). นักลงทุนรอประเด็นการตั้งกำแพงภาษีสหรัฐฯ ในวันที่ 2 เม.ย.68และ 3). เป็นวันสุดท้ายที่นักลงทุน ROLLOVER สัญญาฟิวเจอร์ส จากซีรีย์ H ไป M ทำให้ช่วงบ่าย SET INDEX มีโอกาสผันผวนสูง
• ภายใต้มูลค่าซื้อขายเบาบาง และตลาดผันผวน แนะนำTRADING หุ้นมีปัจจัยบวกเฉพาะตัว GPSC, BGRIM,ERW, MINT, CENTEL รวมถึงหลบความผันผวนในหุ้นปันผล AP SPALI TTB


“TRUMP เพิ่มกำแพงภาษี” เพิ่มความกังวลต่อสินทรัพย์เสี่ยง
นับตั้งแต่ ปธน. TRUMP เข้ารับตำแหน่งเมื่อ 20 ม.ค. 68 สหรัฐฯ มีการบังคับใช้มาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากประเทศต่างๆ เริ่มจากจีน รวมถึงกลุ่มสินค้าเหล็ก-อลูมิเนียม ขณะเดียวกันประเทศที่ได้รับผลกระทบ ไม่ได้ปล่อยให้สหรัฐฯ กระทำเพียงฝ่ายเดียว พร้อมกับมีแผนเดินหน้าเรียกเก็บภาษีตอบโต้สหรัฐฯ เช่นกัน นำโดยจีน แคนาดา และยุโรป

โดยล่าสุดวานนี้ กรณีสหรัฐฯ ประกาศปรับเพิ่มภาษีนำเข้ารถยนต์ 25% มีผลบงคับใช้ 2 เม.ย. 68 หลายประเทศไม่ได้นิ่งเฉย มีทั้งออกมาคัดค้านเล็งตอบโต้กลับ ตลอดไปจนถึงจำยอมสำหรัฐฯ เพื่อลดแรงกระแทก
• จีนค้านมาตรการกีดกันการค้า ยืนยันปกป้องการค้าเสรี โดยจีนจะเดินหน้าส่งเสริมนโยบายเปิดกว้างต่อไปและเชิญชวนให้บริษัทต่างชาติเข้ามาลงทุนในจีน
• แคนาดาเล็งตอบโต้สหรัฐฯเก็บภาษีนำเข้ารถ พร้อมตั้งกองทุนช่วยอุตสาหกรรมยานยนต์แคนาดา
• ไต้หวันเตรียมรับมือภาษีทรัมป์ เล็งนำเข้าพลังงานเพิ่ม-ลดภาษีศุลกากร

ในแง่มุมของอุตสหากรรมยานยนต์ ถือว่ามีความสำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในบานเราอย่างยิ่ง ซึ่งอยู่ภายใต้การผลิตสินค้าอุตสาหกรรม (คิดเป็น 25.1% ของ GDP) และอ้างอิงจาก ธปท. การผลิตในธุรกิจยานยนต์มีสัดส่วนต่อ GDP ที่ 2.0%

เมื่อพิจารณาตลาดแรงงานภาคอุตสาหกรรมของไทย ส่วนใหญ่อยู่ในธุรกิจการผลิตสูงถึง 6.6 ล้านคน ซึ่ง EECประเมินว่าปัจจุบันประเทศไทยมีแรงงานกว่า 8.5 แสนคน ทำงานในภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ ครอบคลุมทุกขั้นตอนการผลิต หรือคิดเป็นสัดส่วน 12.8% ของการจ้างงานภาคการผลิต และ 2.1% ของผู่ที่มีงานทำ ซึ่งการปรับขึ้นภาษีรถยนต์เช่นนี้ อาจทำให้ความเสี่ยงต่อการว่างงานสูงขึ้น และกระทบต่อการบริโภคได้


นอกจากนี้ หากพิจาณาอัตราภาษีศุลกากรโดยเฉลี่ยจากทุกสินค้าของสหรัฐฯ ล่าสุดอยู่ที่ 3.3% โดยBLOOMBERG ประเมิน การตั้งกำแพงภาษีของสหรัฐฯ อาจผลักให้อัตราภาษีเฉลี่ยของสหรัฐฯ พุ่งขึ้นไปแตะ 35% ซึ่งจะเป็นเหตุในการกระตุ้นเงินเฟ้อ พร้อมกับกดดันเศรษฐกิจชะลอตัวได้


ความคาดหวังแรงกระตุ้นภายในประเทศมีอะไรบ้าง ... มาดูกัน
วานนี้ครม.มีความเคลื่อนไหวมากมายเกี่ยวกับแรงกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านโยบายต่างๆ ซึ่งมีรายละเอียด ดังนี้
1.ครม.อนุมัติหลักการร่าง พ.ร.ก.เพิ่มอำนาจ ก.ล.ต. เพื่อสกัดการปั่นหุ้น และเพื่อสร้างความเชื่อมั่นของผู้ลงทุนและความน่าเชื่อถือในตลาดทุน ซึ่งมีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 6 ข้อ
(1) การเพิ่มประสิทธิภาพการตรวจสอบและการกำกับดูแลการขายหลักทรัพย์โดยที่ยังไม่มีหลักทรัพย์อยู่ในครอบครอง (การขายชอร์ต)
(2) การยกระดับการทำหน้าที่ของผู้ประกอบวิชาชีพในตลาดทุน เพิ่มความเข้มแข็งของบริษัทที่ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียน
(3) การกำหนดสิทธิของผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ให้ครอบคลุมถึงการดำเนินการแทนผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ในกระบวนการฟื้นฟูกิจการและล้มละลาย
(4) การรายงานข้อมูลการก่อภาระผูกพันในหลักทรัพย์ต่อสำนักงาน ก.ล.ต.
(5) การเพิ่มมาตรการทางกฎหมายเพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบการกระทำความผิดและยับยั้งความเสียหายและการมอบหมายบุคคลอื่นจัดการทรัพย์สินที่ยึดอายัด
(6) การให้เจ้าหน้าที่ ก.ล.ต.เป็นพนักงานสอบสวนในคดี HIGH IMPACT

2.ครม.เคาะร่าง พรบ.ธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร ได้เปิดรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน ซึ่งมีผู้เห็นด้วย 80%ยืนยันว่าเพื่อเป็นการกระตุ้นการท่องเที่ยวของประเทศเป็นหลัก เน้นลงทุนเพื่อท่องเที่ยว-“คาสิโน” ไม่เกิน 10%

3.เร่งกระตุ้นนักท่องเที่ยวจีนเข้าไทย โดยขยายฟรีวีซ่า (อยู่ระหว่างพิจารณา)

4.โครงการเราเที่ยวด้วยกัน รัฐจ่ายคนละครึ่ง หวังกระตุ้นช่วง LOW SEASON - เร่งกระตุ้นนทท.จีน โดยมีแผนจะเสนอมาตรการนี้ให้ ครม. พิจารณาอนุมัติในเดือน มี.ค.68 ซึ่งรายละเอียดเบื้องต้น
• วางกรอบไว้ที่ 1 ล้านสิทธิ จำกัด 10 สิทธิ์ต่อคน
• วงเงินสูงสุด 3,000 บาทต่อคืนต่อสิทธิ์ (ไม่รวมตั๋วเครื่องบิน)
• เป็นการใช้จ่ายในรูปแบบคูปองดิจิทัล แบ่งเป็นการสนับสนุน
• เมืองหลักในอัตรา 60:40 (ประชาชนจ่าย 60% รัฐจ่าย 40%)
• เมืองรองจะเป็นอัตรา 50:50 (รัฐจ่าย 50% ประชาชนจ่าย 50%)
และอาจมีการพิจารณาเงื่อนไขเพิ่มเติม เช่น การจองที่พักในจังหวัดหนึ่ง อาจต้องมีการเดินทางไปยังจังหวัดอื่นด้วยเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวในเมืองรองตามนโยบาย

ดังนั้น ปัจจัยหนุนในระยะถัดไปทั้งฝั่งของเศรษฐกิจไทย และตลาดทุน น่าจะช่วยเรียกความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนไทยได้ไม่ยากนัก + ระยะถัดไปเตรียมมีเม็ดเงินกระตุ้นจาก THAIESGX ณ พ.ค.68 จึงถือเป็นจังหวะสะสมหุ้นพื้นฐานดี ราคาถูก อาทิ SPALI AP SCC PTTEP เป็นต้น

SET ยังถูกปัจจัยกดดัน และขาดสภาพคล่อง
วันนี้ SET INDEX มีโอกาสผันผวน จากปัจจัยต่างๆ ดังนี้
▪ มูลค่าซื้อขายที่ยังเบาบาง โดยสัปดาห์นี้ตลาดหุ้นไทยถูกซื้อขายอยู่ระดับ 2 หมื่นกว่าล้านบาทต่อวัน และตลาดหุ้นอินโดฯ หยุดซึ้อขายถึงวันที่ 7 เม.ย.68
▪ นักลงทุนรอประเด็นการตั้งกำแพงภาษีสหรัฐฯ ในวันที่ 2 เม.ย.68
▪ เป็นวันสุดท้ายที่นักลงทุน ROLLOVER สัญญาฟิวเจอร์ส จากซีรีย์ H ไป M ทำให้ช่วงบ่าย SET INDEX มีโอกาสผันผวนสูง

ภายใต้มูลค่าซื้อขายเบาบาง และตลาดผันผวน แนะนำ TRADING หุ้นมีปัจจัยบวกเฉพาะตัว GPSC, BGRIM, ERW,MINT, CENTEL รวมถึงหลบความผันผวนในหุ้นปันผล AP, SPALI, TTB

 


Research Division
จัดทำโดย
ภราดร เตียรณปราโมทย์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
ภวัต ภัทราพงศ์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 117985
สิริลักษณ์ พันธ์วงค์
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์

 

 

 

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

1200 แตก By: แม่มดน้อย

แม่ดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ และแล้ว ดัชนีตลาดหุ้นไทย ก็แตก 1,200 จุด ด้วยพ่อใหญ่อย่าง DELTA แม่ใหญ่ AOT เป็นหัวหอก....

FTI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติไฟเขียวทุกวาระ จ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น

FTI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติไฟเขียวทุกวาระ จ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น

ผถห. SSP ผ่านฉลุย! จ่ายปันผล 0.20 บาท/หุ้น

ผถห. SSP ผ่านฉลุย! จ่ายปันผล 0.20 บาท/หุ้น

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้