Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.เอเซีย พลัส : Market Talk

269

 

บีบคั้นหัวใจ
TOP PICK BDMS / MTC / PR9

EXTERNAL FACTOR
นับตั้งแต่ต้นปี 2025 ตลาดหุ้นโลกค่อนข้างผันผวน โดยเฉพาะในกลุ่ม TIP นำโดยไทย-15.37%YTD, อินโดนีเซีย -11.93%YTD, ฟิลิปปินส์ -5.65%YTD

ปัจจัยที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดในช่วงนี้ ซึ่งอาจเข้ามากดดันให้เม็ดเงินชะลอการไหลเข้าสินทรัพย์เสี่ยงในกลุ่ม TIP มี 2 ส่วนหลักๆ ได้แก่ 1) ความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าสหรัฐฯ 2) ค่าเงินรูเปียห์ของประเทศอินโดนีเซียอ่อนค่าหนักสุดในรอบ 27 ป


INTERNAL FACTOR
ใน 3 ปี ที่ผ่านมา SET INDEX ปรับตัวลงทุกปี รวมลบมา 484 จุด หรือ -29% เกิดจากต่างชาติมีอิธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากขึ้น โดยปัจจุบันมีสัดส่วนการซื้อขายในตลาดฯสูงถึง 53.8% ซึ่งสวนทางกับนักลงทุนรายย่อยที่มีอิทธิผลต่อตลาดหุ้นน้อยลง อีกทั้งต่างชาติยังขาหุ้นไทยทุกปีตลอด 3 ปี -3.8 แสนล้านบาท

หากพิจารณาเป็นรายหุ้น จะเห็นได้ว่ามี 20 หุ้นขนาดใหญ่หลายบริษัทที่ถูกต่างชาติขายหนัก ทำให้ราคาหุ้นบางบริษัทปรับตัวลงมาเยอะ อาทิ DELTA, CPALL, AWC,PTTEP, AOT, CPN, BTS, TISCO, TIDLOR ฯลฯ


INVESTMENT STRATEGY
แรงขายของนักลงทุนต่างชาติที่มีมาต่อเนื่องตลอด 3 ปี (2023 –2025YTD) กดดันตลาดหุ้นไทย จนมีVALUATION ที่ถูกมาก โดยมี PBV 1.13 เท่า มี DIVIDEND YIELD 4.3% สูงสุดเป็นอันดับต้นๆ ของโลกขณะที่ SETHD มี DIVIDEND YIELD สูงถึง 6.6%

แม้ตลาดหุ้นไทยยังถูกปัจจัย TRADE WAR และต่างชาติขายกดดันในช่วงนี้ทำให้ขยับขึ้นยาก ดังนั้นเพื่อหลบความผันผวนแนะนำทยอยสะสมหุ้น VALUATION ถูก ปันผลสูง SPALI, AP, SCC, PTTEP และหุ้น MEGATREND ปันผลมีโอกาสค่อยๆ สูงขึ้น CPALL, BH, ITC, WHA


กลุ่ม TIP ยังมีความเสี่ยงเม็ดเงินชะลอไหลเข้า
นับตั้งแต่ต้นปี 2025 ตลาดหุ้นโลกค่อนข้างผันผวน โดยเฉพาะในกลุ่ม TIP นำโดยไทย -15.37%YTD, อินโดนีเซีย -11.93%YTD, ฟิลิปปินส์ -5.65%YTD ซึ่งปัจจัยที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดในช่วงนี้ ซึ่งอาจเข้ามากดดันให้เม็ดเงินชะลอการไหลเข้าสินทรัพย์เสี่ยงในกลุ่ม TIP มี 2 ส่วนหลักๆ ได้แก่

1. ความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าสหรัฐฯ ซึ่งด้านทำเนียบขาวจะปรับแนวทางการจัดเก็บภาษีศุลกากรที่จะเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันที่ 2 เม.ย.นี้ ตามแนวทาง “DIRTY 15” โดยมีแนวโน้มที่อาจจะยังไม่จัดเก็บภาษีในแต่ละภาคอุตสาหกรรม (ยานยนต์ ยา และเซมิคอนดักเตอร์) แต่คาดว่าจะใช้มาตรการภาษีต่างตอบแทนกับกลุ่มประเทศคู่ค้าที่มีสัดส่วนการขาดดุลทางค้าจำนวนมากกับสหรัฐฯส่วนบ้านเรา แม้จะไม่จัดอยู่ในกลุ่ม 15 ประเทศแรกที่มีอัตราภาษีสูงและปริมาณการค้าขนาดใหญ่กับสหรัฐฯบวกกับกำหนดกฎระเบียบที่ทำให้สินค้าของสหรัฐฯ เข้าถึงได้ยาก แต่ก็อยู่ในเรด้าของ USTR เนื่องจากไทยมีได้ดุลการค้าสหรัฐฯ สูงเป็นอันดับที่ 10 (ข้อมูลปี 2024)


2. ค่าเงินรูเปียห์ของประเทศอินโดนีเซียอ่อนค่าหนักสุดในรอบ 27 ปีจากความกังวลเรื่อง "สถานะการคลังของประเทศ” หลังรัฐบาลใช้นโยบายประชานิยม ทำให้การขาดดุลงบประมาณเข้าใกล้ขีดจำกัดทางกฎหมายที่3%ของ GDP อีกทั้งยังขยายบทบาทของกองทัพในรัฐบาลพลเรือนอินโดนีเซียด้วย ซึ่งประเด็นดังกล่าวอาจสร้างความผีนผวนต่อตลาดการเงินได้อย่างไรก็ตาม หากพิจาณาในแง่มุมของภาคการค้าระหว่างประเทศ บ้านเราพึ่งพาการส่งออกสินค้าไปยัง
อินโดนีเซียเป็นอันดับ 9 แต่มูสัดส่วนเพียง 3% ของทั้งหมด

3 ปี ที่ผ่านมา SET ถูกแรงขายต่างชาติกดดัน จนหลายบริษัทเริ่มซื้อหุ้นคืน คาดเป็นตัวพยุงได้ใน 3 ปี ที่ผ่านมา SET INDEX ปรับตัวลงทุกปี รวมลบมา 484 จุด หรือ -29% (ปี 2023 -15.2%, 2024 -1.1%,2025YTD -15.4%) เกิดจากต่างชาติมีอิธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากขึ้น โดยปัจจุบันมีสัดส่วนการซื้อขายในตลาดฯสูงถึง 53.8% ซึ่งสวนทางกับนักลงทุนรายย่อยที่มีอิทธิผลต่อตลาดหุ้นน้อยลงเรื่อยๆ โดยปัจจุบันมีสัดส่วนการซื้อขายในตลาดฯเพียง 29.1%


ซึ่งการที่ SET ปรับตัวลงแรงในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา สาเหตุหลักมาจากการถูกต่างชาติขายสุทธิอย่างหนักหน่วง โดยต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทยหนักทุกปี รวม -3.77แสนล้านบาท สวนทางกับนักลงทุนไทยที่ค่อยๆ เข้าไปสะสม 2.65 แสนล้านบาท ทำให้นักลงทุนในประเทศเกิดความเสียหายเป็นวงกว้าง


ประเด็นดังกล่าวทำให้ SET ผันผวนในช่วงที่ผ่านมา และกดดันให้เม็ดเงินส่วนหนึ่งของนักลงทุนไทยออกไปลงทุนต่างประเทศมากขึ้น สังเกตได้จากยอด FCD ของไทยพุ่ง ATH แตะ 2.63 หมื่นล้านเหรียญฯ(ในยามที่ดอกเบี้ยประเทศอื่นสูงกว่าไทย)


และหากพิจารณาเป็นรายหุ้น จะเห็นได้ว่ามี 20 หุ้นขนาดใหญ่หลายบริษัทที่ถูกต่างชาติขายหนัก ทำให้ราคาหุ้นบางบริษัทปรับตัวลงมาเยอะ อาทิ DELTA, CPALL, AWC, PTTEP, AOT, CPN, BTS, TISCO, TIDLOR เป็นต้นอย่างไรก็ตามมีบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่หลายแห่ง เริ่มตัดสินใจขวักกระเป๋าตัวเองเข้ามาซื้อหุ้นคืน เพื่อช่วยพยุงให้ราคาหุ้นหยุดลง อาทิ PTT วงเงิน 1.6 หมื่นล้านบาท, HMPRO วงเงิน 8 พันล้านบาท ซึ่งในอนาคตน่าจะเห็นอีกหลายบริษัทประกาศซื้อหุ้นคืนเช่นกัน เนื่องด้วย VALUATION บริษัทตนเองถูกเกินไป ดังนั้นฝ่ายวิจัยฯจึงคาดว่าประเด็นดังกล่าวน่าจะช่วยพยุงให้ SET พอผันผวนในกรอบแคบได้บ้าง โดยวันนี้คาดกรอบการเคลื่อนไหวของ SET 1178 -1192 จุด

หลบความผันผวนกับหุ้นปันผล หลัง SET มี DIVIDEND YIELD สูงเป็นอันดับต้นๆ ของโลก
แรงขายของนักลงทุนต่างชาติที่มีมาต่อเนื่องตลอด 3 ปี (2023 –2025YTD) กว่า -3.8 แสนล้านบาท กดดันตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงมาเกือบ 500 จุด จนมี VALUATION ที่ถูกมาก โดยมี PBV 1.13 เท่า มี DIVIDEND YIELD 4.3%สูงสุดเป็นอันดับต้นๆ ของโลก ขณะที่ SETHD มี DIVIDEND YIELD สูงถึง 6.6%


แม้ตลาดหุ้นไทยยังถูกปัจจัย TRADE WAR กดดัน ทำให้ขยับขึ้นยาก ดังนั้นเพื่อหลบความผันผวนแนะนำทยอยสะสมหุ้น VALUATION ถูก ปันผลสูง SPALI, AP, SCC, PTTEP และหุ้น MEGA TREND ปันผลมีโอกาสค่อยๆ สูงขึ้นCPALL, BH, ITC, WHA


Research Division
จัดทำโดย
ภราดร เตียรณปราโมทย์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
ภวัต ภัทราพงศ์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 117985
สิริลักษณ์ พันธ์วงค์
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

1200 แตก By: แม่มดน้อย

แม่ดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ และแล้ว ดัชนีตลาดหุ้นไทย ก็แตก 1,200 จุด ด้วยพ่อใหญ่อย่าง DELTA แม่ใหญ่ AOT เป็นหัวหอก....

FTI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติไฟเขียวทุกวาระ จ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น

FTI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติไฟเขียวทุกวาระ จ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้